โรคเลื่อนตลาดล่วงหน้าสินค้าเกษตรเปิดช่องโจรใส่สูทหากินคล่อง


นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2541)



กลับสู่หน้าหลัก

บนซากปรักหักพังระบบเศรษฐกิจไทยได้กลายเป็นโอกาสทอง ที่สร้างความมั่งคั่งให้แก่มนุษย์ในคราบนักธุรกิจใส่สูทผูกเนคไทโก้หรูแฝงตัวอยู่ในสังคมกลุ่มหนึ่ง ขณะที่คนส่วนใหญ่ดิ้นรนอย่างสุจริต เพื่อความอยู่รอดกลับต้องตกเป็นเหยื่ออันโอชะของคนกลุ่มนี้อย่างไม่คาดฝัน เหล่าบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งสลัดชุดครุยและผู้เคยมีงานทำ เป็นกลุ่มเป้าหมายของอมนุษย์กลุ่มนี้

ประกาศรับสมัครงานด้วยการอ้างสรรพคุณบริษัทด้านการลงทุนข้ามชาติ ต้องการสรรหาพนักงานมาทำหน้าที่เป็นเทรดเดอร์ หรือนักวิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุน หรือการตลาด วุฒิการศึกษาตั้งแต่ ปวช.จนถึงปริญญาโท โดยให้ผู้สนใจส่งจดหมายไปยังตู้ ป.ณ. หรือกระทั่งวิธีให้เดินเข้าไปสมัครด้วยตนเองตามที่อยู่ที่ประกาศ หรือตามโรงแรมต่างๆ ผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือพิมพ์ทางธุรกิจ เพราะสามารถสร้างภาพลวงให้มาติดกับได้อย่างชะงัด

หลายบริษัทอ้างตัวเองว่าเป็นบริษัทซื้อขายสินค้าเกษตร ล่วงหน้าในตลาดต่างประเทศ เช่น โตเกียว สิงคโปร์ และใครก็ตามที่หลวมตัวเข้าไปมักจะไม่ผิดหวังเพราะได้งานตามที่หวัง โดยหารู้ไม่ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้ากระบวนการขั้นที่สองของแก๊งลวงโลกนี้กำลังจะดำเนินขึ้น

สารพัดเหตุผลที่โจรใส่สูทเหล่านี้นำมาสรรปั้นแต่งเพื่อให้เหยื่อนำเงินมาให้ โดยรูปแบบจะเป็นทั้งปลอบและขู่ภายในระยะเวลาเดียวกัน เหตุผลที่มักจะถูกนำมาอ้างเสมอก็คือ เป็นเครื่องรับประกันว่าเหยื่อจะทำงานอยู่กับบริษัทนี้ไปนานๆ ไม่ย้ายไปทำงานที่อื่นในเวลาอันสั้น หรืออาจจะเป็นไปในลักษณะหว่านล้อม โน้มน้าวให้นำเงินมาลงทุน เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้และเป็นการฝึกฝนการซื้อขายไปในตัวด้วย ซึ่งหากเหยื่อไม่ทำตามก็อาจจะมีผลต่อหน้าที่การงาน

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปัญหาทำนองนี้เกิดขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าปัญหานี้ในเวลานี้กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ แม้จะมีการจับกุมแต่ก็ไม่เคยสาวถึงตัวตนที่แท้จริงของหัวหน้ากระบวนการ เพราะในสำนักงานมีเพียงพนักงานที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกนั่งทำงานอยู่ และพนักงานเหล่านี้ก็ไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าของบริษัทคือใคร เพราะทุกห้องที่ถูกซอยย่อยล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ต้องห้าม ด้วยเหตุผลความลับทางธุรกิจ

กฎหมายที่เอื้อมเข้าไปไม่ถึง ได้กลายเป็นช่องโหว่ให้บริษัทที่แอบอ้างทำธุรกิจซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ขณะที่แจ้งไว้ที่กรมทะเบียนการค้าว่าทำธุรกิจซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ผุดขึ้นราวดอกเห็ด อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การนำของกรมการค้าภายใน ที่ดูแลในเรื่องนี้โดยตรงได้เข้ามาดำเนินการ โดยใช้ประมวลกฎหมายอาญาในข้อหาฉ้อโกงประชาชนมาเล่นงานบริษัทเหล่านี้ ซึ่งได้ประสานงานกับทางกองปราบปราม กรมตำรวจ

