เหมือนจะเป็นแบบแผนไปแล้วสำหรับคนที่ร่ำเรียนมาทางด้านเภสัชศาสตร์ ที่จบออกมาแล้วจะเข้าสู่วงการตัวแทนจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์
เป็นจำนวนมาก เพราะเป็นหนทางหาความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานได้เป็นอย่างดี
คนเหล่านี้จะเรียนรู้และหาประสบการณ์จากบริษัทจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ
จนเชี่ยวชาญ และหาความรู้เพิ่มเติมด้วยการศึกษาต่อทางด้าน MBA ซึ่งถือเป็นสูตรสำเร็จ
จากนั้นใครที่มีลู่ทางก็อาจจะออกไปตั้งบริษัทด้วยทุนรอนจากทางบ้าน หรือการรวมกลุ่มเพื่อนฝูงที่เรียนมาด้วยกัน
เพื่อดำเนินธุรกิจขนาดย่อมๆ ทางด้านจำหน่ายยาหรือเวชภัณฑ์ และพัฒนากิจการให้เติบโตต่อไปในอนาคต
กานต์ วงศ์ศุภสวัสดิ์ ก็เช่นเดียวกัน เขาจบเภสัชศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เข้าทำงานกับ บ.อัพยอห์น (Up John) ซึ่งเป็นบริษัทยา สัญชาติอเมริกัน ระหว่างทำงานก็เรียน
MBA (ภาคค่ำ) ที่ ม.ธรรมศาสตร์ และจบเมื่อปี'29 แล้ว ก็ทำงานต่อมาเรื่อยจนกระทั่งตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด
ระหว่างที่ทำงานในอัพยอห์น กานต์ได้รวมตัวกับเพื่อนๆ ที่เรียนรุ่นเดียวกันมาที่เป็นเภสัชกรและนักธุรกิจ
นำประสบการณ์ด้านการตลาดจากการทำงานในบริษัทข้ามชาติอื่นๆ อาทิ บ.อัพยอห์น,
บ.เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์, บ.เดนท์สพลาย, และ Eli Lilly เพื่อมาตั้งธุรกิจของตนเอง
เริ่มต้นเปิดร้านขายยา ซึ่งทุกวันนี้ก็คือ เครือข่ายร้าน P&F ซึ่งทำธุรกิจร้านขายยาแบบ
chain store ที่ใหญ่ที่สุด เพื่อจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ในห้างสรรพสินค้าทั้งหลาย
ต่อมาในปี'35 จึงตั้งบริษัท นิเชีย เพื่อจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพ วิตามินบำรุงร่างกายและผลิตภัณฑ์เพื่อ
สุขภาพอื่นๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพผิวและความงาม
"เมื่อประมาณปี'34 เรามีความคิดว่า เราขายของให้คนไม่สบายมาเยอะแล้ว
จึงอยากขายของให้คนสบายดีบ้าง จึงไปเสาะแสวงหาพวกวิตามิน อาหารเสริมต่างๆ"
กานต์กล่าว และเสริมว่า
"เราไปเห็นในต่างประเทศพบว่า เขาทำกันเป็นอุตสาหกรรม จึงเริ่มด้วยการติดต่อขอเป็นตัวแทนแล้วก็ได้เป็นตัวแทนจำหน่าย
ซึ่งยี่ห้อที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายก็เป็นระดับท็อปทั้งนั้น อาทิ แคล (KAL)
ก็เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Top 3 ของอเมริกา, Healtheries ก็เป็นยี่ห้อที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในนิวซีแลนด์,
และไคโอลิก (KYOLIC) เป็นกระเทียมบ่มสกัดที่มีคุณภาพสูงที่สุดในโลก"
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งกับธุรกิจเสริมสุขภาพ ซึ่งทำท่าจะไปได้ดี
เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มมาให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของตนเอง แม้จะยังไม่เจ็บไข้ได้ป่วยก็ตาม
โดยหันมาพึ่งทั้งยาที่ปรุงจากสารเคมีและสารสกัดจากธรรมชาติ กิจการตลอด 4-5
ปีของนิเชียจึงเจริญก้าวหน้าตามลำดับ
สินค้าภายใต้การดูแลของนิเชียมีทั้งนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตขึ้นภายในประเทศ
คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50:50 โดยสินค้าในประเทศที่กำลังเป็นที่นิยมคือ นมผึ้ง
ที่ผลิตขึ้นจากเชียงใหม่
และล่าสุดกับผลิตภัณฑ์ใหม่ "ไลโปสอร์บ" (Liposorb) เป็นผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน
ที่นิเชียได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายจาก Slimmax Inc. และเพิ่งได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา
