|
N-PARK เจอ2เด้งหุ้นร่วงยกกลุ่มอสังหาฯแววทรุดซ้ำข่าวพัน NPL
ผู้จัดการรายวัน(5 สิงหาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
N-PARK นักลงทุนทิ้งหุ้นร่วงทั้งเครือ หลังภาคอสังหาฯส่งสัญญาณชะลอ ซ้ำเติมข่าวพัวพัน NPL กรุงไทย ดอกเบี้ยมีแนวโน้มขึ้น การแข่งขันดุเดือด ล่าสุด SIRI งัดโปรโมชันอยู่ฟรี 2 ปี ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานที่รับรู้รายได้ช้าลง แถมภาวะตลาดรวมไม่ดี "โบรกฯพัฒนสิน" เตรียมปรับลดน้ำหนักการลงทุนอสังหาฯทั้งกลุ่ม หลังประเมินธุรกิจยังไม่สดใส ส่อแววเพิ่มทุน ขณะที่หุ้น KTB โบรกฯเคจีไอ ลดเป้าราคาเหลือ 11.60 บาท จาก 15 บาท
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องในกลุ่มบมจ. เนเชอรัล ปาร์ค(N-PARK) หลังจากมีแรงเทขายหุ้นในกลุ่มนี้จนส่ง ผลให้ระดับราคาหุ้นปรับลดลงจนผิดปกติ ส่งผลหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องประกอบดัวย บมจ.แนเชอรัล ปาร์ค (N-PARK), ธนาคารกรุงไทย (KTB), บริษัท สยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (SYNTEC), บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI), บริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) (PA), บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) (FNS), บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน)(BFIT) ราคาปรับตัวลดลงถ้วนหน้า
โปรโมชันอยู่ฟรี 2 ปีทำพิษพัฒนสินชี้อสังหาฯแข่งดุ
นายสาธิต วรรณศิลปิน ผู้จัดการฝ่ายวิจัยในประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน)(CNS)เปิดเผยว่า การปรับตัวลงแรงเกือบทั้งกลุ่ม นอกจากได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดโดยรวมที่ปรับตัวลดลงแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนทิ้งหุ้นกลุ่มนี้ออกมา เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีสัญญาณที่ไม่ดีนัก หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งในส่วนของผู้ประกอบการที่จะมีต้นทุนสูงขึ้น รวมถึงลูกค้าที่จะมีภาระเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง คือการที่แต่ละบริษัทเริ่มมีโปรโมชันยืดระยะเวลาการผ่อนดาวน์ ให้ยาวขึ้น โดยล่าสุดบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือ N-PARK มีการออกโปรโมชันให้อยู่ฟรีถึง 2 ปี ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงผลการดำเนินงาน เนื่องจากความเร็วในการขายลดลง ส่งผลให้การรับรู้รายได้ช้าลงด้วยในขณะที่ธนาคารพาณิชย์เริ่ม ที่จะลดความสำคัญของการปล่อยกู้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ประกอบการอาจมีสภาพคล่องน้อยลง
นายสาธิตกล่าวว่า ขณะนี้โบรกเกอร์หลายแห่งรวมทั้ง บล. พัฒนสินมีการปรับลดน้ำหนักการ ลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แล้ว
"การที่หุ้น N-PARK ทั้งกลุ่ม ปรับตัวลดลงแรง ถือว่าค่อนข้างผิดปกติ ซึ่งมีอะไรหรือเปล่าไม่รู้แต่โดยภาพรวมแล้วธุรกิจอสังหาฯเริ่มมีสัญญาณไม่ดี และหลายโบรกเกอร์ปรับลดน้ำหนักการลงทุน ส่วน BFIT ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันแต่ราคากลับปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะมีสตอรีเป็นของตัวเอง" นายสาธิตกล่าว
ด้านนักวิเคราะห์อีกรายหนึ่ง ให้ความเห็นว่า สาเหตุของการปรับตัวลงของหุ้นในกลุ่ม N-PARK ยังคงเป็นแรงขายตามหุ้น KTB ที่ปรับตัวลงแรงเช่นกัน แม้ว่าจะมีการชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับ NPL ของธนาคารแล้ว แต่นักลงทุน ยังคงกังวลว่าอาจจะมี NPL ที่ย้อนกลับมาอีกจากการปล่อยกู้อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในส่วนของมูลค่าการซื้อขายถือว่าไม่มากนัก หากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ N-PARK มักมีมูลค่าการซื้อขายที่เป็นลักษณะเก็งกำไรค่อนข้างสูง แสดงว่านักลงทุนบางส่วน ยังคงไม่ขายหุ้นออกมา
โกลเบล็กเชื่อข่าวลือทุบ
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่าในส่วนของการปรับตัวลดลงของหุ้นของ N-PARK น่าจะเป็นเรื่องของข่าวลือที่เกิดขึ้นในห้องค้า ในหลายๆเรื่องมากกว่า คงไม่ใช่เพราะบรรยากาศการลงทุนที่ยังปกคลุมด้วยปัจจัยลบ ทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงในวานนี้เกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้เรื่องการวิเคราะห์หุ้นในกลุ่มดังกล่าว ทางบล.โกลเบล็ก คงต้อง รอดูความชัดเจนจากการชี้แจงข้อมูลของผู้บริหาร เนื่องจากบล.โกลเบล็กยังไม่ได้ทำการสอบ ถามข้อมูลในหลายๆเรื่อง จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ในส่วนของหุ้น N-PARK และหุ้นที่เกี่ยวข้องได้ ส่วนการเข้ามาไล่ซื้อหุ้นหรือเทขายก็ไม่น่าจะมีส่วนทำให้ดัชนีปรับลงได้มาก
