|
Vodafone กับสัญญาณอันตราย
นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
บริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังทำให้ผู้ถือหุ้นไม่มั่นใจในขณะที่งบการเงินของบริษัทกำลังส่งสัญญาณอันตราย
เพียงไม่ถึง 10 เดือนหลังจากขึ้นมารับตำแหน่ง CEO ของ Vodafone Group บริษัทโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใหญ่ที่สุด ในโลก Arun Sarin ก็สามารถประกาศผลประกอบการที่งดงามตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ได้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยรายได้และการเติบโตของกำไร ของ Vodafone สำหรับปีการเงินที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม ยังคงเป็นเลข 2 หลัก โดยรายได้เติบโต 10% อยู่ที่ระดับมากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนผลกำไรก่อนหัก ภาษีเพิ่มขึ้น 19% สู่ระดับ 18,000 ดอลลาร์ ในขณะที่งบดุลของบริษัทก็มีเงินสดก้อนใหญ่ถึง 15,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนั้น Vodafone ยังได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี 3G ที่รอคอยกันมานาน ในเยอรมนี อิตาลี โปรตุเกสและสเปน และประกาศจะเสนอซื้อหุ้นในสาขาของบริษัทที่ญี่ปุ่นคืนจากนักลงทุนส่วนน้อย ด้วยเงิน 4.7 พันล้านดอลลาร์
ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้นของ Vodafone แต่กลับปรากฏว่า ในวันเดียวกับการประกาศผลประกอบการ ของ CEO ชาวอินเดียนั้นเอง หุ้นของ Vodafone กลับรูดลงมากกว่า 5%
นักลงทุนไม่ค่อยคุ้นเคยกับการที่ Vodafone มีผลประกอบการเพียงแค่เท่ากับระดับที่ตลาดคาดหวัง หลังจากที่สามารถทำได้เกินความคาดหวังมาโดยตลอด นอกจากนี้ ผลกำไรเมื่อปีที่แล้วหลังหักค่าความนิยมและรายการบัญชีพิเศษอื่นๆ แล้ว Vodafone กลับขาดทุนสุทธิถึง 16,000 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าเมื่อมองไปที่จำนวนเงินสดก้อนโตที่อยู่ในมือของ Vodafone แล้ว จะเห็นได้ว่า ความสามารถในการทำกำไรของ Vodafone จะยังคงแข็งแกร่งอยู่ก็ตาม
และการงัดข้อกันระหว่าง Sarin กับผู้ถือหุ้นก็อยู่ที่เงินสดจำนวนนี้ ในขณะที่นักลงทุนต้องการมีส่วนในเงินก้อนนี้มากขึ้นและ ยังไม่จุใจ แม้ว่า Vodafone จะได้ประกาศซื้อหุ้นคืนรวมทั้งเพิ่มเงินปันผลให้แล้ว แต่ Sarin กลับต้องการมีเงินสดไว้ในมือมากพอ เพื่อเตรียมคว้าโอกาสดีๆ หากมีสินทรัพย์ที่น่าสนใจผ่านตาเข้ามา
การเสนอซื้อ AT&A Wireless Services ด้วยเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์ของ Sarin ที่ล้มเหลวในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ นักลงทุนไม่เชื่อที่ Sarin อ้างว่า เขาจะเปลี่ยนไปมุ่งเน้นการประสาน ธุรกิจอันใหญ่โตของ Vodafone ให้มีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้น มากกว่าจะทุ่มซื้อสินทรัพย์ แบบเดียวกับที่ Sir Christopher Gent CEO คนก่อนชอบทำ
นอกจากนี้นักลงทุนยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในแผนการที่ Sarin คิดจะซื้อหุ้นในสาขาที่ญี่ปุ่นคืนจากนักลงทุนรายย่อย สำหรับที่ญี่ปุ่น Vodafone มีส่วนแบ่งตลาด 18.4% และเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่นรองจาก NTT DoCoMo และ KDDI สาขาที่ญี่ปุ่นนี้ทำกำไรอย่างสูงให้ Vodafone โดยผลกำไรที่ได้มีสัดส่วนถึง 25% ของผลกำไรทั้งหมดของบริษัท ซึ่งก็คือเหตุผลหลัก ที่ทำให้ Sarin อยากรวบหุ้นทั้งหมดของสาขาญี่ปุ่นกลับคืนมา เพื่อจะได้รับผลกำไรเต็มๆ โดยไม่ต้องแบ่งให้ใคร
อย่างไรก็ตาม Vodafone กำลังเริ่มจะเพลี่ยงพล้ำในญี่ปุ่น หลังจากชาวญี่ปุ่น ไม่ได้ตื่นเต้นกับ 3G ของ Vodafone ตาม ที่คาด นอกจากนี้กำไรจากการดำเนินการของสาขาในญี่ปุ่นก็ยังตกลง 20% ในปีที่แล้ว เหลือเพียงต่ำกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วน สัดส่วนรายได้ต่อผู้ใช้ก็ลดลง 7%
ความปรารถนาของ CEO
ด้วยเหตุนี้ Sarin จึงตั้งความหวังไว้ที่การเปิดตัว 3G ในตลาดยุโรป ซึ่งตลาดโทรศัพท์มือถือกำลังเริ่มจะอิ่มตัว อย่างรวดเร็ว ว่าจะสามารถหนุนช่วยการเติบโตของบริษัทได้ โดยเขาหวังพึ่งความ สำเร็จของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง Vodafone live! บริการมัลติมีเดียที่มีผู้ใช้ถึง 6.8 ล้านคนในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา Vodafone ยังเพิ่มบริการ content จากเพียงแค่เพลงและภาพมาเป็นการดาวน์โหลดภาพเคลื่อนไหว ทั้งยังออกการ์ดข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้เครื่องแล็ปท็อปสามารถเข้าถึงเครือข่าย 3G ของ Vodafone ผ่านแล็ปท็อปได้
Sarin เองยอมรับว่า กำลังคิดจะซื้อกิจการอีก โดยเขาคิดจะซื้อ Groupe SFR Cegetel มาจากบริษัทแม่คือ Vivendi Universal ของฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังสนใจ ที่ซื้อหุ้น 23.1% ใน Vodafone Italy คืนจาก Verizon Communications ด้วยนักวิเคราะห์ยังชี้ด้วยว่า Sarin ยังกำลังมองหาการลงทุนที่น่าสนใจในอินเดียและรัสเซียอีกด้วย นักลงทุนจึงได้แต่ภาวนาว่า เขาจะไม่ทำอะไรเกินตัวไปมากกว่านี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|