"ผมเป็นพวกพาซื่อ มีทัศนะแบบ คนหนุ่ม ที่คิดเพียงแต่บริหารบริษัท
ผลิตงานชั้นเยี่ยม นั่นคือ สิ่งที่ต้องรวมศูนย์ความสนใจ...มีเรื่องทางธุรกิจ ที่
ต้องทำเยอะไปหมด ผมไม่รู้ว่า สิ่งหนึ่ง ที่ ต้องตรวจดู คือ คุณอาจโดนเล่นงานจาก
รัฐบาลของคุณเอง ในสิ่งที่คุณคิดค้นขึ้นมา"
ผู้ที่พูดประโยคข้างต้นนี้ คือ บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์
บริษัท ที่ใหญ่ที่สุด ในโลก ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า รวยที่สุดในโลก
และตามด้วยการเป็นคนใจบุญที่สุดในโลก...
ในช่วง ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ของเกตส์ต้องเผชิญมรสุมอย่างหนัก เมื่อกลายเป็นจำเลยในคดีละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดทางการค้าของสหรัฐฯ
(anti-trust) โดยอัยการรัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ รวม 19 รัฐ รวมทั้งกระทรวงยุติธรรม
สหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องไมโครซอฟท์ ว่ามีแนวโน้มดำเนินธุรกิจในลักษณะผูกขาด
******
บิลล์ เกตส์ เกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955 มีพี่น้องท้องเดียวกัน
3 คน โดยเขาเป็นผู้ชายคนเดียว พ่อของเขา - วิลเลียม เอช. เกตส์ ที่ 2 (William
H. Gates II) เป็นทนาย ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของเมืองซีแอตเติล ส่วนแม่ของเขา
แมรี เกตส์ (Mary Gates) ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เคยเป็นครู และเป็นสตรีผู้นำชุมชน ที่แข็งขันคนหนึ่ง
เกตส์รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก และเริ่มสนใจคอมพิวเตอร์เมื่ออายุได้ 13 ขวบ
ขณะที่อยู่โรงเรียน Lakeside ในซีแอตเติล พออายุได้ 17 เกตส์ก็ขาย โปรแกรมแรกในชีวิต
ได้เงินก้อนแรกนี้สูงถึง 4,200 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และ ที่โรงเรียนแห่งนี้เอง ที่เขาได้พบกับพอล
อัลเลน (Paul Allen) ที่เรียนสูงกว่าเขาสองชั้น ทั้งสองกลายเป็นเกลอกันก็เพราะต่างหลงใหลในคอมพิวเตอร์เหมือนกัน
ระหว่าง ที่ข้ามมาเรียน ที่ฮาร์วาร์ด... ทั้งเกตส์ และอัลเลนก็ยัง "ซี้ย่ำปึ่ก"
กันเหมือนเดิม และร่วมกันเขียน โปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์สำหรับเครื่องคอม
พิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC (Personal Computer) ซึ่งปรากฏว่าบริษัท MITS ผู้ผลิต
PC ที่เมือง Albuquerque ในนิวเม็กซิโก ชอบงานของพวกเขา และในปี ค.ศ.1975
เกตส์ และอัลเลนก็ร่วมกันตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ขึ้นมา
หลังจากนั้น เพียง 1 ปี เกตส์ก็ทิ้งห้องเรียน ที่ฮาร์วาร์ด เพราะชัดเจนว่า
อนาคตของไมโครซอฟท์มีแต่ความสดใส รออยู่!
