เตาประหยัดแก๊สลุยตลาดไม่หวั่นเศรษฐกิจทรุด


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2541)



กลับสู่หน้าหลัก

ในภาวะที่ธุรกิจเล็กใหญ่ค่อยๆ ล้มหายตายจากกันไป ธุรกิจใหม่ๆ หาได้น้อยเต็มที แต่ภาวะเช่นนี้ สันติ เจริญฤทธิ์ศักดิ์ พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมเพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเอง โดยการเปิดบริษัท ใหม่ท้าทายเศรษฐกิจ ในชื่อว่า บริษัท อุตสาหกรรมเตาประหยัดแก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด

"ทุกวันนี้ คนต้องการประ-หยัดทุกอย่าง ขณะที่เตาแก๊สของเราให้ความร้อนสูงกว่า ทั้งยังประ หยัดแก๊สอีกกว่า 40% ซึ่งกำลังเข้ากับกระแสเศรษฐกิจ"

เขาให้เหตุผล พร้อมกับเล่าถึงความเป็นมาของบริษัทว่า เตาประ หยัดแก๊ส HOTTEST นี้ ประดิษฐ์โดย พิทยา พิทยธนาคม ซึ่งใช้เวลากว่า 10 ปีในการลองผิดลองถูกและปรับ ปรุงจนกระทั่งใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ ประหยัดแก๊สได้มากกว่า 40% โดยได้รับการทดสอบและรับรองจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังให้ความร้อนสูงกว่าเตาแก๊สทั่วไป เนื่องจากเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ทั้งยังไม่มีเขม่า และไม่เกิดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์

อย่างไรก็ดี เตา HOTTEST จำเป็นต้องอาศัยแรงดันแก๊สที่ค่อนข้างสูง ประมาณ 40 องศา ประกอบกับพื้น ที่ในการระบายอากาศค่อนข้างมาก ดังนั้นในระยะแรก สันติจึงเล็งกลุ่มเป้าหมายไปยังโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร เพราะร้านอาหารจะมีปุ่มปรับความดันแก๊สอยู่แล้วจึงไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ทำตลาดได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือร้านอาหารจำเป็นต้องใช้แก๊สเป็นจำนวนมากในแต่ละเดือน ทำให้เห็นผลของความประหยัดแก๊สได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตามเขามีแผนที่จะผลิตเตาแก๊สเพื่อรองรับตลาดครัวเรือนภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งขณะนี้พิทยา และวิศวกรในบริษัทกำลังร่วมกันวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับครัวเรือนมากขึ้น

อุตสาหกรรมเตาประหยัดแก๊ส จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2541 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยการร่วมทุนของสันติ เจริญฤทธิ์ศักดิ์ ประธานกรรมการ โอฬาร ภาคย์กิจจากุล กรรมการผู้จัดการ และพิทยา พิทยธนาคม นักประดิษฐ์

บริษัทได้เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อต้นเดือนเมษายน โดยใช้วิธีการขายตรง เพราะสามารถเจาะตลาดเป้าหมายได้ง่ายที่สุด สันติมองว่าเตา HOTTEST จำเป็นต้องมีการสาธิตให้ดูจึงสร้างความเชื่อถือแก่ลูกค้าได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีคำสั่งซื้อเข้ามาจนผลิตไม่ทันขาย

อันที่จริงการเพิ่มกำลังการผลิตนั้นไม่ยาก เพราะบริษัทใช้วิธีว่าจ้างบริษัทเหล็กหลายแห่งผลิตชิ้นส่วนที่แตกต่างกันไป จากนั้นจึงนำมาประกอบเข้าเป็นเตาแก๊สทั้ง 4 รุ่น คือ เตาสำหรับต้ม เตาสำหรับผัด เตาไฟแรงพิเศษ และเตาอุตสาหกรรม แต่เนื่องจากบริษัทเพิ่งก่อตั้งไม่นาน และมีเงินทุนหมุนเวียนไม่มากพอที่จะสั่งผลิตชิ้นส่วนเข้ามาคราวละมากๆ ขณะที่การขายนั้นบางครั้งกว่าจะเก็บเงินได้อาจใช้เวลานาน ทุนหมุนเวียนจึงไปจมอยู่กับขั้นตอนต่างๆ ค่อนข้างมาก

