KTCขย่มตลาด "เถ้าแก่ใหม่" ต่อยอดธุรกิจ


ผู้จัดการรายวัน(17 สิงหาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

KTC รุกลูกค้า "เถ้าแก่ใหม่" ให้ วงเงินกู้เฉลี่ย 1-4 ล้านบาท หวังปั้นผู้ประกอบการ ขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) สนองนโยบายรัฐ เตรียมเปิดตัวภายในเดือนตุลาคมนี้ ชูจุดขายอนุมัติด่วนทันใจ ขย่มตลาด

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) เปิดเผยว่า ภายในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ เพื่อให้บริการสินเชื่อกับผู้ประกอบการรายใหม่ซึ่งประกอบอาชีพอิสระ โดยมีวงเงินในการ กู้ยืมประมาณ 1-4 ล้านบาท เพื่อนำเงินกู้ที่ได้รับไปต่อยอดธุรกิจ ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะไม่สูงมากนัก และคาดว่าน่าจะสมเหตุสมผล เนื่องจากเป็นเงินกู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

"กระแสที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คนไทยเริ่มทำงานอิสระมากขึ้น ทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ การเข้าทำตลาดนี้น่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้า และที่สำคัญรัฐบาลก็มีนโยบายสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่"

สำหรับหลักเกณฑ์ในการปล่อยกู้ ลูกค้าจะต้องมีรายได้ต่อปีประมาณ 1 ล้านบาท ทำธุรกิจติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 4 ปี โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นฐานลูกค้าเดิมของบริษัท และลูกค้าใหม่บางส่วน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า 9.7 แสนบัตร และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1.3 ล้านบัตรภายในปีนี้ และมีจุดขายเรื่องของการอนุมัติวงเงินที่สะดวกสบาย และไม่มีความซับซ้อนเมื่อเทียบกับ คู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด

นอกจากนี้ ในปลายปี 2547 KTC ยังเตรียมเปิดตัว "อินฟินิส การ์ด" ร่วมกับ VISA เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยบัตรดังกล่าวถือเป็นบัตรที่มีศักยภาพสูงกว่าบัตรแพลททิเนียม และบัตรทองที่เคยมีมาในประเทศ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่ม คนไทยที่มีรายได้สูง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท และคนต่างชาติที่ไม่สามารถถือบัตรอิลิทการ์ด ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น นายนิวัติกล่าวว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพราะในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ประเมินทิศทางตลาดไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยได้มีการออกหุ้นกู้หลายครั้ง ซึ่งทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 3% เท่านั้น ซึ่งทำให้เห็นว่าแม้ดอกเบี้ยปรับขึ้นก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท

สำหรับผลประกอบการ KTC ในไตรมาสสอง ของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 150.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 98.24 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 302.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 149.91 ล้านบาท

นายนิวัตต์ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญาณเตือนภาระหนี้สินภาคครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ธปท.ออกมาส่งสัญญาณเตือน โดย KTC ก็เตรียมพร้อมที่จะปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ หากธปท.มีการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทมีหลักการวิเคราะห์ความเสี่ยง และประเมินความเสี่ยงที่เป็นระบบ ไม่น่าจะมีปัญหาหากธปท.เข้ามาดูแล และออกหลักเกณฑ์ในการปล่อยกู้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลักเกณฑ์ที่ธปท.จะเข้ามาควบคุม น่าจะเป็นการวางกรอบเกี่ยวกับการคิดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า เพราะบางแห่งอัตราดอกเบี้ยสูงมาก เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าสินเชื่อได้รับผลกระทบ ในการถูกเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยที่แพงไม่สมเหตุสมผล

"การส่งสัญญาณเตือน เป็นหน้าที่ของธปท.ที่ต้องดำเนินการในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันการเงิน และการที่ยอดหนี้สินภาคครัวเรือนมากขึ้น นักลงทุนอย่าพึ่งตกใจ เพราะก่อนหน้าหนี้เหล่านี้ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ แต่ยอดที่เพิ่มขึ้นเป็นการนำเข้ามาสู่ในระบบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ในการจัดการกับปัญหาภาระหนี้สินนอกระบบ"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.