ใครที่คิดว่าธุรกิจการเป็นที่ปรึกษา การค้าการลงทุนจะเป็นเรื่องของพวกวาณิชธนกิจใหญ่ๆ
ซึ่งส่วนมากจะมาจากสหรัฐฯ นั้น อาจต้องเริ่มพิจารณาข้อมูลในข่าวชิ้นนี้กันใหม่
เพราะในบางประเด็น ความใหญ่และมีชื่อเสียงไม่ใช่เรื่องจำเป็นเสมอไป แต่การเจาะกลุ่มลูกค้าและการตั้งเป้า
หมายที่ถูก ก็สามารถสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้
นอกจากนี้ การสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับ กลุ่มประเทศอาเซียน
ก็ทำให้ขอบข่ายการทำธุรกิจระหว่างสองภูมิภาคขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดธุรกิจที่ปรึกษาขึ้นมาได้
มร.แอนเดอร์ส ลูนด์ควิทส์, มร.โฮกัน สกุกลูนด์ และ มร.ยูฮัน วีนเลิฟ ผู้บริหารของบริษัท
โคเนคเทอร์ เอเชีย จำกัด เพิ่งฉลองเปิดตัวบริษัทครบ 1 ปีที่ตึกวัน แปซิฟิค
เพลส เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
บุคคลทั้งสามต่างมีประสบการณ์ทำงานกับองค์กรต่างๆ ในแถบเอเชียมาเป็นเวลานาน
โดยเฉพาะในไทย มร.สกุกลูนด์ และ มร.วีนเลิฟมีความสามารถสื่อสารภาษาไทยได้ดี
พวกเขาเคยเป็นนักวิเคราะห์เศรษฐกิจการเมืองไทย และภูมิภาคเอเชียมาก่อน และได้มาร่วมกันก่อตั้ง
โคเนคเทอร์ เอเชียขึ้นเพื่อติดต่อประสานงานการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสวีเดน
ซึ่งเพียงแค่ 1 ปีที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจไม่น้อย
โคเนคเทอร์ เอเชียมีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ชัดเจนคือ บริษัทขนาดกลางและเล็กในภูมิภาคนอร์ดิก
ที่ต้องการเข้ามาทำการค้าการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทมีเครือข่ายที่ประกอบไปด้วยคณะผู้เชี่ยวชาญ
กลุ่มผู้ให้คำปรึกษาในด้านการลงทุนและการค้าและการตลาด ซึ่งประจำอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในภูมิภาคนอร์ดิก
โดยมีสำนักงานติดต่ออยู่ในแต่ละภูมิภาค
ขอบข่ายการให้บริการของบริษัทมี 4 ด้านใหญ่ๆ คือเรื่องของการพัฒนาธุรกิจ,
ความรู้ทางธุรกิจและการวิจัย, การประชาสัมพันธ์และการตลาด และการสรรหาผู้บริหารมืออาชีพ
ซึ่งบริษัทก็มีการพัฒนาธุรกิจในเครือขึ้นมาหลายอย่างได้แก่ การชักนำกองทุนวัวนมซิลวีโนวาให้มาลงทุนทำฟาร์มวัวนมในสาธารณรัฐประชาชนลาว
การตั้งบริษัทแปซิฟิค 2000 (ดูรายละเอียดในตาราง)
นอกจากนี้ โคเนคเทอร์ เอเชีย ยังได้จัดให้มีโรดโชว์ในสวีเดน เพื่อชักนำให้บริษัทที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในภูมิภาคนี้
โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาก็นับว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ซึ่งในปีนี้
โคเนคเทอร์ เอเชีย จะขยายไปทำโรดโชว์ที่ฟินแลนด์เพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่งด้วย
การทำโรดโชว์นี้มีจุดมุ่งหมายในการที่จะทำให้ชื่อเสียงของโคเนคเทอร์ เอเชีย
โด่งดังมากขึ้นในประเทศแถบสแกนดิเนเวียน และยังได้ลูกค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาลงทุนในนี้ด้วย
บริษัทสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในตลาดภูมิภาคนี้ ซึ่งในการทำโรดโชว์ครั้งที่แล้ว
โคเนคเทอร์ เอเชีย ก็ได้ลูกค้าเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้พอสมควร
ด้าน มร. สกุกลูนด์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "อุปสรรคประการหนึ่งที่เป็นปัญหาสำคัญของบริษัทนอร์ดิกที่จะเข้ามาทำธุรกิจในภูมิภาคนี้คือ
การขาดข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้อง การขาดความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมทางธุรกิจของภูมิภาคนี้
