"ภูเก็ตแฟนตาซี" เงินก็มี บีโอไอก็ช่วย


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2541)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อซาฟารีเวิลด์เข้าที่เข้าทาง ผินก็ผันตัวเองไปเปิดอีกโครงการที่ใหญ่ยักษ์กว่าเดิมภายใต้ชื่อโครงการ ว่า "ภูเก็ตแฟนตาซี"

เนื่องจากภูเก็ตเป็นตลาดจำกัด คือเมื่อนักท่องเที่ยวมาลงที่นี่แล้วมักจะไม่ไปที่ไหนต่อ แต่จะใช้เวลาทั้งหมดเที่ยวอยู่ในเกาะภูเก็ต เฉลี่ยชาวเอเชียจะพัก 3.5 คืน ส่วนยุโรปพัก 6 คืน โดยโรงแรมที่มีอยู่ประมาณ 260 แห่งมักจะเต็มตลอดทั้งปี และที่สำคัญ ปีนี้กับปีหน้าประเทศไทยกำลังรณรงค์ปีอะเมซิ่งไทยแลนด์ ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วไทย รวมทั้งภูเก็ตด้วย

ด้วยปัจจัยเอื้อต่างๆ โครงการภูเก็ตแฟนตาซี ประกอบกับล่าสุดสรุปได้แล้วว่าเงินลงทุนทั้งหมดที่ต้องใช้ประมาณ 2,820 ล้านบาท มีผู้สนับสนุนเรียบร้อยแล้ว ทำให้โครงการดังกล่าวกลายเป็นเสือสมปีเสือไปโดยปริยาย เท่านั้นยังไม่พอยังโชคดีได้รับการส่งเสริมจาก BOI อีก ทำให้โครงการนี้จะเรียกว่ากลายเป็น "เสือติดปีก" ก็ไม่ผิดนัก

เดิมโครงการภูเก็ตแฟนตาซีตั้งเป้าว่าจะให้เสร็จในต้นปีนี้ แต่ก็ต้องล่าช้าออกไปเพราะติดขัดในเรื่องเงินทุนที่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยีส่วนใหญ่ประมาณ 70% ต้องสั่งมาจากเมืองนอก

ด้วยทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดยบมจ.ซาฟารีเวิลด์ถือหุ้น 99.9% ลงทุนครั้งแรก 1,600 ล้านบาท แต่เมื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยนทำให้การลงทุนเพิ่มขึ้นมาก อาทิ ค่าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.25% แต่โดยรวมแล้วเพิ่มขึ้นทั้งสิ้นประมาณ 1,200 ล้านบาท และคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 2,820 ล้านบาท

เงินลงทุนส่วนแรก 1,600 ล้านบาท มาจาก ธ.ไทยพาณิชย์ให้กู้ 900 ล้านบาท และ บงล.ธนสยามให้กู้อีก 700 ล้านบาท นี้คือแผนเดิม

ส่วนที่เพิ่มขึ้นอีก 1,200 ล้านบาท มาจากการเพิ่มทุนของซาฟารี 47.5 ล้านหุ้น หุ้นละ 20 บาท ขายให้นักลงทุนไต้หวันแบบเฉพาะเจาะจงทั้งจำนวน รับชำระในวันที่ 3 เมษายน เงินเข้ามาทั้งสิ้น 950 ล้านบาท

ความสำเร็จครั้งนี้ต้องยกให้ผินที่มีความพยายามและความสามารถหามาจนได้ ซึ่งเขาได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า "ไต้หวันทุนเยอะ ตอนนี้ไปหาทุนต้องไปหาไต้หวัน ถ้าฝรั่งนะกู้ 100 ล้าน เอกสารต้อง 20 กิโล"

ส่วนอีก 270 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจากผลิตภัณฑ์ "Pepsi" ผ่านทางบริษัทเสริมสุข 50 ล้านบาท ธ.ไทยพาณิชย์ใจป้ำให้กู้เพิ่มอีก 200 ล้านบาท และอีก 20 ล้านบาทมาจากซาฟารีเอง โดยวงเงินกู้ทั้งหมดมีระยะในการผ่อนชำระประมาณ 5-7 ปี

และปีนี้ยังเป็นโอกาสดีที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI ซึ่งจะลดภาระภาษีไปได้ถึง 30% ทำเอาผินปลื้มอกปลื้มใจเป็นอันมาก "เดิมเราเหมือนเด็กกำพร้า เพิ่งได้คุณพ่อคุณแม่ ลำบากมาตลอดเพิ่งจะดีในช่วงนี้ และเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งด้วย"

