ภายใต้สภาพการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่บอบช้ำ แต่ ปราจิน เอี่ยมลำเนา
โต้โผใหญ่ของกรังด์ปรีซ์ ก็ยังต้องแสดงบทบาทเยี่ยงผู้นำของวงการงานแสดงรถยนต์ของไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้
บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 19 แม้ต้องยอมควักเนื้อหลายสิบล้านบาท
แต่ปราจินก็หวังว่างานครั้งใหม่ ภายใต้สถานที่แห่งใหม่ที่พร้อมกว่า จะมีส่วนช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์และสร้างสีสันได้ระดับหนึ่ง
"เราเข้าใจสถานการณ์ทางเศรษฐกิจดี แต่ก็ยังยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่จะจัดงานให้ยิ่งใหญ่และเป็นหน้าตาของประเทศ
และแม้เศรษฐกิจจะมีปัญหา แต่เราก็ยังได้รับความร่วมมือจากบริษัทรถยนต์ที่ร่วมเดินทางมากับเราตั้งแต่ยุคแรกๆ
ซึ่งบริษัทเหล่านั้นมีนโยบายการลงทุนและมองการตลาดในระยะยาว จึงพร้อมที่จะก้าวไปกับเรา
ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้งานครั้งนี้มีความคึกคักไม่ต่างจากทุกปีที่ผ่านมา"
ปราจิน กล่าวอย่างมั่นใจ
มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 19 นี้ได้มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-9 เมษายนที่ผ่านมา
ด้วยรูปแบบงานที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และมุ่งหวังจะยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ในไทย
แม้สองค่ายรถยนต์ระดับบิ๊กของไทยอย่างนิสสัน และมิตซูบิชิจะไม่เข้าร่วมงานโชว์รถก็ตาม
ประเด็นหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ การจัดการประกวดและให้รางวัลสำหรับรถยนต์ที่มีคุณภาพ
ทั้งผลิตภัณฑ์และงานบริการอย่างครบวงจร ในนามของ คาร์ ออฟ เดอะ เยียร์ ซึ่งการจัดประกวดนี้
ทีมงานได้จัดพื้นที่ส่วนกลางไว้โชว์รถยนต์ที่ส่งเข้ามาร่วมการประกวด ซึ่งตอบรับมาแล้วทุกยี่ห้อ
โดยการตัดสินใจนั้นทีมงานกล่าวว่า มีการลงคะแนนและพิจารณาจากหลายส่วน ทั้งจากผู้เข้าชมงาน
จากผู้สื่อข่าว และคณาจารย์ด้านวิศวกรรมยานยนต์จากหลายสถาบันของไทย
การประกวดรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีนั้น เกิดขึ้นครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อปี 2527
แต่หลังจากนั้นการจัดการประกวดเช่นนี้ก็ต้องยกเลิกไป ด้วยความไม่พร้อมในหลายด้าน
แต่การเริ่มต้นครั้งใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 19 นี้ ทีมงานหวังว่า นับจากนี้ตำแหน่งรถยนต์ยอดเยี่ยมจะต้องมีควบคู่ไปกับการจัดงานมอเตอร์โชว์
และจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์รถยนต์ในไทย
ปราจินกล่าวยืนยันว่ามอเตอร์โชว์ครั้งนี้จะมีความยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมาอย่างมาก
ด้วยความพร้อมของพื้นที่ที่กว้างขวางกว่าหลายเท่าตัว และเหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดงานโชว์รถระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ เฉพาะพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ในศูนย์แสดงสินค้า "ไบเทค"