ซึ่งโคเนคเทอร์ เอเชีย ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเรามีความชำนาญในด้านนี้ จนเราได้รับการยอมรับจากกิจการทั้งภาครัฐและเอกชนในหมู่ประเทศนอร์ดิกเป็นอย่างมาก
และเราสามารถให้บริการได้ในลักษณะของ one stop shop สำหรับการเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้"
เขาเปิดเผยด้วยว่า "กลุ่มเซกเตอร์ที่เราได้นำลูกค้าเข้ามาลงทุนที่น่าสนใจคือกลุ่มพลังงาน
ทั้งในด้านของการลงทุน การซัปพลายเครื่องมืออุปกรณ์ และการบำรุงรักษาและฝึกอบรม
นอกจากนี้ก็มีเรื่องของการจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการเรื่องบุคลากรในธุรกิจต่างๆ
เช่น ธุรกิจอุปโภคบริโภค เหล็ก ปิโตรเคมี การศึกษาและการฝึกอบรม อิเล็กทรอนิกส์
ป่าไม้ ซอฟต์แวร์ โลจิสติก ท่องเที่ยว การธนาคาร ไฟแนนซ์ อสังหาริมทรัพย์
และมีเดีย เป็นต้น นี่คือขอบข่ายธุรกิจที่บริษัทมีลูกค้าสนใจอยู่"
ทั้งนี้ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ โคเนคเทอร์ เอเชีย จะเป็นผู้นำตัวแทนนักธุรกิจจากสวีเดนคณะหนึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
เพื่อดูลู่ทางการลงทุน ซึ่งในจำนวนนี้จะมีบริษัทใหญ่ๆ จากสวีเดนรวมอยู่ด้วย
นี่คือแผนงานหลังจากที่พวกเขาเดินทางไปทำโรดโชว์ในสวีเดนและฟินแลนด์ในเดือนสิงหาคมนี้
ส่วนมร.วีนเลิฟได้กล่าวถึงลูกค้าของบริษัทที่ดูแลอยู่ เช่นบริษัท สแกน
ทิมเบอร์ ทำกิจการด้านนำเข้าไม้จากยุโรป มาแปรรูปในไทยส่งให้บริษัทญี่ปุ่นที่ทำอุตสาหกรรมส่งออก
และบางส่วนก็ส่งต่อไปขายที่จีนและไต้หวัน นอกจากนี้ก็มีบริษัท Prosolgia
ซึ่งทำเรื่องไอที ทำหนังประเภท virtual reality ทำหนัง animation, simulation
ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้เริ่มทำธุรกิจกับลูกค้าในไทยแล้ว เป็นต้น
มร.วีนเลิฟกล่าวถึงการแข่งขันในตลาดการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนเช่นนี้ว่ามีอยู่เหมือนกัน
แต่หากพูดถึงตลาดสแกนดิเนเวียนแล้ว มีน้อยมาก "อาจจะมีอีก 2-3 บริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายกับเรา
ส่วนแผนกการค้าของสถานทูตนั้นไม่สามารถรองรับความต้องการของนักลงทุนได้ เพราะเขาทำได้ในเรื่องของการให้ข้อมูลกว้างๆ
แต่เราสามารถทำได้ลึกกว่า ซึ่งผมก็จะเน้นเฉพาะลูกค้าในกลุ่มนอร์ดิกเท่านั้น"
ด้านวิกฤตเศรษฐกิจที่ไทยเผชิญอยู่ในเวลานี้ พวกเขาไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่
เพราะสวีเดนก็เคยเจอวิกฤติเช่นนี้มาก่อนหน้านี้ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ซึ่งมีการเก็งกำไรเรื่องอสังหาริมทรัพย์และความไม่มั่นคงในสถาบันการเงิน
ซึ่งมร.ลูนด์ควิทส์ กล่าวว่า "สวีเดนใช้เวลาถึง 3-5 ปี กว่าที่จะฟื้นตัวออกจากวิกฤตินั้นได้
ประเทศไทยก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยเช่นกัน แต่ผู้ที่ต้องการลงทุนก็น่าจะเข้ามาในตอนนี้ได้
บริษัทสแกนดิเนเวียน ซึ่งเริ่มออกมาดูการลงทุนข้างนอกประเทศก็รู้ดีว่าโอกาสลงทุนในไทยมีอยู่
และเราพยายามจะบอกเขาว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้ามาในไทย"
มร.ลูนด์ควิทส์ให้ความเชื่อมั่นแก่แนวโน้มระยะยาวมากของเศรษฐกิจ ไทย เขายังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลของนายกฯ
ชวน หลีกภัย ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างถูกต้องแล้ว รวมทั้งผู้นำในภาคธุรกิจไทยก็ได้ตระหนักถึงปัญหาที่แท้จริงของภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันแล้ว
และรู้ตัวดีว่าต้องมีการปรับปรุงตัวเองอย่างไร ทั้งในด้านเทคโนโลยี ด้านบุคลากร