SETส่งตีความภาษีเกณฑ์รับหุ้นใหม่"ไซรัส"พร้อมนำ2บริษัทเข้าช่วงสิ้นปี


ผู้จัดการรายวัน(9 สิงหาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

"โสภาวดี" ประธานศูนย์ระดมทุนระบุเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใหม่ติดรอสรรพากรตีความภาษีหลังขยายทุนจดทะเบียน แต่อย่างไรก็ตาม คาดสิ้นปีเกณฑ์ใหม่คลอด ด้านบ.เซจฯที่ปรึกษาทางการเงิน มองเกณฑ์ใหม่ทำให้ขายหุ้นลำบาก MAI ส่วนบล.ไซรัส มองสภาพคล่องหุ้นน้อย ทำให้ความน่าสนใจน้อยลง แต่ย้ำปีนี้พร้อมนำ 2 บริษัทเข้าเอ็มเอไอ

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานศูนย์ระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ส.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯได้เลื่อนการพิจารณาการแก้ไขเกณฑ์การรับหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ (MAI) และตลาด หลักทรัพย์ใหญ่ (SET) ออกไปจากเดิมที่เคยมีข่าวว่าจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวภายในเดือนนี้

โดยจะเลื่อนไปในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนก.ย.นี้ทั้งนี้เพราะยังติดปัญหาเรื่องการตีความสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนระหว่าง 200-300 ล้านบาท ว่าจะกำหนดระดับการเสียภาษีในอัตราเท่าไหร่ แม้ว่าทางตลาดหลักทรัพย์จะเสนอให้แบ่งสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามฐานทุนจดทะเบียนก็ตาม

แต่ทางคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการให้ตีความเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนเพราะเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเรื่องตามกฤษฎีกาภาษีซึ่งทางคณะกรรมการได้เสนอให้ทางตลาดหลักทรัพย์ไปหารือกับกรมสรรพากรอีกครั้งก่อน

"การตีความในเรื่องดังกล่าว อาจจะแยกประเภทของการเสียภาษี เป็นแบบการแบ่งตามการจดทะเบียน หรือการแบ่งตามทุนจดทะเบียนของบริษัท แต่เรื่องดังกล่าวจะไม่นำไปใช้กับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะเป็นการใช้เกณฑ์กับบริษัทใหม่ที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใหม่" นางสาวโสภาวดีกล่าว

แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการได้พิจารณาเห็นชอบเรื่องการแก้ไขขยายขนาดของทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่และตลาดหลักทรัพย์ฯโดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่จะต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท แต่ต้องไม่เกิน 300 ล้านบาทขณะที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯต้องมีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป

ส่วนเรื่องผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอยังต้องมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 2 ปี และมีผลการดำเนินงานกำไร นอกจากนี้ยังได้เพิ่มเติมเกณฑ์ การรับหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI โดยใช้ขนาดของมาร์เกตแคปเป็นเกณฑ์ในการรับหลักทรัพย์ หากบริษัทใดมีมาร์เกต แคป 1.5 พันล้านบาท จะพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลังเพียง 1ปี ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจแต่มีผลการดำเนินงานไม่ถึง 1 ปี มีโอกาสในการเข้าระดมทุนในตลาด หลักทรัพย์

ด้านบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) จะต้องมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี และมีกำไรติดต่อกัน ทั้งนี้ การแก้ไขเรื่องเกณฑ์การรับหลักทรัพย์จะไม่มี ผลย้อนหลังกับบริษัทจดทะเบียนเดิม โดยจะบังคับใช้กับบริษัทจดทะเบียน ที่เข้ามาในปี 2548 ทั้งนี้ คาดว่าการแก้ไขเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ดังกล่าวจะเสร็จเรียบร้อยสามารถกำหนดเป็นเกณฑ์ได้ในสิ้นปีนี้

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด เปิดเผยว่าการที่ตลาดหลักทรัพย์จะมีการปรับเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ทั้งในส่วนของตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใหม่ (MAI) นั้นโดยในส่วนของเกณฑ์ตลาดเอ็มเอไอที่จะปรับในส่วนของทุนจดทะเบียนจากเดิม 40 ล้านบาทเหลือ 20 ล้านบาทนั้น ทำ ให้มีบริษัทขนาดเล็กเข้ามาจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดเล็กอาจจะส่งผลในแง่ของสภาพคล่องที่มีไม่มากนักซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทำให้ความน่าสนใจของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นในตลาดเอ็มเอไอน้อยลงได้

"ขณะนี้ยังไม่รู้รายละเอียดว่า เกณฑ์ใหม่ที่จะรับหุ้นเข้าตลาดเอ็มเอไอเป็นอย่างไร แต่เท่าที่พอรู้ในแง่ของทุนจดทะเบียนที่ปรับลดลงจากเดิม 40 ล้านบาทเหลือ 20 ล้านบาท ซึ่งเดิมจำนวน 40 ล้านบาท ถือว่าเล็กแล้ว ซึ่งถ้าเหลือ 20 ล้านบาทก็จะทำให้ขนาดหุ้นยิ่งเล็กลงไป อีกซึ่งจะยิ่งทำให้หุ้นมีสภาพคล่องน้อยลงอีกด้วย" นายสมภพกล่าว

นอกจากนี้ การเป็นหุ้นขนาดเล็กมากจะทำให้หาบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินได้ลำบาก เพราะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินจะให้ความสนใจไม่มากเนื่องจากได้รับผลตอบแทนในจำนวนที่ไม่สูง

นายสมภพกล่าวว่า สำหรับบล.ไซรัสภายในปีนี้จะมีเป็นที่ปรึกษา ทางการเงินนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอจำนวน 2 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย บริษัทพรพรหมเม็ททอล ซึ่งได้ยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ไปยังสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แล้วคาดว่าจะสามารถเสนอขายได้ภายในเดือนตุลาคม และอีกบริษัทกำลังเตรียมที่จะยื่นไฟลิ่งซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทำท่อแอร์ ซึ่งจะเสนอขายหุ้นในปีนี้เช่นเดียวกัน

นายธนาธิป วิทยะสิรินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด กล่าวว่า คาดว่า การที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ทั้ง 2 ตลาดเพื่อให้เกิดความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และทางการคงจะมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมให้ตลาดเอ็มเอไอมีการเติบโตขึ้น เพราะที่ผ่านมาหุ้นในตลาดเอ็มเอไอหลายบริษัทที่มีแนวโน้มที่จะขยายตัวและได้มีการเพิ่มทุนทำให้ทุนจดทะเบียนขึ้นมาอยู่ในระดับ 200 ล้านบาท ดังนั้น จึง ต้องย้ายไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยหุ้นในตลาดเอ็มเอจึงไม่โดดเด่นเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ของตลาดเอ็มเอไอที่กำหนดทุนจดทะเบียนเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้นอาจจะทำให้การขาย หุ้นเป็นไปได้ลำบากขึ้นเนื่องจากเป็น หุ้นที่มีขนาดเล็กมากความน่าสนใจจึงมีไม่มากนัก ซึ่งจะแตกต่างจากบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯโดยเฉพาะ บริษัทที่เกี่ยวกับไฮเทคโนโลยีซึ่งบริษัทเหล่านี้จะมีทุนจดทะเบียนไม่สูงมากนัก แต่มีแนวโน้มการขยายตัวสูง ดังนั้น ความน่าสนใจจะมีมากกว่า


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.