ต้นถนนบางนา-ตราด จะมีมากถึง 38,000 ตารางเมตร ซึ่งประมาณอย่างคร่าวๆ จะใหญ่กว่าพื้นที่เดิม
ณ สวนอัมพรราว 3-4 เท่าตัว และจะว่าไปแล้วด้วยพื้นที่ขนาดนี้ มอเตอร์โชว์ครั้งนี้อาจเทียบเท่ากับงานโชว์รถระดับโลกอย่างโตเกียว
มอเตอร์โชว์ หรือแฟรงเฟิร์ต มอเตอร์โชว์ เลยทีเดียว
"การที่เราย้ายมาใช้สถานที่ที่ศูนย์ไบเทค ทำให้ต้องลงทุนเพิ่มเป็นประมาณ
160 ล้านบาท แต่จากการประเมินคร่าวๆ จะสามารถเก็บค่าเช่าพื้นที่ได้ประมาณ
100 ล้านบาท ทำให้บริษัทต้องรับภาระต้นทุนในส่วนที่เพิ่มขึ้นมา แต่ขณะนี้ทางไบเทคได้ตัดสินใจลดค่าเช่าให้กับทางเราแล้วราว
30% เนื่องจากเห็นใจในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เรากับไบเทคนั้นถือได้ว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว
ดังนั้นไบเทคจะต้องสนับสนุนให้งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เพื่องานในระยะยาวต่อไป"
ปราจินกล่าว
นอกจากความพยายามของปราจินที่จะกระตุ้นความคึกคัก ให้เกิดกับงานแสดงรถยนต์แห่งชาติครั้งนี้แล้ว
ในส่วนของบริษัทรถยนต์เองก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะหลายค่ายไม่ใช่เข้าร่วมงานอย่างขอไปทีเท่านั้น
แต่จะเป็นการประลองกำลังและศักดิ์ศรีกันทีเดียว
ที่ชัดเจนและสมน้ำสมเนื้อกันที่สุดในยุคนี้คงหนีไม่พ้นคู่ศึกอย่างโตโยต้ากับฮอนด้า
โดยโตโยต้าได้ทุ่มทุนหลายสิบล้านบาทเช่าพื้นที่ถึง 1,400 ตารางเมตร เพื่อจัดพื้นที่แสดงรถยนต์ครั้งนี้ให้เหมือนเทียบเท่ากับบูธโตโยต้า
ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์เลยทีเดียว นอกจากนี้โตโยต้ายังขนรถยนต์ต้นแบบมาโชว์อีกมาก
อาทิ PRIUS, FUNCOUPE และ FCEV
สำหรับฮอนด้า เดิมนั้นจองพื้นที่ไว้เพียง 500 ตารางเมตร แต่ที่สุดได้ตัดสินใจขอเพิ่มพื้นที่เป็น
1,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ผลมาจากการที่นิสสันและมิตซูบิชิไม่ได้เข้าร่วมงานฮอนด้า
จึงพลิกนโยบายประหนึ่งการได้จังหวะก็ต้องรีบฉวยสถานการณ์ อีกด้านหนึ่งก็เพื่อสร้างบารมีไม่ให้น้อยหน้าโตโยต้าเกินไปนัก
และเช่นกันการนำรถยนต์ต้นแบบมาโชว์ ฮอนด้าก็ทุ่มเทอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น
JWX และ JUX
นอกจากการประลองกำลังและสร้างบารมีเหนือคู่แข่งของสองขุนศึกสำคัญแล้ว
ยักษ์ใหญ่จากอเมริกาอย่างไครสเลอร์ ก็ได้ถือเอางานนี้เพื่อเปิดตัวบริษัทร่วมทุนครั้งใหม่
เพื่อการสร้างสรรค์ตลาดในไทยครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ยังมีสีสันอีกมากหลายในงานประเดิมการโชว์รถ ณ ศูนย์ไบเทคแห่งนี้
อย่างไรก็ดี หากว่าการแสดงรถยนต์คราวนี้ไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดจำหน่าย
ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง แต่นั่นก็ไม่น่าจะใช่ประเด็นสำคัญในห้วงเวลา
เพราะครั้งนี้ ปราจิน หวังเพียงการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ และ ต้องการฉีกหนีความซ้ำซากจำเจ
เพื่ออนาคตอีกไม่ไกลต่างหาก