นับว่าแปลกเพราะขณะที่คนอื่นดำเนินธุรกิจอย่างรุ่งโรจน์ ซาฟารีก็ไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ แต่เมื่อธุรกิจอื่นซบ โชคดีต่างๆ ก็ดูจะวิ่งเข้าหาผินอย่างไม่น่าเชื่อ ดูอย่าง BOI เดิมก็ส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอยู่บ้างแล้ว แต่มองเฉพาะธุรกิจโรงแรมเท่านั้น

"ที่ผ่านมาเรายอมรับว่ารู้เรื่อง การท่องเที่ยวน้อยเกินไปจึงให้แต่โรงแรม จนบริษัทท่องเที่ยวให้แนวทางว่า จริงๆ แล้วยังมีสวนสนุก สวนสัตว์ สวนวัฒนธรรม อะควาเรียม พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง พิพิธภัณฑ์ของพื้นเมืองต่างๆ" สถาพร กวิตานนท์ เลขาธิการบีโอไอกล่าว

ดังนั้นจึงได้เพิ่มเติมประเภทกิจการลงในหมวด 7 ประเภทบริการ และสาธารณูปโภค โดยอยู่ในประเภทกิจการนันทนาการที่สนับ สนุนการท่องเที่ยว ได้แก่ สวนสนุก สวนสัตว์เปิด ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมหรือศูนย์ศิลปหัตถกรรม และประมาณเดือนกุมภาพันธ์ได้เพิ่มในส่วนอุทยานสัตว์น้ำ เข้าไปด้วยอีกประเภทหนึ่ง "ในอนาคตอาจจะขยายประเภทออกไปอีกได้ ขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการ" สถาพรกล่าว

สำหรับโครงการภูเก็ตแฟนตาซี นับว่าเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่ขอรับการส่งเสริมในกลุ่มศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม ด้วยพื้นที่โครงการ 240 ไร่ บนหาดกมลา (ใกล้หาดป่าตอง) และจะสร้างงานให้คนในภูเก็ตประมาณ 7-800 คน ประกอบด้วย วังไอยรา ซึ่งเป็นโรงละครปรับอากาศที่จุผู้ชมได้ 3,000 ที่นั่ง, พิมานมาศ ซึ่งเป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ 4,000 ที่นั่ง และแฟนตาซีวิลเลจ ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้ง ไนท์ บาร์ซา

"ในวังไอยราเราจะมีทั้งโชว์วัฒนธรรมและเทคโนโลยี ช้างจริงๆ จะถูกเสกให้ลอยขึ้นไปและจะหายไปในกลางอากาศ เป็นเทคนิคเดียวกับเดวิด คอปเปอร์ที่เสกเครื่องบินโบอิ้ง 747 ให้หายไปหรือเดินทะลุกำแพงเมืองจีน เฉพาะ Know How ตรงนี้มูลค่าถึง 700 ล้านบาท" ผินอธิบายความมหัศจรรย์อย่างลื่นไหลและเพิ่มเติมว่า

"เรายังมีโชว์ระเบิด ซึ่งเป็นแห่งที่ 2 ในโลกที่เป็นโชว์แบบอินดอร์ และเรายังมีโชว์แบบ 4 มิติ (4D) คือมีความรู้สึกร่วมไปด้วยไม่ว่าจะเป็นกลิ่น ถ้ามีฝนคนดูก็จะรู้สึกเปียกไปด้วย แผ่นดินไหวก็สะเทือนไปด้วย เป็นต้น"

นับว่าอลังการน่าดูเพราะแค่โรงละครโรงเดียวก็มีมูลค่าถึง 1,300 ล้านบาท และเฉพาะค่า Know How อย่าง เดียวก็มีสัดส่วนถึง 35% ของต้นทุนทั้งหมด เห็นอย่างนี้แล้วพูดได้คำเดียวว่าผินใจใหญ่จริงๆ สถาพรเองถึงกับออกปากว่า "ใจไม่ถึงอย่างนี้ไม่กล้าทำเพราะงานนี้เสี่ยง เราจึงอยากสนับสนุนเพื่อลดความเสี่ยง"

ผินคาดว่าปีนี้จะมีคนมาเที่ยวภูเก็ตประมาณ 3 ล้านคน (ปี'40 มาเที่ยว 2.6-2.7 ล้านคน) และหวังว่าในจำนวนนี้สัก 80% คือประมาณ 2.4 ล้านคน 95% เป็นทัวร์อินบาวด์ และคนไทยอีก 5% แต่เมื่อเปิดแล้วเขาคาดว่าจะได้รับการต้อนรับจากคนไทยมากขึ้น และสัดส่วนอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 10% ก็ได้

แต่ด้วยสนนราคา 1,200 บาท ซึ่งเป็นค่าบัตรรวมค่าอาหารมื้อค่ำ คงต้องหวังนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักจะดีแล้ว!!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.