|
เอ็กโก้ร่วมทุนโรงไฟฟ้าในลาว
ผู้จัดการรายวัน(25 สิงหาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
เอ็กโก้สนใจร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าในลาวเพิ่ม โดยเน้นโครงการที่มีศักยภาพในการขายไฟฟ้าให้กฟผ. ตั้งเป้าถือหุ้นแต่ละโครงการ 15-30% รวมทั้งเร่งศึกษาการรีไฟแนนซ์หนี้บริษัทย่อยเพื่อลดดอกเบี้ยจ่าย ระบุบริษัทมีความสามารถในการก่อหนี้อีกเพียบ เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.99 เท่า
นายเฉลิมชัย รัตนรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (เอ็กโก้) เปิดเผยว่า บริษัทฯสนใจเข้าไปลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าในลาวเพิ่มเติม โดยจะเจรจากับเจ้าของโครงการต่างๆ เพื่อขอร่วมทุน โดยเน้นโครงการโรงไฟฟ้าที่มีศักยภาพในการขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และความพร้อมของโครงการ โดยสนใจจะเข้าไปถือหุ้นประมาณ 15-30% รูปแบบการเข้าไปจะคล้ายกับการที่บริษัทฯถือหุ้นอยู่ในโครงการ น้ำเทิน 2 สัดส่วนหุ้นประมาณ 25%
โครงการโรงไฟฟ้าในลาวที่บริษัทฯให้ความสนใจ ได้แก่ โครงการเซเปียน เซน้ำน้อย หงสาลิกไนต์ น้ำงึม 2 และเซคามาน เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฟผ.จะรับซื้อไฟฟ้าในลาวจำนวน 3 พันเมกะวัตต์ โดยปัจจุบัน กฟผ.ได้ทำสัญญาซื้อไฟฟ้าในลาวเพียง 1 พันเมกะวัตต์เท่านั้น
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าในลาวดังกล่าวคาดว่าจะส่งไฟป้อนมายังกฟผ.ได้หลังปี 2554 ซึ่งแนวโน้มโครงการผลิตไฟฟ้าของไทยในปี 2554-58 จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 1.3-1.4 หมื่นเมกะวัตต์ หรือประมาณปีละ 2 พันเมกะวัตต์
ซึ่งบริษัทฯมีความสามารถในการประมูลสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม หากกฟผ.ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนในปีหน้า เนื่องจากบริษัทย่อยทั้งบริษัท ไฟฟ้าขนอมและ บริษัท ไฟฟ้าระยอง มีพื้นที่เหลือจะขยายโรงไฟฟ้าเพิ่มได้อีกแห่งละ 700 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนรวม 800 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการแก่งคอย 2 ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปรับเปลี่ยนสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ. โดยจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 1,468 เมกะวัตต์ในจังหวัดสระบุรี มีพื้นที่เหลือเพียงพอที่จะขยายกำลังการผลิตด้วย
นายศักดา ศรีสังคม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการแก่งคอย 2 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 1,468 เมกะวัตต์ว่า ขณะนี้กำลังเจรจากู้เงินกับธนาคารพาณิชย์ไทย คาดว่าจะใช้เงินกู้ประมาณ 75% ของมูลค่าโครงการ 880 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโครงการนี้ เอ็กโก้ถือหุ้นเพียง 50% ใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแหล่งเงินที่ใช้ในโครงการน้ำเทิน 2 และโครงการแก่งคอย 2 บริษัทฯไม่จำเป็นต้องมีการเพิ่มทุน เนื่องจากมีความสามารถในการก่อหนี้ได้อีกมาก เพราะสัดส่วนอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำมากเพียง 0.99 เท่า
นอกจากนี้ บริษัทได้ทำการศึกษาการรีไฟแนนซ์บริษัทย่อยกว่าหมื่นล้านบาท โดยการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้จะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง และปรับปรุงกระแสเงินสด คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปี 2548
"ช่วงครึ่งปีนี้ บริษัทจะรีวิวโครงการลงทุนและการเสาะแสวงหาการลงทุน รวมถึงการรีสตรัคเจอร์หนี้ ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้นในครึ่งแรก ของปีหน้า" นายศักดากล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวถึงผลการดำเนินงานใน ปีนี้ว่า บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวม 16,800 ล้านบาท โดยสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ 80% และรับค่าความพร้อมจ่ายได้เต็มที่
ซึ่งผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯมี รายได้รวม 8,421 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,516 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2547 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2547 อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2547 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท ในวันที่ 22 กันยายน 2547 เนื่องจากนโยบายการจ่ายเงิน ปันผลของบริษัทฯจะจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่างวดก่อน ส่วนหุ้น EGCOMP ที่บริษัทซื้อคืนจากตลาดหลักทรัพย์ฯมาเมื่อก่อนหน้านี้ บริษัทมีแผนจะขายออกไปก่อนเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง โดยไม่มีแผนจะยกเลิกหุ้นดังกล่าว และไม่ต้องการขายเก็งกำไรในช่วงที่ราคาหุ้นสูงด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|