TICONฟุ้งผลประกอบการQ 2 รายได้และกำไรยังเติบโตตามเป้า


ผู้จัดการรายวัน(26 กรกฎาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

TICON ฟุ้งผลงานไตรมาส 2 ทั้งรายได้และกำไรยังงาม ผลจากการขายโรงงานออกไป 1 แห่ง จะลงบันทึกในงบการเงินได้ในงวดนี้ ยันไม่ต้องการสร้างโรงงานเพื่อขาย เพราะต้องการให้เปิดให้เช่า ขณะที่เร่งก่อสร้างโรงงานเพิ่มอีก 53 แห่งปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 20 โรงงาน รองรับความต้องการของลูกค้า แย้มไตรมาส 3 อาจมีการขายโรงงานอีก

นายชาตรี เหล่าเหมวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน)(TICON) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของบริษัทที่กำลังจะประกาศออกมานั้น ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้มากกว่าไตรมาส 2 ปี 46 ซึ่งแต่ละปีนั้นบริษัทตั้งเป้ารายได้และกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เนื่องจากรายได้ค่าเช่าที่ยังมีลูกค้าทยอยเซ็นสัญญาเช่าโรงงานของบริษัทเพื่อดำเนินกิจการ ที่สำคัญในไตรมาส 2 นี้ บริษัทได้ขายโรงงานออกไปอีก 1 แห่ง เพราะลูกค้าต้องการซื้อมากกว่า ที่จะเช่าโรงงาน

"ทั้งที่ความจริงเราไม่อยากขาย เพราะเราต้องการมีรายได้จากค่าเช่าโรงงานเข้ามาต่อเนื่อง แต่ลูกค้ารายนี้ต้องการซื้อเป็นของตนเอง เราจึงต้อง ยอม ตามปกติเราก็ต้องทำความเข้าใจ กับลูกค้าก่อนว่าการเช่าย่อมดีกว่าการ ซื้อเพราะไม่ต้องลงทุนในเรื่องค่าก่อสร้างโรงงานและค่าที่ดิน จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า"

อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกค้าบางประเภทธุรกิจที่ต้องการซื้อโรงงานเพื่อ ต้องการเป็นเจ้าของ ซึ่งบริษัทก็จะยอม ขายให้แล้วแต่กรณี จึงเท่ากับว่าปีนี้ TICON ได้ขายโรงงานออกไปแล้ว 2 แห่ง โดยขายไตรมาสละ 1 แห่ง ซึ่งไม่ใช่ความต้องการและเป้าหมายของบริษัท เพราะต้องการจะให้เช่าโรงงาน มากกว่าการขายไป อันจะทำให้ รายได้ของบริษัทมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจะรับรู้ตลอดไปในระยะยาว

นายชาตรีกล่าวว่า ลูกค้าของบริษัทที่เข้ามาเช่าโรงงาน ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการ เติบโตของทั้ง 2 ธุรกิจที่ฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ตกต่ำตามภาวะ เศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้บริษัทต้อง หาเงินเพื่อใช้ในการขยายงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างโรงงานให้เช่า อันจะทำให้เป้าหมายการสร้างรายได้ของบริษัทเติบโตได้ตามที่ตั้งไว้ในแต่ละปี

โดยไตรมาสแรกปีนี้ ผลการดำเนินงานโชว์ออกมาได้อย่างสวยงาม ซึ่งบริษัทมีกำไรสุทธิ 71.94 ล้านบาทและมีรายได้รวม 227.05 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ก็จะไม่น้อยหน้าไตรมาส 2 ของปี 46 และไตรมาสแรกปีนี้ เพราะส่วนหนึ่งเป็นกำไรจากการขายโรงงานออกไป 1 แห่ง ซึ่งจะบันทึกลงในงบการเงินเพิ่มเข้ามาอีก อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 3 นี้อาจมีการขายโรงงานอีกเพราะดูแนวโน้มของลูกค้าที่เข้ามาเจรจา

นอกจากนี้ เมื่อต้นไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทได้ปรับราคาเช่าโรงงานเพิ่มอีก 10% โดยเป็นสัญญาฉบับใหม่ ส่วนสัญญาเก่าหรือสัญญาที่ทำไปแล้วจะไม่ได้รับผลแต่อย่างใด เนื่องจากต้นทุนในการก่อสร้างโรงงานเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากต้นทุนค่าสินค้าวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นมากตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งขนาดของพื้นที่โรงงานที่สร้างเพื่อให้เช่าอยู่แต่ละโรงงานจะมีพื้นที่ระหว่าง 1 พันถึง 6 พันตารางเมตร ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไป

