กลางปีนี้วัดดวง 2 โครงการยักษ์กลางประตูน้ำ


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2541)



กลับสู่หน้าหลัก

กลางปี 2541 ได้เวลาระเบิดศึกย่านประตูน้ำอีกครั้ง เมื่อ 2 โครงการยักษ์คือประตูน้ำคอมเพล็กซ์ ของเสือเฒ่า ดร.ไวท์ ชัยพยุงพันธ์ และประตูทองพลาซ่าของสิงห์หนุ่ม วิกร ศรีวิกรม์ ทายาทคุณหญิงศศิมา ซึ่งเปิดขายพื้นที่มานาน จะก่อสร้างเสร็จพร้อมๆ กัน

ทั้ง 2 โครงการ โรมรันพันตูเรื่องงานขายมาอย่างหนักหน่วงในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยประตูน้ำคอมเพล็กซ์ เริ่มเปิดโครงการขายก่อน เมื่อประมาณปี 2536 หลังจากนั้น 2 ปี โครงการประตูทองพลาซ่าของคนหนุ่มอย่างวิกร ก็ตามมาทาบรัศมี ด้วยความมั่นใจในศักยภาพและกำลังซื้อของคนย่านประตูน้ำในช่วงนั้น

ประตูน้ำคอมเพล็กซ์เป็นโครงการใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ 14 ไร่ติดถนนทั้ง 2 ด้าน คือราชปรารภและเพชรบุรี มีพื้นที่ขายประมาณ 150,000 ตารางเมตร เป็นส่วนของพื้นที่พลาซ่าประมาณ 100,000 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ขายของตึกสูงอีก 3 ตึก

ตึกสูง 3 ตึกนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนจากคอนโดมิเนียมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มาเป็นออฟฟิศสำนักงานทั้ง 3 ตึก ซึ่ง ดร.ไวท์ ยังคาดหวังว่าหลังจากเปิดในส่วนของพลาซ่า แล้วก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างในส่วนตึกสูงได้ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยและให้เจ็บตัวน้อยที่สุด ทางโครงการก็ยังยืนยันเจตนาเดิมที่จะปล่อยขายยกตึกทั้ง 3 ตึก แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตกลงขายให้กับกลุ่มใดทั้งสิ้น

ส่วนประตูทองพลาซ่าเป็นโครงการสูง 18 ชั้น ติดถนนราชปรารภด้านเดียว ห่างกับโครงการของ ดร.ไวท์ประมาณ 100 เมตร มีพื้นที่ขายทั้งหมด 20,800 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ในส่วนของพลาซ่าประมาณ 12,000 เมตร นอกจากนั้นเป็นพื้นที่ของที่อยู่อาศัยประมาณ 10 ชั้น

หัวใจหลักของการขายพื้นที่ทั้ง 2 โครงการในระยะแรกนี้อยู่ที่การขายพื้นที่พลาซ่า เพื่อให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งเช่นเดียวกับอาคารใบหยก 1 และ 2 ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว รองลงไปคือ การขายพื้นที่ที่อยู่อาศัยชั้นบนของของพลาซ่าแต่ละโครงการ

เพียงแต่พื้นที่ขายพลาซ่าของกลุ่มศรีวิกรม์นั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของประตูน้ำคอมเพล็กซ์ แต่ในยามที่กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมีจำกัด การแข่งขันการขายพื้นที่ก็เลยเกิดขึ้นอย่างหนีไม่พ้น

สำหรับราคาขายของประตูทองพลาซ่านั้น เริ่มขายพื้นที่ตั้งแต่ 6 ตารางเมตร ราคาขายชั้นใต้ดิน 2 ชั้นและชั้นหนึ่ง ตารางเมตรละประมาณ 9 หมื่นถึง 1.2 แสนบาท ชั้น 2 ราคา 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร ส่วนชั้น 3 ตารางเมตรละ 1.1 แสนบาทต่อตารางเมตร

