ตลาดรถนิ่งหั่นราคายอดไม่ขึ้น


ผู้จัดการรายวัน(20 สิงหาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ราคารถยนต์ลดลง ตามภาษีสรรพสามิตใหม่ ไม่ช่วยดัน ตลาดรถพุ่งหวือหวานัก โดนพิษน้ำมันแพงฉุดความร้อนแรงลง ชี้ตลาดรถยนต์เดือนก.ค. ไม่เติบโต เป็นครั้งแรกในรอบปี บ่งชี้สัญญาณอันตรายชัดเจน แต่ยังมั่นใจถึงสิ้นปีตลาดรถจะยังคงเติบโตปกติ 6 แสนคัน ขณะที่ "โตโยต้า" ยันลดราคารถตามความเป็นจริง แถมยังควักเนื้อ 300 ล้านบาท แบกรับภาษีรถสต๊อกเก่าจนหลังแอ่นอีก

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า (ประเทศไทย) เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า หลังจากมีการปรับ ลดราคารถยนต์ลงตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ และบริษัทรถแต่ละยี่ห้อต่างทยอยปรับราคารถยนต์ลดลง อย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้ตลาดกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ หลังจากอยู่ในภาวะหยุดนิ่งระยะหนึ่งในช่วงที่มีการประกาศปรับโครงสร้างภาษีใหม่ๆ เพราะลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อ ดูราคาใหม่

หลังจากโตโยต้าได้ประกาศปรับราคารถยนต์ลง สถานการณ์ก็กลับมาอยู่ในสภาวะปกติ แต่ไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีปัจจัยของราคาน้ำมันแพง มาทำให้ลูกค้าชะลอการใช้จ่ายลง ราคารถยนต์ที่ลดลงจึงไม่ส่งผลบวกต่อตลาดรถมากนัก แต่จะเติบโตตามความเป็นจริงของตลาด หรือถึงสิ้นปีอยู่ที่ประมาณ 6.0-6.2 แสนคัน ตามที่คาดการณ์กันไว้เมื่อต้นปี

นายฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในไทย เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า การลดราคารถยนต์ลงคงบอกภาพอะไรชัดเจนไม่ได้ในขณะนี้ เพราะเพิ่งผ่านมาได้สองสัปดาห์เท่านั้น นับจากวันประกาศบังคับใช้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะเห็นว่าหลังจากประกาศสัปดาห์แรก ตลาดรถชะลอตัวหมด เพราะลูกค้ารอการปรับราคาใหม่ แต่เมื่อเข้าสัปดาห์ที่สองบริษัทรถเริ่มประกาศลดราคารถยนต์แล้ว ลูกค้าได้กลับเข้ามาซื้อรถตามปกติ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดแต่อย่างใด เนื่องจากมีปัจจัยปัญหาราคาน้ำมันแพง มาทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ซึ่งคงต้องรอดูอีกสักระยะหนึ่ง แต่จากยอดขายรถเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเดือนแรกของตลาดรถที่ไม่เติบโต นี่จึงเป็นสัญญาณที่บ่งชี้อะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นผลมาจากภาษีสรรพสามิตใหม่ และน้ำมันแพง แต่ยังเชื่อว่าถึงสิ้นปีตลาดจะยังคงเติบโตอยู่ เพียงแต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นหวือหวาจากการลด ราคารถยนต์เท่านั้น

นายคมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า หากวัดเฉพาะฟอร์ดหลังจากปรับราคารถยนต์ลง มีลูกค้าเข้ามาโชว์รูมมากขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจนผิดปกติแต่อย่างใด เนื่องจากมีผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังเชื่อว่าตลาดรถยนต์ยังน่าจะเติบโตตามสภาวะปกติของมัน แต่จะเป็นเท่าไหร่คงตอบไม่ได้

ต่อกรณีที่กรมการค้าภายในออกมาจี้บริษัทรถ ให้ปรับราคารถยนต์ลงตามความเป็นจริงของโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่นั้น นายวุฒิกร กล่าวว่า โตโยต้าได้ปรับลดราคารถอย่างโปร่งใส โดยได้ประกาศราคาใหม่ทางหนังสือพิมพ์อย่างชัดเจน พร้อมลดราคาย้อนหลังให้กับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคมเป็นต้นไป ตามการบังคับใช้ของโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่อย่าง เป็นทางการ

"ราคารถใหม่ที่ปรับลดลง โตโยต้ายืนยันว่าไม่ได้ลดลงน้อยกว่า 5% ตามที่กำหนดแน่นอน และบางรุ่นลดลงมากกว่านั้นอีก แต่หากกรมการค้าภายในเห็นว่า ไม่ได้ลดตามจริงก็ให้บอกมาว่าเป็นรุ่นไหน และโตโยต้าพร้อมจะชี้แจงทุกอย่าง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วโตโยต้าลดราคาลง 5.8% มากกว่าอัตราภาษีสรรพสามิตที่ลดลงเสียอีก"

นายวุฒิกรกล่าวว่า ตามโครงสร้างภาษีใหม่จะบังคับใช้กับรถที่ออกจากโรงงานตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่เนื่องจากโตโยต้ากลัวลูกค้าเกิดความสับสน ระหว่างรถที่ยังค้างสต๊อกและเสียภาษีในอัตราเดิม 7,000 คัน กับล็อตใหม่ที่ออกมานับตั้งแต่วันประกาศบังคับใช้ภาษีรถยนต์ใหม่ ทำให้โตโยต้าตัดสินใจลดราคาเหมือนกันหมด แม้จะต้องแบกรับภาษีสต๊อกเก่าเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.