สำหรับปีนี้ บริษัทได้ก่อสร้างโรงงานเพิ่มขึ้นอีก 53 โรงงาน จากปัจจุบันที่มีโรงงานทั้งหมด 130 แห่ง โดยโรงงานทั้ง 53 แห่งนั้น จะกระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง ซึ่งปีนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 20 แห่ง และทยอยแล้วเสร็จในปี 48 ขณะที่สัญญาการให้เช่าโรงงานนั้น จะมีระยะเวลา 3 ปี และหากหมดอายุสัญญาก็จะทำสัญญาใหม่ ซึ่งการที่ไม่เซ็นสัญญาให้เป็นระยะยาว เพราะต้องการลดต้นทุนเมื่อติดต่อกับราชการและที่สำคัญเพื่อลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน

นายชาตรีกล่าวถึงงบลงทุนในแต่ละปีว่า บริษัทไม่ได้ตั้งเป้างบลงทุนเพื่อสร้างโรงงานในแต่ละปี แต่การจะสร้างโรงงานเพิ่มอยู่ที่เป้าหมาย การสร้างรายได้และกำไรของบริษัท ว่าจะต้องเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ดังนั้น การระดมทุนหรือกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานจึงค่อยเป็นค่อยไปตามการลงทุน ปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินทั้งสิ้น 1,800 ล้านบาท

ล่าสุด เมื่อต้นปี 47 TICON ได้เสนอขายหุ้นบุริมสิทธิให้แก่กอง ทุนเพื่อการร่วมลงทุนจำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 9.25 บาท ชึ่งบริษัทได้รับเงินจากการเพิ่มทุนดังกล่าวเป็น จำนวนทั้งสิ้น 462.5 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้นดังกล่าว บริษัทได้นำไปใช้ในการขยายงาน โดยลงทุน โครงการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จำนวน 7 โรงงาน มูลค่าเงินลง ทุนประมาณ 180 ล้านบาท และโครงการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จำนวน 7 โรงงาน มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 280 ล้านบาท

การสร้างโรงงานเพิ่ม เพื่อรองรับ ความต้องการของลูกค้าที่มีเข้ามา โดยเฉพาะในช่วงต้นปีพบว่าความต้อง การลงทุนจะมีสูงมาก ดังนั้นโรงงานที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างจึงจะทยอยแล้วเสร็จไปนับจากไตรมาสนี้ ประกอบกับความสนใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศ ไทย) จำกัด(มหาชน)ระบุว่า TICON ให้นักลงทุน "ซื้อลงทุน" เนื่องจากเราชอบความชำนาญของบริษัท ในการ ปล่อยเช่าโรงงานอุตสาหกรรม และความตั้งใจของบริษัทที่จะสร้างรายได้ระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง

ในขณะนี้ TICON มีรายได้จาก การปล่อยเช่า 114 โรงงาน หรือเพิ่มขึ้น 12% จาก 102 โรงงาน ณ ปลายปี 2546 รายได้จากการปล่อยเช่าน่าจะเติบโตสูงในปีหน้า เนื่องจาก TICON มีโรงงานอีก 52 แห่ง ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในไตรมาสที่ผ่านมา TICON ได้ขายโรงงานไป 1 แห่ง ที่มีมูลค่าได้ประมาณ 1 แห่งต่อไตรมาสที่เหลือ

บทวิเคราะห์ระบุว่า TICON ในขณะนี้มี PER อยู่ที่ 13.88 เท่า ภายในปลายปีนี้ และ 13.37 เท่า ในปี 2548 จากนโยบายของบริษัทที่จะจ่ายปันผล 40% เราคาดว่า TICON จะจ่ายปันผลที่ 0.15 บาท/หุ้นในปีนี้ และ 0.20 บาท/หุ้นในปี 2548 หรือ 2.3% และ 3.1% ตามลำดับ

เนื่องจากทาง TICON กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างโรงงาน ซึ่งจะทำให้กระแสเงินสดมีความแน่นอนและสามารถคาดการณ์ได้ เราเชื่อว่านักลง ทุนควรที่จะดูหุ้นนี้จากฐานราคาประเมิน จากการคาดการณ์กระแสเงินสด เราได้ประเมินราคาหุ้นไว้ที่ 7.6 บาท/หุ้น ซึ่งมีส่วนต่างจากราคาในปัจจุบันอยู่เพียง 4% หรือที่ 7.3 บาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.