(อ.ย.) ให้ออกวางจำหน่ายตามร้านขาย ยาได้เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
"ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีความโดดเด่นตรงที่แก้ที่สาเหตุและปลอดภัย ผลตอบรับจึงค่อนข้างดีพอสมควร"
กานต์กล่าว
ไลโปสอร์บสกัดจากสัตว์ทะเลประเภทที่มีกระดอง อาทิ หมึก กุ้ง ปู เพื่อให้ได้สารไคตินที่เป็นกำเนิดของสาร
Chitosan ซึ่งมีประจุเป็นบวกสูง มีคุณสมบัติพิเศษคือ โครงสร้างที่มีรูปร่างคล้ายปูเรียงตัวต่อกันเป็นสายโซ่
คอยทำหน้าที่ดักจับไขมันบริเวณทางเดินอาหาร ดังนั้นไขมันจะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด
จึงไม่เกิดแคลอรีและไม่เพิ่มน้ำหนักตัว
ด้วยกลไกการทำงานที่ต่างจากผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไป
สินค้าตัวนี้จึงน่าสนใจ เนื่อง จากการทำงานจะเริ่มจากผู้ใช้ต้องรับประทานก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง
เพื่อให้ยากระจายตัวและเตรียมรองรับไขมันจากอาหาร โดยประจุบวกของยาจะไปจับไขมันที่เป็นประจุลบ
และหุ้มไว้ไม่ให้ผ่านกระบวนการย่อย และถูกร่างกายขับออกมาทางระบบขับถ่าย
ด้วยกลไกดังนั้นจะช่วยลดไขมันที่เป็นส่วนเกินได้ถึง 70-80% ทีเดียว
"เป็นการแก้ปัญหาตรงจุด คือ ขจัดไขมันส่วนเกิน เพราะโดยปกติ พลังงานที่ร่างกายต้องการจะมาจากสารอาหารประเภทโปรตีน
และคาร์โบไฮเดรตอยู่แล้ว และโดยทั่วไปคนไทยเราทานอาหารประเภทข้าวและเส้นก๋วยเตี๋ยว
ซึ่งเพียงพอกับความต้องการอยู่แล้ว" กานต์กล่าว
ถึงแม้จะเป็นสินค้านำเข้าซึ่งมีต้นทุนที่สูง เพราะตอนที่เอาเข้ามาเมื่อเดือนธันวาคม
เงินบาทเทียบกับดอลลาร์อยู่ที่ 40 บาทเศษๆ แต่ตอนนี้ 50 บาทกว่า ต้นทุนก็เปลี่ยนไป
แต่กานต์ยืนยันว่ายังไม่ปรับราคาแต่อย่างใด ราคาขายปลีกยังอยู่ที่แพ็กละ
60 แคปซูล ราคา 985 บาท
"เรามั่นใจในเรื่องคุณภาพ เนื่องจากกลไกไม่เหมือนกัน ทำให้ความได้ผลในการออกฤทธิ์ก็ไม่เหมือนกัน
ซึ่งพอเป็นอย่างนี้ ราคาก็เป็นเรื่องรอง ความได้ผลมาก่อน ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ท้องอิ่ม
เนื่องจากตัวเรามี 2 ภาค คือ กายภาคและภาคจิตใจ ทางกายภาคนี้ท้องเต็มแล้ว
แต่ทางด้านจิตใจมีความรู้สึกว่า มื้อนี้ยังไม่ได้ทานอะไรเลย มีความรู้สึกว่ายังต้องทาน
สุดท้ายก็ไม่ได้ผล"
สำหรับช่องทางการจำหน่ายนั้น กานต์เน้นที่ร้านขายยาเป็นหลัก ซึ่งทั่วประเทศมีร้านขายยาประมาณ
8,000 ร้าน ถ้าสามารถวางได้หมดก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เพราะเขามองว่าการขายในร้านยา
เป็นการควบคุมคุณภาพไว้ชั้นหนึ่ง คนที่มาซื้อจะได้รับคำแนะนำจากเภสัชกร "เราพบว่าถ้าไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้แนะนำ
บางครั้งพูดเกินเลย กลายเป็นผลิตภัณฑ์เทวดาไป เราไม่อยากให้ผู้บริโภคมีความคาดหวังที่ไม่ถูกต้อง
โดยกลุ่มเป้าหมายหลักเน้นผู้หญิงทั้งแม่บ้านและคนทำงาน อายุ 25 ปีขึ้นไป
ส่วนเด็กกว่านี้คงไม่สนใจนัก"
ด้านความปลอดภัยนั้น ในต่างประเทศมีการขายยาประเภทนี้มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว
และในเมืองไทยก็มีนักวิชาการทางด้านเภสัชกรรม ศึกษาค้นคว้าด้านนี้โดยเฉพาะอยู่หลายท่าน
จึงน่าจะมั่นใจได้ เพียงแต่ห้ามสำหรับผู้ที่เคยมีประวัติแพ้อาหาร ทะเล ปู
และกุ้งเท่านั้น
นอกจากยาลดความอ้วนแล้ว นิเชียยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางด้วย
อาทิ Evening Primrosi Oil ซึ่งก็ทำยอดขายอยู่พอสมควร ซึ่งเมื่อรวมสินค้าตัวใหม่นี้เข้าไปด้วย
คาดว่านิเชียคงจะเติบโตเป็นบริษัทที่มีอนาคตอีกราย ดังนั้น แม้จะเป็นธุรกิจที่ไม่ใหญ่โตนัก
แต่เมื่อจับถูกทาง โอกาสจะมีอนาคตที่สดใสในธุรกิจนี้ก็ไม่ยากนัก เพียงแต่ต้องอาศัยเวลาในการสร้างชื่อเสียงอีกเล็กน้อยเท่านั้น