ไมโครซอฟท์เติบโตอย่างรวดเร็ว จุดเปลี่ยนใหญ่มาถึงในปี ค.ศ.1980 เมื่อไมโครซอฟท์ตกลงเซ็นสัญญาทำระบบปฏิบัติการ
(opera-ting system) ให้กับไอบีเอ็ม (IBM) ระบบดังกล่าวรู้จักกันดีในนาม
ของ MS-DOS ซึ่ง "ไม้เด็ด" ที่ระบุในสัญญา ที่ไมโครซอฟท์ทำกับไอบี เอ็ม
คือ บริษัทคอมพิวเตอร์รายอื่นสามารถใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวได้ด้วย ทำให้เกิดคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า
IBM-compatible แพร่หลาย ทำให้ไมโครซอฟท์ยิ่งโตเร็วขึ้นไปอีก
ตอนนี้ทั้งเกตส์ และอัลเลนก็ได้ กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีของโลกไปแล้ว
อัลเลนนั้น เข้าข่ายประเภทรวยแล้วเลิก... เขาถอนตัวจากการอยู่แนวหน้า ขณะที่เกตส์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการทำให้ไมโครซอฟท์เติบโต
ด้วยวิสัยทัศน์ของเขาในเรื่องอนาคตของ PCถือว่าเป็นศูนย์กลางแห่งความสำเร็จ
ของไมโครซอฟท์
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า บิลล์ เกตส์จะคิดถูกไปทุกเรื่อง
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ช่วง ที่ทั้งยอดขาย และกำไรของไมโคซอฟท์กำลังพุ่งแรง
ว่ากันว่าเกตส์พลาดในเรื่อง การมองถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกอิน เทอร์เน็ต
จากมุมมองทางด้านอินเทอร์เน็ตนั้น นับเป็นเรื่อง ที่ต้องแข่งกับเวลาทีเดียวถ้าจะทำให้ไมโครซอฟท์ขึ้นแป้นเป็นผู้นำในยุคอินเทอร์เน็ต
นี่อาจจะเป็น ส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เกตส์หันมาเน้นการเป็น ผู้นำทางด้านซอฟต์แวร์
และเร่งพัฒนาด้านเทคนิคของโปรดักส์ใหม่ๆ
นอกเหนือจากอาณาจักรไมโครซอฟท์แล้ว เกตส์ยังสนใจในบริษัททางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ
เขาเป็นหนึ่งในบอร์ดของ Icos Corporation และมีหุ้นใน Darwin Molecular ซึ่งเป็นสาขา
ของ Chiroscience ในอังกฤษ ขณะเดียวกัน เกตส์ก็เป็นผู้ก่อตั้ง Corbis Corporation
ที่กำลังพัฒนาการจัดเก็บงานศิลปะ และภาพถ่ายในระบบดิจิตอล ทั้งคอลเลกชั่น ที่เป็นของสาธารณะ และของส่วนตัวจากทั่วทุกมุมโลก
ต้องยอมรับความจริงว่า เกตส์เป็นผู้ที่มีทั้งคนชอบ และคนชัง
ในสายตาของคนที่ชื่นชมเขาแล้ว เกตส์ไม่ต่างไปจากเทพ แต่ในสายตาของ คนที่ไม่ชอบขี้หน้าเขา
เกตส์ก็คือ ปีศาจดีๆ นี่เอง และไมโครซอฟท์ก็คือ อาณาจักรของปีศาจ!
อย่างไรก็ตาม หนังสือ ที่เขาเขียน ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น The Road Ahead หรือ
Business @ the Speed of Thought ล้วนเป็นหนังสือขายดีติดอันดับด้วยกันทั้งคู่
เพราะไม่ว่าจะชอบหรือชัง คนจำนวนไม่น้อยก็ต้องการที่จะมองโลกอย่างที่เกตส์มอง
บิลล์ เกตส์ แต่งงานกับเมลินดา (Melinda) ในวันปีใหม่ของปี ค.ศ.1994 มีลูกชายหญิง
2 คน คนโตเป็นหญิง ปัจจุบันอายุ 4 ขวบ ชื่อเจนนิเฟอร์ แคทธาลีน เกตส์ (Jennifer
Katharine Gates) ส่วนคนเล็กเป็นชายเพิ่งเกิดเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วนี่เอง
ชื่อ โรรี จอห์น เกตส์ (Rory John Gates)
ครอบครัวเกตส์มีบ้านพัก ที่ถือ ว่าหรูหรามาก แต่ก็เป็นส่วนตัวมากๆ เช่นกัน
เกตส์ไม่ยอมให้ใครเข้าไปถ่ายภาพบ้านพักของเขาอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับไม่ยอมปริปากว่าเขาใช้เงินไปเท่าไรกับบ้านหลังนี้
เพียงแต่บอกน้อยกว่า 75 ล้านเหรียญอย่างที่พูดๆ กัน
ถ้าถามว่าบ้านพักของเกตส์หรูหราขนาดไหน - บอกได้แต่ว่า ขนาดมีสระว่ายน้ำในร่ม ที่มีเพลงบรรเลง
ใต้น้ำ - ขนาดนั้น !
