S-PAC หุ้นเล็กที่ไม่ควรมองข้ามชูจุดเด่นฐานะแกร่งปันผลงาม


ผู้จัดการรายวัน(23 สิงหาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

"ยุทธ ชินสุภัคกุล" บิ๊ก S-PAC เผยผลการดำเนินงานงวดครึ่งปี 46 กำไรเพิ่มกว่า 33% มั่นใจเป็นหุ้นเล็กโดดเด่น ที่เงินปันผล ล่าสุดประกาศจ่าย 50 สตางค์ 9 กันยาฯนี้ ชี้ราคาหุ้น ปัจจุบันไม่สะท้อนฐานะการเงินแกร่ง เหตุนักลงทุนซื้อเก็บบวกกับจำนวนหุ้นมีน้อย คาดรายได้ครึ่งปีหลังโตอีก 5-6% ส่วนปีหน้าได้โรงงานใหม่หนุนรายได้โต 25%

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ S-PAC กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 24.788 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหุ้นละ 0.47 บาท ในขณะที่ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปี 2547 มีกำไรสุทธิ 60.518 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหุ้นละ 1.15 บาท ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 33.6% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 45.33 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรหุ้นละ 2.05 บาท (ดูตารางประกอบ)

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสสองที่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสแรกนั้น เนื่องจากในไตรมาสแรกมีกำไรจากรายการพิเศษเข้ามาแต่ไตรมาสสองที่ผ่านมานี้ไม่มีกำไรในส่วนนี้แล้ว

แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นายยุทธ คาดว่ารายได้ของ S-PAC น่าจะเพิ่มขึ้นอีก 5-6% เป็นไปตามอัตราการเติบโตของ เศรษฐกิจประเทศไทย โดยประมาณ การดังกล่าวนี้ยังไม่ได้นับรวมในส่วนของรายได้จากโรงงานแห่งใหม่ซึ่งจะสร้างเสร็จในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากเพิ่งเริ่มมีรายได้เข้ามา "รายได้จากโรงงานแห่งใหม่จะเข้ามาอย่างชัดเจนในปี 2548 หรือปีหน้า โดยคาดว่า ในปีหน้ารายได้จะโต 25%" นายยุทธกล่าว

สำหรับ S-PAC ประกอบธุรกิจ ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษประเภทกล่องกระดาษ และรับจ้างพิมพ์หนังสือ เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท หรือ 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 5 บาท (พาร์ 5 บาท) ราคาไอพีโอหรือราคา ที่เสนอขายให้กับประชาชนครั้งแรก 17 บาท แต่ปัจจุบันราคาหุ้นได้ปรับตัวมาอยู่ที่ 14.80 บาท (20 ส.ค.)

นายยุทธกล่าวว่า ช่วงที่ S-PAC เข้าตลาดหลักทรัพย์ดัชนีอยู่ที่ 700 จุด แต่ตอนนี้ดัชนีลงมาที่ระดับ 600 จุด เพราะฉะนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรยากาศการลงทุนโดยรวมด้วย ประกอบกับเป็นหุ้นเล็ก มีสภาพคล่องน้อย แต่เป็นบริษัทที่มีจุดเด่นในเรื่องของเงินปันผล ซึ่งในวันที่ 9 กันยายนที่จะถึงนี้ก็จะจ่ายเงินปันผล 50 สตางค์ ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัทให้จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง

"เรามองว่าเราเป็นหุ้นที่มีจุดเด่นที่เงินปันผล ที่ผ่านมานักลงทุนก็เลยซื้อเก็บไม่ขายออกมา ผมมองว่า ราคาหุ้นที่ระดับ 14-15 บาทไม่สะท้อน ฐานะที่แท้จริงของบริษัท พีอีเรโชของเราอยู่ที่ 6-7% ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ แล้วตัวธุรกิจเราเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการส่งออกของประเทศ เพราะลูกค้าก็ต้องใช้กล่องเราเพื่อจะส่งออก สินค้า ในแง่ธุรกิจเราค่อนข้างมั่นคง"

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ได้ปรากฏว่ามีนักลงทุนประเภทสถาบันหรือกองทุนได้เทขายหุ้นออกมานั้น นายยุทธ กล่าวว่า เป็นกองทุนที่มาจองหุ้นแล้วได้ขายทำกำไรหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปก่อน แต่ภายหลังก็มีกองทุนกลับเข้ามาลงทุนแล้วทำ หุ้นจึงไม่ค่อยเกิดการเคลื่อนไหวในระยะหลังเพราะนักลงทุนซื้อเก็บ

"S-PAC เป็นหุ้นเล็กจึงอาจมีบทวิเคราะห์ออกมาค่อนข้างน้อยนอกจากบล.กิมเอ็งที่วิเคราะห์ประเมินราคาหุ้น S-PAC ไว้ที่ 24.50 บาท แล้วก็มีบริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ด-คินซัน ที่มาเยี่ยมชมกิจการเมื่อไม่นานนี้" นายยุทธ กล่าว

ทั้งนี้ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ได้วิเคราะห์ S-PAC ไว้ในช่วงเดือนเมษายนซึ่งขณะนั้นราคาหุ้นเคลื่อน ไหวที่ระดับ 15-16 บาทเศษ โดยระบุปัจจุบัน S-PAC มี PER ที่ต่ำมากอยู่ที่ประมาณ 6-7 เท่าในปี 2547 และ 2548 ในขณะที่กำไรการเติบโตในปีหน้ามีอยู่ถึง 20% และ PER ของกลุ่มอยู่ที่ 12 เท่า มีความสามารถที่จะโตได้ถึง 30% ต่อปี ในปี 2547 และปี 2548 มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยมีหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.01 เท่าสำหรับปี 2547


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.