|
อาร์.เค.มีเดียรื้อโครงสร้างธุรกิจ TV ดึงพันธมิตรร่วมทุนดันเข้าตลาดหุ้น
ผู้จัดการรายวัน(26 สิงหาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
อาร์.เค.มีเดีย โฮลดิ้ง (RK) เล็งหาพันธมิตรร่วมลงทุนบุกธุรกิจสื่อวิทยุ โทรทัศน์ คาดได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจในเครือ ดัน "ไอที เวิลด์" ทำธุรกิจโทรทัศน์เต็มตัว ก่อนดันเข้าตลาด MAI ภายในปีหน้า ขณะที่ผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 45 ล้านบาท ตามเป้า แม้รายได้รวมจะลดจากการที่ไม่สามารถขยายพื้นที่รายการวิทยุเข้ากรุงเทพฯได้ทันในปีนี้ ส่งผลให้ รายได้จากค่าโฆษณาไม่โตตามเป้า แย้มเตรียมขอมติผู้ถือหุ้นอนุมัติปันผลกลางเดือนก.ย.นี้
นายไพศาล ศรีจรัสจรรยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์.เค. มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RK) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่ จากเดิมที่อาร์.เค.มีเดีย โฮลดิ้ง มีบริษัทย่อย 3 บริษัทคือ 1.บริษัท อาร์.เค ซึ่งทำธุรกิจวิทยุ สถานีวิทยุต่างจังหวัด 18 สถานี ธุรกิจบริหารกิจกรรมส่งเสริมการตลาด 2.บริษัท อาร์แอนด์ที ทำธุรกิจวิทยุ สถานีวิทยุต่างจังหวัด 2 สถานี และธุรกิจโทรทัศน์ 2 รายการ และ 3 บริษัทไอทีเวิลด์ ทำธุรกิจวิทยุ สถานีต่างจังหวัด 12 สถานี ธุรกิจโทรทัศน์ 3 รายการ และธุรกิจภาพยนตร์ และภาพยนตร์ซีรีส์ ซึ่งภายหลังปรับโครงสร้างใหม่จะมีการโอนธุรกิจโทรทัศน์จากอาร์แอนด์ที ไปยังไอที เวิลด์ ทั้งหมด เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ
"หลังการปรับโครงสร้างครั้งนี้ ไอที เวิลด์ จะทำธุรกิจโทรทัศน์ วิทยุ ภาพยนตร์ นำเข้าหนังจากต่างประเทศ ดูแลลิขสิทธิ์หนัง ทำวีซีดี ต่างๆ อย่างครบวงจร ก่อนที่จะนำเข้าตลาดหุ้น MAI ซึ่งตามแผนเดิมเตรียมที่จะกระจายหุ้นในปีนี้ แต่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีความจำเป็นต้องเลื่อนการเข้าตลาดออกไปก่อน"
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 45 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.45 บาท ตามเป้าที่ได้ตั้งไว้ โดยในครึ่งปีแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 24.09 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.24 บาท อย่างไรก็ตาม ในแง่ของรายได้ของบริษัทถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ โดยจากประมาณการเดิมคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะมีรายได้จำนวน 387 ล้านบาท แต่จากการที่บริษัทไม่สามารถขยายพื้นที่การกระจายเสียงรายการวิทยุเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ ได้ทันปีนี้ และโฆษณาในรายการโทรทัศน์ได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากเพิ่งเริ่มผลิตรายการเป็นปีแรก ทำให้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 340-350 ล้านบาท เท่านั้น
"แม้รายได้รวมจะลดลง แต่โดยรวมแล้วเรายังคาดว่ากำไรสุทธิจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่45 ล้านบาท เพราะในส่วนของรายจ่ายก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน"
ส่วนแนวโน้มรายได้ในปี 2548 บริษัทคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 472 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเพิ่มเป็น 60 ล้านบาท เพราะเชื่อว่าในปีหน้าธุรกิจโทรทัศน์และวิทยุจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 นี้คาดว่ารายได้จากธุรกิจซีรีส์ต่างประเทศจะโตเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทเริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้รับรู้รายได้เต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลัง
"ใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า คณะกรรมการบริษัทฯจะมีการประชุม เพื่อพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ เนื่องจากกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าปีนี้ทั้งปีบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 0.25 บาทต่อหุ้น"
สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทมีแผนที่ขยายสื่อวิทยุ และโทรทัศน์เพิ่มขึ้น โดยจะพยายามขยายเข้าสู่เขตกรุงเทพฯ ให้ได้ภายในปีหน้า นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางด้านสื่อประเภทต่างๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ผู้ผลิตรายการ สื่อแอร์ไทม์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป 1-2 เดือนข้างหน้า นอกจากนั้นยังขยายธุรกิจสื่อใหม่ๆ เช่น ทีวี ดาวเทียม สื่อออนไลน์ ส่วนเงินที่จะใช้ลงทุนในครั้งนี้จะมาจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ที่จะหมดอายุในเดือน พ.ค. 2548 ซึ่งบริษัทจะได้เงินเป็นจำนวน 25 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยบริษัทไม่มีนโยบายที่จะเพิ่มทุน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|