"บริษัทคอมมอดิตี้ที่แอบอ้างในลักษณะเช่นนี้ ทางเราเคยขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปแจ้งเบาะแสและพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้ มาทางกรมการค้าภายในทราบ และเราก็ยังรับเรื่องอยู่ โดยที่เรามีการติดต่อกับทางกรมตำรวจ มีผู้แจ้งชื่อและพร้อมจะเป็นพยานและเอาความผิดกับบริษัทเหล่านี้จำนวน 3 คน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และในระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนของการประสานและการดำเนินงานอยู่ และก็ยังมีอีกหลายแห่งที่อยู่ในข่ายของการตั้งบริษัทหลอกลวง อาจจะเพราะเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กตกงานมาก และเป็นยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองกลโกงจึงมีมากขึ้น และประจวบกับที่ทางกระทรวงพาณิชย์กำลังผลักดันตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าออกไป ก็ทำให้ความสมบูรณ์ในแง่ของสาระและวิธีการเกิดการประสมประสานขึ้น

ณ จุดนี้เราขอยืนยันว่าตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าที่เราจะตั้งขึ้นมานั้น ณ เวลานี้ยังไม่ได้ตั้ง ถ้าตั้งแล้วต้องออกมาในรูปของพระราชบัญญัติ และมีแห่งเดียวเท่านั้นไม่ใช่เป็นรูปของบริษัทจำกัดทั่วไป เราคาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ปลายปี 2542 ฉะนั้น ถ้ามีบริษัทที่อ้างการซื้อขายสินค้าคอมมอดิตี้ในขณะนี้ โดยข้อเท็จจริงเราไม่พึงประสงค์ให้มี ถึงจะมีในตอนนี้ก็ไม่สามารถทำการซื้อขายได้เพราะไม่มีตลาดฯ

เท่าที่เราเจอปัญหาในตอนนี้ ก็จะเข้าข่ายลักษณะฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนทั้งสิ้น จุดนี้ถ้ามีใครมาชักจูงก็ขออย่าไปเชื่อ สาเหตุที่เราประสบพบตลอดเวลาก็คือพอมาก็ขอให้เราวางเงินมาร์จิน ถ้าหากว่าเล่นได้แล้วจ่ายเล่นเสียแล้วเรียกเงินเพิ่ม ข้อเท็จจริงก็คือว่าเล่นได้ก็ไม่จ่าย เล่นเสียก็เรียกเงินเพิ่ม เรื่องนี้ผิดแน่ๆ ถ้าหากทราบข้อมูลเหล่านี้อีกให้แจ้งที่กรมการค้าภายใน กองส่งเสริมและพัฒนาตลาด หมายเลข 221-4139, 221-4138, 223-1801 หรือโทรฯ ที่เบอร์ผมได้โดยตรงคือ 226-2515 เราจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามดู เราขอยืนยันว่าตอนนี้เรายังไม่ได้ตั้งตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า เราอยู่ระหว่างการจัดตั้ง และเมื่อมีการตราเป็น พ.ร.บ.แล้วมีการอ้างอิงถึงเป็นการกระทำที่ผิดทั้งสิ้น เพราะใน ก.ม.ฉบับนี้ห้ามการกระทำในลักษณะนี้ชัดเจน" ศิริพล ยอดเมืองเจริญ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงกับ "ผู้จัดการรายเดือน"

การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ตราบใดที่ร่างพระราชบัญญัติตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ยังไม่ตราออกมาเป็นกฎหมายที่สมบูรณ์ ธุรกรรมดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้ แม้จะอ้างว่าทำการซื้อขายในตลาดต่างประเทศ แต่จากการตรวจสอบของกรมการค้าภายใน ผ่านทางธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่พบว่ามีการโอนย้ายเงินเพื่อซื้อขายสินค้าเกษตรในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศจริง ยกเว้นเฉพาะกรณีของการซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ตราบใดที่ไม่ได้มีการซื้อขายเพื่อเก็งกำไร หรือทำเป็น trading floor ของตนเอง

