ขุนคลังอุบเงียบแผนฟื้นทีพีไอรอผลสรุปบอร์ดบริหาร2ก.ค.นี้


ผู้จัดการรายวัน(1 กรกฎาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

"สมคิด" รมว.คลัง ยังไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ เหตุอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขณะที่คณะกรรมการผู้บริหารแผนจะรายงานรายละเอียดในวันที่ 2 ก.ค.นี้ พร้อมเปิดโอกาสให้สหภาพพนักงานทีพีไอ เข้าหารือในวันเดียวกัน เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่าย ระบุขอเวลาศึกษารายละเอียดก่อนที่จะเสนอให้ศาลล้มละลายกลางชี้ขาดต่อไป ด้าน "ชาติศิริ" งดแสดงความเห็น กรณีแผนฟื้นฟูฯใหม่ ไม่มีการแปลงหนี้เป็นทุนให้กับเจ้าหนี้ ขณะที่ "ประชัย"ย้ำจุดยืนให้ยึดตามแผนฟื้นฟูฯ ฉบับลูกหนี้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง ความคืบหน้าของแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ว่า ขณะนี้ผู้บริหารแผน ฟื้นฟูทีพีไอ ยังไม่ได้มาชี้แจงในราย ละเอียดแต่อย่างใด แต่คณะกรรม การผู้บริหารแผนทั้ง 5 ท่าน จะเข้ามารายงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มารายงานแผนให้ทราบแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้

"ผมจะคุยกับเจ้าหนี้และลูกหนี้อีกประมาณ 1-2 รอบ หลังจาก ก่อนหน้านี้ได้ส่งตัวแทนให้ไปคุยกับนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประ-ธานเจ้าหน้าที่บริหารทีพีไอมาครั้งหนึ่งแล้ว เพื่อทราบถึงหลักการที่ต้องการให้แผนฟื้นฟูฯใหม่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และในวันศุกร์ที่ 2 ก.ค.นี้ สหภาพพนักงานทีพีไอ จะเข้ามาหารือเรื่องแผนฟื้นฟูฯ เช่นเดียวกัน" นายสมคิด กล่าว

ทั้งนี้ หลังจากผู้บริหารแผนเสนอแผนฟื้นฟูฯ ทีพีไอแล้ว กระทรวงการคลังจะต้องใช้เวลาในการพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง หากเห็นชอบกับแผนฟื้นฟูฯดังกล่าวก็จะส่งให้ศาลล้มละลายกลางพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม แผนฟื้นฟูฯ ไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่อาจจะเป็นการรายงานให้รับทราบเท่านั้น

"กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดูแลแผนฟื้นฟู กิจการของทีพีไอ รวมถึงสัดส่วนของผู้ถือหุ้นทั้ง หมด จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนเสนอให้ศาลล้มละลายกลางพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดคงใช้เวลาอีกไม่นานจะได้ข้อสรุป แต่รายละเอียดของแผนไม่สามารถตอบได้ เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา"

ชาติศิริไม่คอมเมนต์แผนฉบับใหม่

ส่วนกรณีที่การเปลี่ยนแปลงแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ โดยให้กระทรวงการคลังเข้ามาถือหุ้นไว้ก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ซื้อหุ้นคืน แทนแผนฟื้นฟูฯ เดิมที่กำหนดให้มีการแปลงหนี้เป็นทุนนั้น นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ ไม่ได้แสดงความเห็นต่อการ ปรับเปลี่ยนแผนฟื้นฟูฯ แต่อย่างใด เพราะต้องรอให้เจ้าหนี้ได้ศึกษารายละเอียดให้รอบคอบก่อน

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารทีพีไอ กล่าวถึงกรณีที่ผู้บริหารแผนฯทีพีไอ จะเสนอให้คลังเป็นผู้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนและหุ้นที่เจ้าหนี้ถืออยู่ให้พันธมิตรรายใหม่ว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดของร่างแผนฟื้นฟูกิจการฉบับดังกล่าวแต่ความเห็นส่วนตัวยังคงจุดยืนเหมือน เดิม คือ ให้คลังเห็นชอบร่างแผนฟื้นฟูฯฉบับลูกหนี้

หากกระทรวงการคลังจะเป็นผู้สรรหาผู้มาซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอนั้น นายประชัย กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารลูกหนี้ ต้องการให้กระทรวงการ คลังถือหุ้นเพิ่มทุนใหม่รวมกับหุ้นที่เจ้าหนี้ถืออยู่ไประยะหนึ่ง เมื่อปรับหนี้แล้วเสร็จประมาณ 2-4 ปีทางลูกหนี้จะซื้อหุ้นคืนจากคลังในราคาที่คลังซื้อ จากเจ้าหนี้บวกดอกเบี้ย หรือให้คลังจัดหาแหล่ง เงินกู้ให้บริษัทฯ โดยนำหุ้นทีพีไอค้ำประกันเงินกู้ ดังกล่าว ทำให้ลูกหนี้ได้บริษัทคืนโดยไม่จำเป็น ต้องหาพันธมิตรเข้ามาซื้อหุ้นคืน อีกทั้งทรัพย์สินหมุนเวียนของทีพีไอสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท

"ความจริงทีพีไอเพิ่มทุนใหม่อีกแค่ 10% รวมเป็น 85% ก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากฐานหุ้นใหญ่ คิดเป็นจำนวนหุ้นใหม่ 4,840 ล้านหุ้น รวมกับหุ้นที่เจ้าหนี้ได้แปลงหนี้เป็นทุนอีก 5 พันล้าน หุ้นแล้วเกือบ 1 หมื่นล้านหุ้น ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเป็น 90% เมื่อบริษัทปรับโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จ ก็เปิดให้ลูกหนี้ซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 5.50 บาทบวกดอกเบี้ย หรือรัฐจัดหาสถาบันการเงินปล่อยกู้ทีพีไอ โดยนำหุ้นทีพีไอมาค้ำประกัน หลังจากนั้นให้บริษัทซื้อหุ้นคืนเมื่อพร้อม"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.