"ผมยังเชื่อว่า หุ้นในกลุ่มนี้ยังคงไม่น่าเข้าลงทุน ทั้งนี้เพราะข้อมูลหลายอย่างของบริษัทที่เรายังไม่รู้ได้ คำแนะนำจึงไม่แนะนำให้ซื้อหุ้นในกลุ่ม N-PARK และหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้อง" นายวรุตม์กล่าว
นอกจากนี้ยังกล่าวว่าการลงทุนวานนี้นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับหุ้นที่ไม่เคยเข้าไปเล่น ซึ่ง เป็นหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้น่าจะมาจากผลดำเนิน การ ที่จะประกาศออกมาน่าจะปรับตัวสูงขึ้น และการที่บริษัทในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นบริษัทที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูง โดยเฉลี่ยจะมีการจ่ายเงินปันผลในระดับ 2-3% ต่อปีซึ่ง ถือว่าสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร
วิตกพอร์ตหุ้นในเครือ
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า จากการปรับลดของหุ้นบมจ.แนเชอรัล ปาร์ค (N-PARK) เมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับกระแสข่าวพัวพันที่ว่า N-PARK เป็นหนึ่งในบริษัทที่เป็นเอ็นพีแอลของธนาคารกรุงไทย KTB ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกรุงไทย มีตัวเลขที่สูงขึ้นในช่วงไตรมาส2/47 ที่ผ่านมา โดยวานนี้หุ้นทั้ง 2 บริษัทมีแรงขายออกมาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงวิตกเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายการลงทุนของ N-PARK เพราะการเข้าไปถือหุ้นในส่วนของบริษัทต่างๆมีต้นทุนราคาที่เข้าไปซื้อลงทุนในหุ้นหลายบริษัทในระดับที่สูง ไม่ว่าจะเป็น SIRI, PA และ SYNTEC ซึ่งในตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงที่บริษัทขาดทุนจากการลงทุนดังกล่าว เนื่องจากราคาหุ้นในกลุ่มมีราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ N-PARK เข้าไปซื้อลงทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าบริษัทจะมีความเสี่ยงสูงหากบริษัทในเครือที่เข้าไปลงทุน เนื่องจากบริษัทต่างๆ กำลังประสบภาวะขาดทุน แต่หากบริษัทในเครือได้กำไร ในส่วนของ N-PARK ก็จะมีกำไรที่แบ่งมาในสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"ความเสี่ยงธุรกิจของ N-PARK มีอยู่หลายด้าน ทั้งเรื่องปัญหา NPL การลงทุนในบริษัทที่มีงบขาดทุน ซึ่งแม้พื้นฐานของธุรกิจที่สามารถปรับขึ้นได้ดี ในส่วนของบล.บัวหลวงจึงแนะนำนักลงทุนให้ขายหุ้น N-PARK ตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ในช่วง 2-3 บาทแล้ว แม้ว่า ณ ขณะนี้ ราคาจะต่ำกว่า 2 บาท เราก็ยังแนะนำให้ขายออกมาอยู่ เพราะมูลค่าตามบัญชี(Book Value) อยู่ที่ประมาณ 1 บาท คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะหลุด 1 บาท" น.ส.ปองรัตน์ กล่าว
ด้านการลงทุนในส่วนของ N-PARK ถือว่าอยู่ในช่วงของการลงทุน ดังนั้นจึงความเป็นไปได้สูงที่บริษัทจะต้องมีการเพิ่มทุนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งอาจจะส่งผล Dilution Effect ของราคาหุ้นบริษัทในกระดานตามมา สำหรับโครงการต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนนั้น คงต้องใช้ระยะเวลานาน กว่าจะสามารถรับรู้รายได้เรื่องดังกล่าวได้ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมีการเทขายหุ้นในกลุ่มออกไปเพื่อลงทุนในธุรกิจอื่นที่จะเห็นผลตอบแทนที่เร็วกว่า
KGI แนะลง KTB ระยะยาว
ในส่วนของบทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์เห็น ว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณภาพของสินทรัพย์ของ KTB ในขณะนี้ อาจลดลงและลูกหนี้บางรายอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้จริงโดยเฉพาะลูกหนี้ปรับโครงสร้าง สะท้อนรับกับเรื่องตัวเลข NPL ที่ปรับตัวสูงขึ้น บริษัทจึงมีการปรับระดับการสำรองของธนาคารกรุงไทย KTB เพิ่มขึ้น และได้มูลค่าตามบัญชีของ KTB ลดลงเหลือ 1.4 หมื่นล้านบาท หรือ 1.25 บาท/หุ้น
อย่างไรก็ตามบทวิเคราะห์ระบุว่า ราคาเป้าหมาย KTB ลงจาก 15 บาท เป็น 11.6 บาทหลังมีการประกาศตัวเลข NPL เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/47 และปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อ" เป็น "ซื้อลงทุนระยะยาว"
ทั้งนี้เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ NPL นั้นเป็นแนวโน้มที่เปลี่ยนไปของคุณภาพหนี้จริง ๆ มากกว่า เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางบัญชีอย่างที่เคยมอง สำหรับธนาคาร BBL, KBANK, SCB ยังคงไม่ปรับคำแนะนำการลงุทนเนื่อง จากมีฐานเงินทุนและระดับกันสำรองที่แข็งแรงแนะนำ "ซื้อ" BBL ราคาเป้าหมาย 130 บ. "ซื้อ" KBANK ราคาเป้าหมาย 64 บ. และ "ซื้อลงทุนระยะยาว" SCB ราคาเป้าหมาย 56 บาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|