ปีครึ่งSCBโละ6บริษัทกวาดเงิน1.1พันล้านบ.


ผู้จัดการรายวัน(14 กรกฎาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ปีครึ่ง SCB ขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก 6 บริษัท มูลค่า 1,134.47 ล้านบาท ล่าสุดขาย BC ให้ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โบรกฯประเมินงานนี้ได้กำไรไม่ต่ำกว่า 380 ล้านบาท ลงงบ Q4/47 หรืออย่างช้าต้นปีหน้า เหตุ ธปท.ต้องใช้เวลาพิจารณา 5 เดือน ต่อไปลุ้นกำไรจากการขาย SICCO และ ITV ที่ยังถืออยู่ที่กว่า 9% ด้านหุ้น SCB-BC มีแรงเก็งกำไรเข้ามารับข่าว ขณะที่หุ้น LH ขยับลง

จากการรวบรวมของ "ผู้จัดการรายวัน" พบว่า ตั้งแต่ปี 46 ถึงปัจจุบัน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้ขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก หรือ non-core business รวมจำนวน 6 บริษัท มูลค่ารวม 1,134.47 ล้านบาท แบ่งเป็นการขายในปี 2546 จำนวน 3 บริษัท และในปี 2547 จำนวน 3 บริษัททั้งนี้ในส่วนของการขายหุ้น บริษัท ไอทีวี (ITV) ถือว่ามีมูลค่ามากที่สุด 1,063.23 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายให้กับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ไทยแลนด์ รีคัฟเวอรี่ ฟันด์ จำนวน 61,000,000 หุ้น ราคาขาย 17.43 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 25 มี.ค.47 ส่งผลให้ธนาคารถือหุ้นใน ITV จำนวน 113,894,754 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 9.49 ของทุนชำระแล้ว

นอกจากนั้นเมื่อวันที่ 25-26 ส.ค.46 แจ้งขายหุ้นบริษัท สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง (SGF) จำนวน 2,420,000 หุ้น ราคาขาย 8.94 บาทต่อหุ้น รวม 21,627,100 บาท ส่งผลให้คงเหลือการถือหุ้นอีก 9.16% ของทุนเรียกชำระ

วันที่ 28 พ.ย. 46 ขายหุ้นบริษัท น้ำตาลสิงห์บุรี จำกัด ให้กับกลุ่มนายวิบูลย์ ผาณิตวงศ์ และกลุ่ม น้ำตาลมิตรผล ทั้งหมดจำนวน 500,001 หุ้น ราคา 1.50 บาทต่อหุ้น รวม 750,001.50 บาท วันที่ 30 ธ.ค.46 ขายหุ้นบริษัท ซิโน-ไทย รีซอร์เซส ดีเวลลอปเม้นท์ (STRD) ให้กับ นายวิชัย ลิ้มปัญญากุล จำนวน 2,277,700 หุ้น หรือ 11.39% ราคา 10.00 บาทต่อหุ้น รวม 22,777,000 บาท จากนั้นวันที่ 30 เม.ย. 47 ขายหุ้นของ บริษัท ทรัพยากรสมุทร ให้กับบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำนวน 72,000 หุ้น ราคาขาย 6.00 บาทต่อหุ้น มูลค่าขาย 432,000 บาท

วันที่ 21 มิ.ย. 47 แจ้งการขายหุ้นของ บริษัท โซโนโค (ประเทศไทย) ให้กับบริษัท โซโนโค สิงคโปร์ จำกัด จำนวน 45,000 หุ้น (15% ของทุนชำระแล้ว) ราคา 570.00 บาทต่อหุ้น มูลค่า 25,650,000 บาท

เซ็น MOU ขาย BC ให้ LH

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 47 คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งว่าธนาคารได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงขายหุ้นบริษัทเงินทุน บุคคลัภย์ จำกัด (มหาชน) (BC) ทั้งหมด (89.72%) ให้แก่ บริษัท เครดิต ฟองซิเอร์ แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย สถาบันการเงินหนึ่งรูปแบบ (One Presence) ตามที่กำหนดในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Sector Master Plan) ของธปท. โดยบริษัท เครดิตฟองซิเอร์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด มีจุดประสงค์ที่จะนำบุคคลัภย์ ไปควบรวมกิจการเพื่อขออนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย

โดยราคาซื้อขายหุ้นจะอิงกับมูลค่าทางบัญชีของ บุคคลัภย์ ณ วันที่ 31 มี.ค.47 ซึ่งจะต้องปรับปรุงราย การตั้งสำรองสินทรัพย์บางรายการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ราคาซื้อขายหุ้นจะต้องปรับลดตามผล ขาดทุนของ บุคคลัภย์จากการรับซื้อคืนหุ้นกู้ด้อยสิทธิ และหุ้นกู้ด้อยสิทธิแปลงสภาพที่ธนาคารถืออยู่ตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินในช่วงเวลาที่ทำรายการซื้อขายหุ้น

นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีที่บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะซื้อบง.บุคคลัภย์จากธนาคารไทยพาณิชย์สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับการเจรจาและตกลงกัน ซึ่งธปท.รับทราบแล้ว แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็น 1 ใน 5 รายที่ได้ส่งแผนยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์มายัง ธปท.หรือไม่

ในส่วนของสถาบันการเงินต่างประเทศส่วนใหญ่จะเลือกเป็นสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศแบบเต็มรูปแบบ(Full Branch) มากกว่าเลือกที่จะเป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ (Subsidiary) เนื่องจากการเลือกเป็นธนาคารพาณิชย์แบบเต็มรูปแบบมีต้นทุนต่ำกว่า ซึ่งไม่ต้องจดทะเบียนในประเทศ ไทยใหม่ และไม่ต้องทำความเข้าใจกับลูกค้า รวมทั้งยังมีข้อกฎหมายต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตาม

โบรกฯประเมินได้กำไร 380 ลบ.

บล.พัฒนสิน (CNS) ออกบทวิเคราะห์ ให้ความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ว่า ปัจจุบันมูลค่าทางบัญชีของ BC อยู่ที่ 4.33 บาท หาก BC มีการขายที่ 1.5 เท่าของมูลค่าทางบัญชี จะได้ราคาขายหุ้นละ 6.5 บาท

อย่างไรก็ตาม ณ ราคาขายดังกล่าวจะทำให้ SCB มีกำไรเนื่องจากต้นทุนของ SCB อยู่ที่ประมาณ 5 บาทหรือราคาพาร์ ดังนั้น SCB จะได้กำไรประมาณ 380 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ซีมิโก้ กล่าวว่า คาดว่าการบันทึกกำไรจากการขาย BC จะเข้ามาอย่างเร็ว ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยอาจจะเลื่อนออกไปจน ถึงต้นปีหน้า เนื่องจากในการเซ็นสัญญาระบุชัดเจนว่าจะมีการซื้อขายกันต่อเมื่อแผนการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยของ บริษัท เครดิต ฟองซิเอร์ แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนแล้วน่าจะใช้เวลาประมาณ 5 เดือนในการ พิจารณา

หุ้น SCB-BC พุ่งรับข่าว

ทั้งนี้บทวิเคราะห์ บล.พัฒนสินยังระบุว่า คาดว่า SCB จะมีกำไรจากการขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (non-core business) อีกมาก เช่นการขายหุ้น SICCO และหุ้น ITV ที่ยังเหลือสัดส่วนการถือหุ้นอีกกว่า 9% รวมทั้งหุ้นของบริษัทอื่นๆอีก

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SCB วานนี้ (13 ก.ค.) มีแรงขายออกมาในช่วงเช้าส่งผลให้ราคาลดลงไปต่ำสุดที่ 47.50 บาท จากนั้นเริ่มมีแรงซื้อเข้ามา ส่งผลให้ราคาหุ้นขึ้นไปสูงสุดที่ 48.50 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 48.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 230.30 ล้านบาท

ส่วนหุ้น BC มีแรงเก็งกำไรเข้ามาทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปสูงสุดที่ 8.20 บาท ก่อนจะถูกขายทำกำไรออกมาจนราคาลงต่ำสุดของวันที่ 7.55 บาท และปิด ตลาดที่ระดับ 7.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 51.51 ล้านบาท

ในขณะที่ราคาหุ้น LH กลับปรับตัวลดลง โดยปิดตลาดที่ระดับ 9.85 บาท ลดลง 0.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 78.87 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.