ROJANAฟุ้งไตรมาส2กำไร120ล.ชี้จีนส่งมอบที่ดินช้าไม่กระทบเป้า


ผู้จัดการรายวัน(6 กรกฎาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

สวนอุตสาหกรรมโรจนะ คาดไตรมาส 2 กำไรสูงขึ้นกว่าไตรมาสแรกอยู่ที่ 120 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากการขายที่ดินอีก 100 ไร่ รวมถึงธุรกิจไฟฟ้าและน้ำ คาดทั้งปีมีกำไร 500 ล้านบาท แม้ว่านิคมฯที่ฉางโจว ประเทศจีนจะล่าช้าออกไปเป็นต้นปีหน้า เนื่องจากจีนส่งมอบที่ดินช้าก็ตาม เผย 9 ก.ค.นี้เปิดตัวโครงการแมดิสัน คอนโดมิเนียมหรู มูลค่า 1.2 พันล้านบาท มั่นใจปิดขายได้ปลายปีนี้

นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJANA) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2547 บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2547 เล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 1/2547 ที่มีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในสวนอุตสาหกรรมโรจนะอีก 100 ไร่ รวมทั้งธุรกิจไฟฟ้าที่ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 166 เมกะวัตต์และรายได้จากการให้บริการขายน้ำเสริมเข้ามา

คาดว่าทั้งปี 2547 บริษัทฯน่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 470- 500 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในนิคมฯ 300-400 ไร่ และเงินปันผลจากการเข้าไปถือหุ้น ในบริษัทไทคอนฯ ธุรกิจสาธารณูปโภคทั้งน้ำและไฟฟ้าในบริษัท โรจนะ พาวเวอร์ จำกัด รวมทั้งรับรู้รายได้ จากการขายคอนโดมิเนียมที่สุขุมวิท 41 โดยเฉพาะไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่บริษัทฯมีกำไรสูงที่สุดเมื่อ เทียบกับ 3ไตรมาสแรกของปี 2547

สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯมีแผนจะขยายโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 43 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 210 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าต้นปี 2548 และเสร็จในกลางปี 2549

แหล่งเงินทุนที่ใช้ในการสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวนั้น ทางบริษัท โรจนะ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 200 ล้านบาท ซึ่ง ROJANA จะใช้เงินทุนหมุนเวียนเกือบ 100 ล้านบาทชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทย่อย เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ 41% ซึ่งปัจจุบันROJANAมีเงินทุน หมุนเวียนอยู่ 300-400 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าโรงไฟฟ้าจะจ่าย เงินปันผลถึง 350 ล้านบาท

เปิดตัวแมดิสัน คอนโดฯหรู 9 ก.ค.นี้

นายจิระพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัท โรจนะ พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะเปิดตัวโครงการแมดิสัน คอนโดมิเนียมหรู ปากซอยสุขุมวิท 41 มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ล่าสุดมียอดจองซื้อแล้วกว่า 55-60% หรือคิดเป็นจำนวน 80-85 ห้อง จากจำนวนทั้งหมด 148 ห้อง พื้นที่ห้องเริ่มตั้งแต่ 115-300 ตร.ม.คาดว่าจะปิดขายโครงการนี้ได้ภายในปลายปี 2547 โดยโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2549

แม้บริษัทจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอาคารชุดพักอาศัยหรู แต่ก็ยังไม่มีแผนจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่อีก แม้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนจะยังเติบโตต่อไปได้ แต่ลูกค้าก็เลือกมากขึ้นเช่นกัน จึงต้องมีทำเลที่เหมาะสมก่อนตัดสินใจทำโครงการใหม่

จีนส่งมอบที่ดินล่าช้า 6-8 เดือน

นายจิระพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการลงทุนพัฒนาที่ดิน ในเมืองฉางโจว ประเทศจีนว่า สืบเนื่องจากทางจีนส่งมอบที่ดินล่าช้าไป 6-8 เดือน ทำให้การพัฒนา ที่ดินในเมืองฉางโจวต้องล่าช้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถพัฒนาและขายที่ดินได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนที่สนใจเข้ามาดูโครงการ โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น ที่เป็นผู้ผลิต ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาห-กรรมรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก

ซึ่งความล่าช้าในการส่งมอบที่ดินนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อ รายได้และกำไรในปีนี้ เนื่องจากเป้ารายได้และกำไรไม่ได้มีการนำรายได้จากการขายที่ดินในจีนมาคำนวณ

ปัจจุบันบริษัทฯมีภาระหนี้จากการกู้ยืมเพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าจำนวน 48 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของเงินบาท เพราะหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ระยะยาว 13 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งของรายได้ค่าไฟฟ้ามีการชดเชย อัตราแลกเปลี่ยนหนี้ดังกล่าวอยู่ในค่าเอฟทีอยู่แล้ว ดังนั้น บริษัทจึงไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินทั้งหมด และปีที่แล้วบริษัทฯมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสะสมด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.