|
"MAJOR" โรดโชว์ก.ค.นี้ดันร่วมไทยแลนด์โฟกัส
ผู้จัดการรายวัน(28 มิถุนายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
MAJOR เตรียมเดินสายโรดโชว์สิงคโปร์-ฮ่องกง เดือน ก.ค. ชี้แจงข้อมูลหลังควบกิจการกับอีจีวี นอกจากนั้นดันบริษัทร่วมงานไทยแลนด์ โฟกัส แม้เพิ่งถูกถอดออกจาก SET 50 หลังมีรัฐวิสาหกิจเข้ามาเบียด ระบุมั่นใจได้ร่วมงาน เหตุตลาดหลักทรัพย์เชิญบริษัทที่น่าสนใจนอก SET 50 เข้าร่วมโรดโชว์ด้วย
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) เปิดเผยว่า เดือน ก.ค.นี้บริษัทเตรียมที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) กับนักลงทุนต่างประเทศในแถบเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งวัตถุประสงค์หลักคือการชี้แจงและทำความเข้าใจต่อนักลงทุนกรณีการควบรวมกิจการ กับบริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (EGV)
ทั้งนี้เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เดินทาง ไปโรดโชว์ที่นิวยอร์กมาแล้ว ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจ แต่ขณะนั้นยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องการควบรวมกิจการ โดยนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ภาคใต้ค่อนข้างมาก ว่าเหตุการณ์จะสงบเมื่อไร และจะกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทหรือไม่
นายวิชากล่าวต่อว่า สำหรับงานไทยแลนด์ โฟกัสที่ตลาดหลักทรัพย์จะจัดในเดือนก.ย.นี้ คาดว่าเมเจอร์จะร่วมนำบริษัทเข้าโรดโชว์ด้วย ถึงแม้ว่าบริษัทจะถูกนำออกจากการคำนวณดัชนี SET 50 ในรอบที่ผ่านมา เนื่องจากมีหุ้นรัฐวิสาหกิจที่มีมาร์เกต- แคปใหญ่เข้ามาเช่น TOC AOT แต่เชื่อว่าตลาด หลักทรัพย์จะมีการเชิญบริษัทที่มีความน่าสนใจและการเจริญเติบโตสูงที่อยู่นอกเหนือจาก SET 50 เข้ามาร่วมนำเสนอข้อมูลแก่กองทุนต่างชาติด้วย และถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่วมงานไทยแลนด์ โฟกัส MAJOR ก็มีแผนที่จะเดินทางโรดโชว์เองอยู่แล้ว เพื่อนำเสนอ ข้อมูลหลังจากควบรวมกิจการกับอีจีวีโดยคาดว่าการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จในปลายปี 2547 นี้
"แม้ว่าจะมีการควบรวมกิจการแต่ทั้ง 2 แบรนด์ ก็ยังอยู่ คือทั้งเมเจอร์และอีจีวี การบริหารงานก็แยกจากกัน และยังคงมีการขยายกิจการอย่างต่อ เนื่อง อย่างเช่นในส่วนของโบว์ลิ่งของเมเจอร์ก็จะมีการเปิดสาขาอีกหลายแห่ง ซึ่งแผนการขยายธุรกิจก็ยังคงเป็นไปตามเดิม"
ก่อนหน้านี้นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การควบรวมระหว่างบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กับบริษัทอีจีวีเอ็นเตอร์เทน-เมนท์นั้นจะทำให้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) อยู่ในระดับ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ และช่วยทำให้ลดรายจ่ายที่ซ้ำซ้อนลง
ทั้งนี้การควบรวมดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบกับผู้บริโภคโดยเฉพาะราคาตั๋วหนัง ซึ่งจะไม่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นรวมถึงยังเป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศซึ่งมีแผนที่จะเปิดโรงภาพยนตร์ ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพ สูงมากโดยเลือกทำเลที่เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะทำให้สามารถนำเงินตราเข้ามาในประเทศได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กับอีจีวีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ รวมกันจะมีโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 250 โรง ซึ่งจะครอบคลุมทุกจุดในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ สำหรับในส่วนของพนักงานนั้นเมื่อมีการควบรวมกันแล้วจะมีการย้ายพนักงานที่ซ้ำซ้อนไปสู่ในส่วนงานที่เหมาะสมซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนไม่ได้เพิ่มซึ่งจะไม่มีการลดพนักงานแต่อย่างใด ในส่วนของธุรกิจ พันธมิตร เช่น ฟิตเนส และโบว์ลิ่งนั้นในช่วงแรกยังดำเนินการเหมือนเดิมแต่ต่อไปจะต้องไปหารือกับพันธมิตรดังกล่าวว่าสนใจจะเข้าควบกับพันธมิตรทางธุรกิจของเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ปหรือไม่
ทั้งนี้ คณะกรรมการของ MAJOR ได้มีมติที่จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของอีจีวี ซึ่งได้แก่หุ้น จำนวน 260,000,000 หุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 65,000,000 หน่วย โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ อีจีวี ดังกล่าวจะกระทำโดยที่บริษัทฯ ออกหุ้นสามัญใหม่แทนการชำระราคาค่าหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิของ อีจีวี ที่บริษัทฯ จะซื้อจากผู้ถือหุ้นและผู้ถือใบสำคัญแสดง สิทธิของอีจีวี โดยอัตราส่วนการแลกเปลี่ยนหุ้นจะอยู่ที่ 1 หุ้นใหม่ของบริษัทฯ ต่อ 2.27426 หุ้นของอีจีวี และ 1 หุ้นใหม่ของบริษัทฯ ต่อ 11.44905 หน่วยของใบสำคัญแสดงสิทธิของอีจีวี โดยแต่งตั้งบริษัทหลัก-ทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทฯ เพื่อร่วมจัดทำแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ และเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ต่อไปและแต่งตั้งบริษัท มิน- เตอร์ เอลิสัน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินการดังกล่าว
กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2547 ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2547 เวลา 10.30 น. ณ อาคารเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน เพื่อพิจารณาเรื่อง ดังกล่าว โดยได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิกำหนดของผู้ถือหุ้นในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2547 ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2547 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุม วิสามัญผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|