ความเชื่อมั่นจากต่างชาติทยอยกลับไทย ภายหลังได้หมอดี ยาดี และเป็นคนไข้ที่แสนดีของไอเอ็มเอฟ
ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ไทยกำลังฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง
อันจะดึงเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาอีกครั้ง นครธนชโรเดอร์เตรียมออกกองทุนใหม่รับการฟื้นตัวในเร็วๆ
นี้ พร้อมเปิดกลยุทธ์ลงทุนอย่างระมัดระวังอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนสูง
ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศที่กลับคืนสู่ไทยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้
ทำเอาเงินบาทแข็งค่าจาก 50 กว่าบาทต่อดอลลาร์สหรัฐมายืนอยู่ในระดับ 38-40
บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว หลายสำนักมีการคาดการณ์กันว่า อัตราค่าเงินบาทที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย
ณ วันนี้ควรอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะหากแข็งค่าไปกว่านี้อาจจะมีปัญหาในเรื่องของการส่งออก
อันเป็นกระแสเงินสดหลัก ที่ไทยคาดหวังจะนำเข้ามาเสริมสภาพคล่องของภาคธุรกิจการผลิต
ความตกใจเกินกว่าเหตุในช่วงเกิด วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ทำให้ผู้คนคาดกันว่ากว่าไทยจะฟื้นตัวได้คงอีกยาวนานอย่างไร้กำหนด
มาถึงวันนี้นักทำนายเศรษฐกิจเริ่มเปลี่ยนทิศทางใหม่ และคาดว่าไทยจะฟื้นตัวได้ภายใน
2-3 ปีนับจากนี้ เพราะกองทุนการเงินระหว่างประเทศสนับสนุนเต็มพิกัด ด้วยความที่ไทยอยู่ในโอวาทเสมอมา
นอกจากนี้อาการไข้ปางตายที่เคยเกิดขึ้นตอนนี้ก็เริ่มทุเลาลงแล้ว
แม็ททิว เฟรดเดอร์ริค ด็อบส์ กรรมการผู้จัดการภูมิภาค บริษัท ชโรเดอร์
อินเวสต์เม้นท์ แมเนจเม้นท์ (สิงคโปร์) กล่าวว่า ในปี 2541 นี้เชื่อว่าสภาพการณ์ของไทยจะดีขึ้น
เนื่องจากปัญหาความเชื่อมั่นที่ถูกทำลายได้รับการแก้ไขแล้ว โดยมีองค์กรระหว่างประเทศเข้าช่วยเหลือ
นอกจากนี้นโยบายของรัฐบาลชุดนี้เริ่มส่งผลในแง่บวก โดยเฉพาะการจัดการเกี่ยวกับปัญหาสถาบันการเงิน
ระบบธนาคารของไทย เข้มแข็งขึ้นจากการเพิ่มทุน
ในเรื่องของหนี้สินก็ได้มีการจัดโครงสร้าง และยืดเวลา การชำระหนี้ออกไปได้เรียบร้อยแล้ว
การส่งออกก็ขยายตัวขึ้นมา ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลครั้งแรกในรอบ 10
ปี สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดให้ต่างประเทศนำเงินกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง
ด็อบส์มองว่าประเทศไทยฟื้นตัวอย่างน่าทึ่งและรวดเร็วมาก ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนอีก
ปัจจุบันการลงทุนในไทยนับว่ายังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็นอยู่
ดักลาส ไครนส์ ผู้จัดการกองทุน บลจ.นครธนชโรเดอร์ ย้ำเพิ่มเติมว่าการแก้ปัญหาของไทยภายใต้การแนะนำของ
IMF เป็นไปได้ด้วยดี นอกจากนี้การยกเลิกระบบ 2 ตลาด (2 tier market) ส่งผลในแง่บวก
ปัจจุบันไทยเกินดุลการค้า เกินดุลบัญชีเดินสะพัด เงินบาทแข็งค่าขึ้น ที่สำคัญเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงจุดต่ำสุด
ก็มีแนวโน้มฟื้นตัวและเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
บลจ.นครธนชโรเดอร์คาดการณ์ว่า ปีนี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะติดลบประมาณ
4% แต่ในปีหน้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.6% ส่วนอัตราเงินเฟ้อปีนี้สูงสุดจะประมาณ
14% แต่เฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ประมาณ 11% สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้จะเกินดุลประมาณ
0.7% แต่ปีหน้าจะขาดดุลประมาณ 0.5% เนื่องจากการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าฟุ่มเฟือยจะมีเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดีในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทน่าจะแข็งตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ
40 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐในปี 2542 โดยมีเหตุผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง (ดูตารางประกอบ)
ไครนส์เชื่อว่าในระยะสั้นไทยกำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว แต่ในระยะปานกลางและยาวแล้ว
พื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังสดใสอยู่ ซึ่ง บลจ.นครธนชโรเดอร์ ได้วางแผนจะออกกองทุนใหม่
1 กอง ในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ เพราะยังมีโอกาสทางการตลาดอยู่มาก
เนื่องจากมีตราสารที่เครดิตดีและให้ผลตอบแทนสูง
"ณ วันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา กองทุนเปิดนครธนชโรเดอร์อินคัม มีอัตราผลตอบแทนรอบ
3 เดือนถึง 13.75% ส่วนกองทุนเปิดนครธนชโรเดอร์อินคัมพลัสนั้นมีอัตราผลตอบแทนถึง
13.85%" ไครนส์กล่าว
เขายังคงยึดนโยบายการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ มีการกระจายความเสี่ยงออกไปในตราสารหลายประเภทและหลายธุรกิจ
แต่ยังเน้นที่ตราสารระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง และจะลงทุนเพิ่มขึ้นในตราสารของบริษัทขนาดเล็กที่มีสภาพคล่องด้วย
ในส่วนของกองทุนเปิดนครธนชโรเดอร์โกรท ซึ่งลงทุนในตราสารทุนนั้น ปัจจุบันดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดคาดว่ารายได้ของบริษัทจดทะเบียนในอนาคตกำลังจะฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงลดการลงทุนในหมวดธนาคาร สถาบันการเงิน และก่อสร้างต่อไป
โดยหันไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหมวดที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็น
เช่น หมวดอาหารส่งออก และโรงแรม ทั้งนี้ไครนส์ มองว่า หมวดอาหารส่งออกนั้นมีศักยภาพในการทำกำไรดี
ขณะที่กลุ่มโรงแรมก็มีอัตราการเข้าพักที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ก็จะเน้นลงทุนในบริษัทที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งในระยะยาว
รวมถึงบริษัทที่ทำธุรกิจทางด้านแฟรนไชส์ ที่มีศักยภาพในการปรับปรุงโครงสร้างทางด้านเงินทุน
เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายจากเดิมที่มีธนาคารนครธนและเครือข่ายสาขาอีก
66 แห่งแล้ว นครธนชโรเดอร์ได้แต่งตั้งตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มอีก
4 แห่ง คือ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ เตอร์ด บงล.ร่วมเสริมกิจ บล.เอเซีย และ บล.อาฟโก้
พร้อมทั้งแต่งตั้ง บมจ.ธนาคารนครธน เป็นนายทะเบียนหน่วยลงทุน
"การลงทุนในประเทศไทยจะดีมากในระยะยาว ทั้งทางด้านตราสารทุนและตราสารหนี้"
ไครนส์กล่าวสรุป