ปัจจุบันร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ดำเนินการและผลักดันมานานกว่า 20 ปี เพราะผลจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนร่าง ก.ม.ฉบับนี้ขาดความต่อเนื่องและล่าช้า แต่อย่างไรก็ตาม รองอธิบดีกรมการค้าภายใน คาดหมายว่าร่าง ก.ม.ฉบับนี้จะสามารถประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เป็น ก.ม.ได้สมบูรณ์แบบอย่างเร็วที่สุดประมาณปลายปี 2542 โดยงบประมาณเริ่มต้นที่เดิมเคยตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท ถูกตัดทอนลดลงมาเหลือประมาณ 500-700 ล้านบาทตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเงินทุนนี้จะมาจาก 3 แหล่งด้วยกันคือ งบประมาณแผ่นดิน กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ในระหว่างที่รอร่าง พ.ร.บ.ผ่าน สภาฯ ทางกรมการค้าภายใน ก็อยู่ในขั้นตอนของการออกแบบองค์กร ที่จะทำหน้าที่ในการกำกับดูแลตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญจากตลาดล่วงหน้าทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมเป็นคณะที่ปรึกษา ซึ่งมีศิริพล เป็นประธานสำหรับรูปแบบขององค์กรนี้จะมีความเป็นอิสระเป็นหน่วยงานที่ไม่เน้นการหากำไร แต่จะมีการเชื่อมโยงกับกระทรวงพาณิชย์อยู่ 2 ตอนเท่านั้น คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในคณะกรรมการกำกับซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า และคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์จะมีสำนักงานอยู่ที่กรมการค้าภายใน

ฉะนั้น ในช่วงนี้ วิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันให้ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ ทุกๆ ฝ่ายจะต้องร่วมด้วยช่วยกันในการแจ้งเบาะแสพฤติกรรมการ ที่เข้าข่ายจะหลอกลวงให้กับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับบรรดาแก๊งลวงโลก อันจะช่วยบรรเทาปัญหาไม่ให้รุนแรงมากไปกว่านี้

"ข้อเท็จจริงก็คือว่า บริษัทพวกนี้จะมีการโทรศัพท์ไปหาคนต่างๆ ชวนไปลงทุนในลักษณะซื้อขายล่วงหน้า ลักษณะนี้เราจะเตือนให้ผู้ที่ถูกชักชวนอย่าได้หลงเชื่อ เพราะบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่มีเจตนาที่จะหาผลประโยชน์เข้าตัวเองเท่านั้น เมื่อไปลงทุนแล้วเงินจ่ายไปแล้วส่วนใหญ่ก็จะหมดไป แล้วจะมีการเรียกเพิ่มโดยอ้างว่าซื้อขายในต่างประเทศขาดทุน แล้วตัวท่านเองก็ไม่เคยรู้เลยว่าราคาต่างประเทศเป็นเท่าไหร่ อย่าได้เชื่อเด็ดขาด

ประการที่สอง ก็มีการหลอกลวงนักศึกษาที่จบใหม่ๆ รวมทั้งผู้ที่ตกงานให้ไปร่วมดำเนินการในตลาด โดยที่ข้อเท็จจริงคือ เมื่อเข้าไปแล้วก็อยากจะให้เข้าไปลงทุนร่วมกับบริษัท และให้ชักชวนญาติพี่น้องเข้าไปซื้อขายในบริษัทด้วย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมา ถ้ามีกรณีที่ไม่แน่ใจเข้าลักษณะนี้ต้องแจ้งมาที่เรา