1.2 แสนบาท เงื่อนไขการชำระเงินก็คือจอง 2 หมื่นบาท ทำสัญญา 10% ผ่อนดาวน์อีก 18 งวด แต่เมื่อโครงการจะเปิดกลางปี ผู้ที่จะเข้าไปเป็นลูกค้าก็จำเป็นต้องเตรียมเงินสำหรับการเทดาวน์ไว้ด้วย ส่วนโครงการประตูน้ำคอมเพล็กซ์ ได้ซอยย่อยพื้นที่ขายตั้งแต่ 8 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาประมาณ 1.5-2 แสนบาทขึ้นไปต่อตารางเมตร เงื่อนไขคือเสียค่าจอง 2 หมื่นบาท ภายใน 15 วันทำสัญญา 15% และผ่อนดาวน์10% ซึ่งแบ่งจ่ายเป็นงวดก่อนศูนย์เปิดกลางปี 2541

ราคาขายพื้นที่ทั้ง 2 โครงการอาจจะไม่แตกต่างกันนัก แต่จุดตัดสินใจของลูกค้าก็คือ โครงการประตูน้ำนั้นเป็นพื้นที่เซ้ง 30 ปี แต่ประตูทองเป็นพื้นที่ขายได้กรรมสิทธิ์ขาด และที่สำคัญก็คือความมั่นใจต่อผู้ประกอบการ ที่จะบริหารศูนย์ตรงนี้ให้ติดตลาดและประสบความสำเร็จ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วในจุดนี้ทั้ง 2 ค่ายก็ต่างเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น

แต่อย่างไรก็ตามในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างนี้ การขายพื้นที่แต่ละโครงการไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นัก แหล่งข่าวจากโครงการประตูทองพลาซ่าเองยอมรับว่ายังมีพื้นที่เหลือขายอีกมาก ในขณะเดียวกัน ทางด้านประตูน้ำคอมเพล็กซ์ก็ให้ความเห็นว่าการขายในระยะหลังมีน้อยมาก แต่คาดหวังว่าเมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จ ยอดขายคงลื่นไหลมากกว่านี้ พร้อมๆ กับการแข่งกันขาย การก่อสร้างโครงการก็จำเป็นต้องเร่งก่อสร้างแข่งกันด้วย กลุ่มศรีวิกรม์นั้น แม้จะเปิดโครงการทีหลัง แต่เป็นเพราะขนาดโครงการที่เล็กกว่า จึงสามารถเปิดโครงการได้ทั้งทาวเวอร์ในกลางปีนี้ โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงสร้างตึกทั้ง 18 ชั้นนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่โครงการประวัติศาสตร์ของ ดร.ไวท์ ซึ่งต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาที่ดิน การบริหาร การเงินและการก่อสร้าง ในที่สุดก็สามารถผ่านพ้นมาได้โดยที่งานก่อสร้างในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงสร้างของพื้นที่ในส่วนของพลาซ่าสูงประมาณ 10 ชั้น ซึ่งแบ่งเป็นพลาซ่า 6 ชั้นและที่จอดรถ 4 ชั้นนั้นเสร็จไปเกือบ 100% และกำลังลงงานระบบ

ที่จริงแล้ว ศึกย่านประตูน้ำ พ.ศ.นี้จะยิ่งใหญ่กว่านี้มากนัก ถ้าโครงการพัฒนาที่ดินโครงการอื่นๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เช่นโครงการของอนันต์ กาญจนพาสนบริเวณโรงหนังเมโทร ที่จะสร้างเป็นที่พักอาศัย และคอมเพล็กซ์ โครงการของบริษัทนายเลิศใกล้กับโครงการแกรนด์ไดมอนด์ที่ปรับรูปแบบโครงการหลายครั้ง แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ล่าสุดก็จะเปลี่ยนเป็นแผงลอยให้เช่าราคาถูก หรือแม้แต่โครงการของกลุ่มยูนิเวสท์แลนด์ตรงข้ามเวิลด์เทรด ที่ปล่อยให้เป็นที่เช่าของแผงลอยค้าข้าวแกงแทนคอมเพล็กซ์ใหญ่อย่างที่เคยวาดฝันเอาไว้

งานนี้สิงห์หนุ่มกับเสือเฒ่าเลยวัดดวงกันก่อนเพียงลำพัง รายอื่นๆ ได้แต่ถอยไปยืนดูห่างๆ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.