SCIBเล็งเทกฯธุรกิจลีสซิ่ง ปูทางสู่ธุรกิจครบวงจร-เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม


ผู้จัดการรายวัน(13 กรกฎาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ธนาคารนครหลวงไทย ปูทางสู่ธุรกิจ แบบครบวงจรปีหน้า เล็งเทกโอเวอร์ธุรกิจเช่าซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 100% เพื่อกุมอำนาจการบริหารแบบ เบ็ดเสร็จ หรืออาจก่อตั้งบริษัทใหม่ หลังประสบความสำเร็จ จากการรุกธุรกิจประกันชีวิต สามารถสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมกว่า 33 ล้านบาท และธุรกิจหลักทรัพย์ ด้วยการซื้อหุ้นบล.หยวนต้าเกือบ 100% ล่าสุดเปิดให้บริการธุรกิจจัดการกองทุนรวม เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ฝากเงิน

นายอรุณ จิรชวาลา รองกรรม การผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของธนาคารในอนาคต ว่าธนาคารมี นโยบายที่จะให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าแบบครบวงจร โดยการ นำเสนอรูปแบบการให้บริการแบบ "ซูเปอร์มาร์เกต" จึงจำเป็นที่จะต้องสรรหาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินเข้ามาเสริมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้บริการลูกค้าได้ครบถ้วน โดยธนาคารได้ทยอยเปิดให้บริการธุรกิจประเภทใหม่ๆ ปีละ 1 ประเภท

ทั้งนี้ เริ่มต้นจากการเปิดธุรกิจประกันชีวิตในปี 2545 ที่ธนาคารได้เข้าไปถือหุ้นบริษัท แมกซ์ประกันชีวิต จำกัด 100% ในปี 2546 ธนาคารได้เปิดธุรกิจหลักทรัพย์ ที่ใช้ชื่อว่าบล.นครหลวงไทย ที่ธนาคารได้เข้าไปซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นบล.หยวนต้า จนขณะนี้ ธนาคารได้ถือหุ้นเกือบ 100%

ต่อมา ในปี 2547 เริ่มต้นปีธนาคารได้ยื่นขอจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขณะนี้สามารถเปิดให้บริการกับลูกค้า ได้แล้ว โดยใช้ชื่อว่าบลจ.นครหลวงไทย ซึ่งธนาคารได้ถือหุ้น 100% เช่นกัน

"ขณะนี้ ถือว่าธุรกิจการเงินที่เกี่ยวข้องกับแบงก์ พาณิชย์มีครบหมดแล้ว สามารถให้บริการลูกค้าได้ทั่วถึง

ซึ่งพนักงานที่มีอยู่ในสาขาทั่วประเทศพร้อมที่ขายผลิตภัณฑ์ของแบงก์ได้แล้ว มีการออกผลิตภัณฑ์ หลายรูปแบบ เช่น บัญชีเงินฝากคุ้มครองอุบัติเหตุ ประกันชีวิตแบบ Max 10/6 Max 15/8 และ Max 20/10 ประกันภัยการขนส่งสินค้าทางทะเล และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลแบบกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ ล่าสุดกองทุนรวมผสม Max Balance Fund Max Equity Fund" รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กล่าว สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2548 ธนาคารมีแผน ที่จะเปิดทำธุรกิจเช่าซื้อเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความ ต้องการของลูกค้า ที่ต้องการสินเชื่อบ้าน ประกันภัย-ชีวิต ซึ่งความต้องการของลูกค้าจะมีเพิ่มเติมคือ รถยนต์

ธนาคารจึงมองเห็นช่องทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการสรรหา บริษัทเช่าซื้อที่ผู้ถือหุ้นเดิมต้องการจะขาย โดยเป้าหมายของธนาคารจะเข้าไปถือหุ้น 100%

อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจดังกล่าวไม่มีใครที่จะขาย ธนาคารก็จะยื่นขอใบอนุญาตเพื่อดำเนินการเอง ธนาคารมองว่าการทำธุรกิจใดๆ นั้น จะต้องเข้าไปถือ หุ้นเต็ม 100% เพื่อให้การดำเนินนโยบายเป็นไปตามกรอบนโยบายใหญ่ของธนาคาร โดยเชื่อว่าธนาคารสามารถบริหารได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า รวมทั้งยังมีช่อง ทางการขายกระจายทั่วถึงผ่านสาขาประมาณ 365 สาขา และพนักงานมีการอบรมการขายทำความเข้าใจ กับผลิตภัณฑ์ของธนาคารและบริษัทในเครือได้เป็นอย่างดี

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในเครือนั้น ธนาคารได้ลงทุนในบริษัททางการเงิน บริษัทประกัน ชีวิตมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ 2,600 ล้านบาท และบลจ. 100 ล้านบาท ถือว่าอยู่ใน ระดับที่เหมาะสม และธุรกิจเช่าซื้อคาดว่าจะลงทุนเบื้องต้นตามที่กฎหมายกำหนด หากจะขยายเพิ่มเติมก็สามารถเพิ่มทุนภายหลังได้

"บริษัทในเครือของธนาคารมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดี และมีแนวโน้มที่จะสร้างกำไรได้ จากตัวเลขครึ่งปีแรก ธนาคารมีผลการดำเนินงานจากธุรกิจ Bancassurance สามารถขายประกันได้ 12,959 กรมธรรม์ เป็นเบี้ยประกันจำนวน 297 ล้านบาท ทำให้ธนาคารได้รับค่าธรรมเนียมจำนวน 33 ล้านบาท ที่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 20 ล้านบาท หรือคิดเป็น 154%"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.