ทุกวันนี้บริษัทมีช่างประกอบและติดตั้งประมาณ 20 คน มีกำลังการผลิตประมาณ 3,000 เตาต่อเดือน สันติมีแผนขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดทั่วประเทศโดยใช้ระบบตัว แทนขาย (AGENT) ซึ่งได้เริ่มแล้วที่ จ.ชลบุรี

เตารุ่นที่ขายดีมากๆ ขณะนี้มี 2 รุ่น คือ รุ่น PGSS 102 เตาสำหรับผัดเหมาะสำหรับร้านอาหารทั่วไป ราคาเตาละ 2,975 บาท และรุ่น PGSS 103 เตาไฟแรงพิเศษ เหมาะสำหรับภัตตารคาร และร้านอาหารขนาดใหญ่ราคาเตาละ 4,975 บาท

"แม้ว่าราคาจะแพงกว่าเตาทั่วๆ ไปประมาณ 5-7 เท่า แต่เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนจากการประหยัดค่าแก๊สในแต่ละเดือนแล้ว เพียงแค่ไม่กี่เดือนก็เหมือนกับได้เตาของเราไปเปล่าๆ" สันติเน้นจุดขาย

เนื่องจากค่าแก๊สเป็นต้นทุนแปรผันที่สำคัญสำหรับร้านอาหาร ถ้าประหยัดค่าแก๊สได้เดือนละ 500 บาท เพียง 6-10 เดือนก็เท่ากับราคาเตาแก๊สใหม่แล้ว เพราะเหตุนี้เองจึงยังไม่มีลูกค้ารายใดปฏิเสธการเสนอขายของ HOTTEST

แต่กระนั้นการที่เตาดังกล่าวจำเป็นต้องมีพื้นที่ในการระบายอากาศค่อนข้างมาก บางครั้งจึงจำเป็นต้องปรับปรุง สถานที่ปรุงอาหารก่อนการติดตั้งเตาแก๊ส HOTTEST ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่นการเปลี่ยนท่อระบายอากาศ เป็นต้น

ชั่วเวลา 2 เดือนเศษ HOTTEST มีลูกค้าเป็นโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหารขนาดใหญ่กว่า 20 ราย สันติตั้งเป้าว่าต้องการคำรับรองจากลูกค้าขนาดใหญ่ให้ได้ 50 ราย จึงจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเมื่อประสบความสำเร็จกับตลาดในประเทศแล้ว ก็ทำการส่งออกไปขายต่างประเทศ ต่อไป

"ตอนนี้ผมกำลังศึกษาระบบแก๊สของต่างประเทศอยู่ ในยุโรปคงยากเพราะส่งแก๊สผ่านท่อ แต่ถ้าเป็นฮ่องกง มาเลเซีย จีน ไต้หวัน ใช้ระบบถังแก๊สเหมือนบ้านเรา ตอนนี้ก็คุยกับกรมส่งเสริมการส่งออกอยู่ ว่าต่อไปจะส่งออกไปขายด้วย" สันติ กล่าว

แม้ว่าเรื่องของการส่งออกยังเป็นเพียงแผนที่ยังต้องใช้เวลาศึกษาอีกไม่น้อยกว่า 1-2 ปี แต่ก็เป็นนิมิต หมายอันดีที่สิ่งประดิษฐ์ของคนไทยจะออกสู่ตลาดโลกในอนาคต

ทุกวันนี้ก๊าซแอลพีจี กำลังจะหมดไป ไทยต้องนำเข้าก๊าซจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ละปีไทยมีการใช้ก๊าซนี้ไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท และทั่วโลกกำลังรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงานทุกชนิด จึงนับเป็นจังหวะเหมาะที่การคิดค้นของพิทยาได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบลงพอดี อย่างไรก็ตามนักประดิษฐ์ย่อมหนีไม่พ้นนิสัยที่จะคิดค้นอะไรออกมาใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่นเดียวกับพิทยาตอนนี้เขากำลังวุ่นอยู่กับการพัฒนาเตาแก๊สรุ่นใหม่ ที่ใช้ได้ทุกครัวเรือนอย่างมีประสิทธิภาพ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.