N-PARKฝันตั้งกองทุน


ผู้จัดการรายวัน(2 กรกฎาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

เอ็น-พาร์ค ตั้งเป้าหมายสูงสุดจัดตั้งกองทุนระดับโลกมูลค่านับแสนล้านบาท หวังดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติ ล่าสุดจับมืออมันรีสอร์ทลุยลงทุนโรงแรมในยุโรป ประเดิม 7 ประเทศ 10 แห่งใช้เงินลงทุน 7,000 ล้านบาท คาดรายได้เฉลี่ยแห่งละ 200 ล้านบาท/ปี ระบุเตรียมคัดเลือกสินทรัพย์เพื่อจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ ภายในสิ้นปี 47

นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็น-พาร์คเปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงสร้างการลงทุนของบริษัทในขณะนี้ ถือว่ายังไม่ครบวงจรอย่างเต็มที่ เพียงแต่บริษัทเดินมาได้ประมาณ 60% ของแผนลงทุนทั้งหมดเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 40% จะเน้นหนักในการลงทุนต่างประเทศ โดยเป้าหมายสูงสุดบริษัทต้องการที่จะมีกองทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ระดับโลกเป็นของตนเอง ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะต้องมีมูลค่านับแสนล้านโดยคาดว่าจะต้องใช้เวลา ศึกษาอีกระยะ และล่าสุดได้เริ่มเจรจากับต่างประเทศ บ้างแล้ว โดยรูปแบบนั้นอาจจะเป็นมอร์เกจคัมพานีก็ได้ เพราะเป็นการระดมทุนได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากมีการตั้งกองทุนขึ้นมาจริง บริษัทมีแผนที่จะไประดมทุนในตลาดต่างประเทศ

นายเสริมสินกล่าวว่าการจะไปถึงจุดดังกล่าวได้ บริษัทจำเป็นต้องมีการลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อเป็นที่รู้จักของนักลงทุนที่จะต้องเข้ามาซื้อกองทุน ซึ่งแนวทางหนึ่งนั้นได้มีการจับมือกับกลุ่มอมันรีสอร์ท ขยายการลงทุนด้านการโรงแรมไปต่างประเทศนอกเหนือจากญี่ปุ่น โดยล่าสุดมีแผนที่จะไปลงทุนธุรกิจโรงแรมในยุโรป อีกอย่างน้อย 10 แห่งในช่วงระยะเวลา 5 ปี ใน 7 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ตุรกี ฝรั่งเศส อิตาลี โครเอเชีย กรีซ รัสเซีย และตูนีเซีย

"หลักการลงทุนแต่ละประเทศ จะเลือกทำเลที่ดีที่สุด โดยกำหนดวงเงินลงทุนไว้ที่ 7,000 ล้านบาท วิธีการคือจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา 1 บริษัท คือ อมัน ยุโรป โดยเอ็น-พาร์ค ถือหุ้น 75% มูลค่า 2,500 ล้านบาทที่เหลืออีก 25% มูลค่า 800 ล้านบาทเป็นของ อมันรีสอร์ท โดยอมันยุโรปจะเข้าไปร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ในประเทศนั้น ๆ ในสัดส่วน 60:40% ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะเป็นการกู้เงินของสถาบันการเงินของ ประเทศที่จะไปลงทุนประมาณ 20%" นายเสริมสิน กล่าว

นายเสริมสินกล่าวต่อว่า ในการพัฒนาจะแบ่งเป็นระยะ ๆ โดยระยะแรกจะพัฒนา 3 แห่งก่อน ที่เหลือจะพัฒนาในระยะถัดไป ซึ่งในแต่ละแห่งจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยแห่งละ 700 ล้านบาทใช้เวลาก่อสร้าง1 ปี ถึงปีครึ่ง ตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อปีแห่งละ 200 ล้านบาท โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับสูงเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันกลุ่มอมันรีสอร์ทมีสมาชิกทั่วโลกประมาณ 1 แสนราย ปัจจุบันกลุ่มอมัน รีสอร์ทมีโรงแรมทั้งหมด อยู่จำนวน 13 แห่ง 413 ห้อง และรับบริหารโรงแรม อื่นๆ อีก 2 แห่ง จำนวน 144 ห้อง

สำหรับเม็ดเงินลงทุนนั้น บริษัทจะนำไปลงทุน นั้นจะไม่ลงทุนในครั้งเดียว ในปีแรกจะใส่เงินไป 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยลงทุน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่เหลือจากการที่เพิ่มทุนไปตั้งแต่ในปีที่ผ่านมาจำนวน 8,000 ล้านบาท และเป็นเงินกู้อีก 8,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 16,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้เงินลงทุนในธุรกิจต่างๆ ไปแล้วเป็นจำนวน 13,500 ล้านบาท

อนึ่งก่อนหน้าที่จะจัดตั้ง บริษัท อมันยุโรปนั้น บริษัทได้จัดซื้อบริษัท AIMTOP Investments จำกัด ซึ่ง จดทะเบียนจัดตั้งที่ประเทศ บีตีช เวอร์จิน ไอร์แลนด์ (บีวีไอ) ทั้งนี้ เพื่อที่จะปูทางการลงทุนในต่างประเทศ และมีแผนที่จะเพิ่มทุนในบริษัทดังกล่าวและจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นอมันยุโรปต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจโรงแรมไปยังยุโรปแล้ว ล่าสุดบริษัทยังได้ซื้อโรงแรมโนโวเทล พันวา ที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 300 ล้านบาท จากกลุ่ม แอคคอร์ ทำให้ปัจจุบันมีเงินทุนเหลืออยู่ประมาณ 500 ล้านบาท รวมกับวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถลงทุนได้อีกหนึ่งโปรเจกต์

อย่างไรก็ดี ภายในสิ้นปี2547บริษัทเอาสินทรัพย์ ที่ได้ลงทุนไปบางโครงการ เพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาอีกหนึ่งกอง ซึ่งสินทรัพย์ที่จะนำมาตั้งกองทุนนี้จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 20% จากรายได้ในปี 2546 ประมาณ 1,000 ล้านบาท

"ในอีก 2 ปีข้างหน้าบริษัทจะเริ่มมีรายได้จากสินทรัพย์ที่ไปลงทุนเข้ามาทั้งหมดจำนวนมหาศาล จากทั้งในส่วนของโรงแรม รถไฟฟ้าใต้ดิน บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) จากอมันรีสอร์ท และอื่นๆ ต่อไปบริษัทจะนำสินทรัพย์ไปตั้งเป็นกองทุน เพื่อที่จะมีรายได้เข้ามาเร็วกว่าการลงทุนทั่วไป" นายเสริมสิน กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.