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องแยกแยะด้วยว่าบางเรื่องเป็นการประกอบกิจการปกติและเกี่ยวข้องกับกระทรวง ทบวง กรมอื่น คงไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว ทางเราก็ทำได้ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ให้คนทราบไปแล้ว มันเป็นเหมือนกับการสอนคนไม่ให้เสพยาเสพย์ติดมันเป็นเรื่องยาก เราต้องดูประเด็นทางด้าน ก.ม.ว่าเราทำได้แค่ไหน เพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะซีเรียส ถ้าหากเปรียบเรื่องการค้าเงิน ก.ม.แบงก์ชาติเขาจะล้วงลงไปถึง เพราะเขามี ก.ม.ของเขาอยู่แล้ว เพราะมันเกี่ยวกับการค้าเงินผิด ก.ม. แต่การค้าฟิวเจอร์สของเรายังไม่มี ก.ม.โดยตรง ถ้ามี ก.ม.เราสามารถทำได้อย่างที่แบงก์ชาติทำเหมือนกัน และถ้ามันจำเป็นก็อาจจะต้องงัด พ.ร.บ. กำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ให้ธุรกิจพวกนี้เป็นธุรกิจควบคุมเสีย ถ้าจำเป็นตอนนี้เราต้องดูก่อน

แต่ในกรณีของการป้องกันความเสี่ยงด้วยการเข้าไปซื้อขายในตลาดล่วงหน้า ในแง่ทั่วไปทำได้แต่ต้องทำการโอนย้ายเงินภายใต้กรอบของแบงก์ชาติ แต่ถ้าเรามี ก.ม. ฉบับนี้เราห้ามเด็ดขาดที่จะไม่ให้มีการทำในลักษณะเดียวกับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพราะว่าตลาดนี้จะต้องมีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ถ้าหากว่ามีการไปรับสัญญาซื้อ-ขายจากบุคคลอื่นโดยไม่เข้าลักษณะทำ hedging ถือว่าผิด ก.ม.หมด เมื่อมี ก.ม.ขึ้นมาสามารถทำได้เฉพาะวิสัยค้าปกติเท่านั้น ไม่สามารถที่จะมารับความเสี่ยงของคนอื่น"

เมื่อกฎหมายประกาศใช้บริษัทเถื่อนเหล่านี้จะถูกขจัดออกไปจากระบบเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติ เพราะใน ก.ม.ได้ระบุผู้ที่จะเข้าร่วมในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าได้มีเพียง 5 ประเภทคือ ผู้ค้าล่วงหน้า นายหน้าซื้อขาย ล่วงหน้า ที่ปรึกษาการซื้อขายล่วงหน้า ผู้บริหารธุรกิจร่วมทุนซื้อขายล่วงหน้า และตัวแทนซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องผ่านการตรวจสอบ และขอใบอนุญาตจากคณะกรรมการดูแลและกำกับตลาดก่อน

"การเข้ามาเป็นสมาชิกตลาดก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำหน้าที่แทนคนอื่นได้ จะทำหน้าที่ได้เฉพาะตัวเท่านั้น สมมติว่าเป็นนายหน้า ถึงจะมีสิทธิเป็นโบรกเกอร์ของตลาด ตัวแทนหรือที่ปรึกษาจะทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ไม่ได้ ในส่วนของที่ปรึกษาจะเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นมารับเป็นที่ปรึกษาในทางค้าปกติ ไม่มีหน้าที่มาเทรด สมมติว่านายหน้าซื้อขายล่วงหน้าจำเป็นต้องตั้งตัวแทนหาสมาชิก ก็จะต้องมาสอบขอใบอนุญาตก่อน จึงจะเป็นตัวแทนซื้อขายล่วงหน้าได้ ที่ทำอย่างนี้เพราะเราป้องกันการหลอกลวง แต่คนที่จะเข้าไปอยู่ในตลาดจริงๆ ก็คือ ผู้ค้าล่วงหน้ากับนายหน้าซื้อขายล่วงหน้า ส่วนตัวแทนจะเป็นคนของนายหน้าซื้อขายล่วงหน้า เหมือนบริษัทประกันภัยต้องมาสอบใบอนุญาต เพื่อมิให้เกิดปัญหาการหลอกลวงกัน ไม่ต้องการให้จูงใจ" ศิริพล กล่าวสรุป



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.