เกตส์พบกับภรรยาวัย 35 ของเขาคนนี้ในปี ค.ศ.1987 ตอน ที่ไมโครซอฟท์จัดงานแถลงข่าว ที่แมนฮัตตัน
โดยที่เธอก็ทำงานอยู่กับไมโครซอฟท์นั่นเอง และตอนหลังก็ขึ้นเป็นผู้บริหารรับผิดชอบทางด้าน
Interactive Content
งานอดิเรกของผู้ที่ได้ชื่อว่ารวยที่สุดในโลกผู้นี้คือ เล่นกอล์ฟ และไพ่บริดจ์
ครอบครัวนี้ได้ชื่อว่าเป็นคนใจ บุญติดอันดับต้นๆ ของโลกทีเดียว โดยให้วิลเลียม
เกตส์ ที่ 2 พ่อของบิลล์ เกตส์ เป็นผู้บริหารกองทุน จนถึงขณะนี้กองทุน ดังกล่าวของเกตส์ใช้เงินไปแล้วมากกว่า
1 หมื่น 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งให้ความช่วยเหลือทางด้านสาธารณสุข และการศึกษาในประเทศ ที่กำลังพัฒนา
โดยร่วมมือกับกองทุนสำหรับเด็กของสหประชาชาติ ยูนิเซฟ ธนาคารโลก และองค์การอนามัยโลก
ตลอดจนบริษัทยาต่างๆ มูลนิธิของเกตส์ นี้นับเป็นองค์กรการกุศล ที่ล่ำซำเป็นอันดับ
2 ของโลก รองจาก Wellcome Trust ในอังกฤษ
เกตส์บอกว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เขาได้รับฉายามากมายหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่ง ที่เขาไม่เคยถูกมองว่าเป็น
"คนโง่" เขายังเชื่อว่า ตัวเขายังฉลาด ปราดเปรื่องอยู่เสมอ
ครั้งหนึ่งเกตส์เคยเล่าย้อนถึง วัยเด็กว่า ระหว่าง ที่ทำข้อสอบในห้องสอบนั้น
เขาเคยคิดเสมอว่า - ง่ายอะไรอย่างนั้น และรู้สึกเสียใจแทน เพื่อนๆ เพราะคิดว่าข้อสอบเหล่านี้ได้รับการออกมา เพื่อเขาโดยเฉพาะ
ไม่ใช่สำหรับเด็กคนอื่นๆ...
เพื่อน ที่สนิทที่สุดคนหนึ่งของเขาบอกว่า เกตส์ยังมี "ความเป็นเด็ก"
ในตัวอยู่มาก...ทำให้เป็นไปได้ ที่เกตส์อาจมองว่า สิ่งที่ไมโครซอฟท์เผชิญอยู่ในขณะนี้เป็น
"ข้อสอบ" ที่ออกมาสำหรับเขาโดยเฉพาะ!
สำหรับเรื่อง ที่เขาต้องสู้รบปรบมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่นี้ เกตส์บอกว่า...
"ผมรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับ ผม แต่ว่าผมก็มีความสุขมากนะ"
นี่คือ ทัศนคติของบิลล์ เกตส์ ใน ยาม ที่เงินแสนล้านเหรียญสหรัฐของเขายุบลงเหลือ
6 หมื่นล้าน...