ท่ามกลางความลังเลใจของนักลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
โดยเฉพาะการลงทุนระยะยาวที่ยังมีค่อนข้างมาก เนื่องจากยังไม่มั่นใจเศรษฐกิจไทยโดยรวม
แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้เริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว อาทิ อัตราดอกเบี้ย
ภาวะตลาดหุ้น แต่หลายคนมีความคิดติดอยู่ว่า นี่คือของแท้หรือของปลอม
อย่างไรก็ตามสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน (US-ASEAN) กลับมองว่า ถึงเวลาแล้วที่การลงทุนในประเทศแถบอาเซียนได้กลับมาสดใสอีกครั้ง
สภาฯ ดังกล่าวเป็นองค์กรเอกชนของอเมริกา ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับธุรกิจภาคเอกชนของอเมริกา
ในกลุ่มประเทศสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASIAN) ได้แก่ ไทย
ลาว พม่า เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไน ดารัสซาเล็ม
ส่วนกัมพูชายังคงอยู่ในสถานะเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์
ตลอดช่วงเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมา US / ASEAN ดำเนินการสร้างพันธมิตรในเชิงยุทธศาสตร์
และความสัมพันธ์ในการดำเนินงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการส่งเสริมโดยตรงต่อนโยบายการลงทุนและการค้าของอเมริกาในภูมิภาคนี้
อีกทั้งยังช่วยขยายขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของอเมริกาอีกด้วย
สมาชิกของ US ASEAN แต่ละองค์กรนั้น ถือว่าเป็นบริษัทข้ามชาติระดับยักษ์ของโลกทั้งนั้น
ซึ่งในแต่ละครั้งที่บริษัทเหล่านี้เข้ามาลงทุนในอาเซียน ได้นำเงินเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมหาศาล
บริษัทสมาชิก US ASEAN มียอดขายในอเมริกาสูงกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
"ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนนั้น มีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจของอเมริกา
การค้าระหว่างไทยกับอเมริกามีมูลค่าถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2540
และอเมริกานับเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทย รวมทั้งเป็นนักลงทุนต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไทย
ที่มีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าเป็นอัตราเพิ่มขึ้น
100% นับตั้งแต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา" จอร์จ เดวิด ประธาน US ASEAN และประธานกรรมการ
และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น (UTC)
กล่าวถึงความสำคัญทางด้านการค้าที่มีต่อกันระหว่างอเมริกากับไทย
จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์ของอเมริกาบอกไว้ว่า ตัวเลขการค้าในปี 2540 อเมริกาส่งสินค้าออกมาจำหน่ายในไทยมูลค่า
7,357 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2539 จำนวน 2.20% ส่งผลให้ไทยเป็นตลาดสินค้าส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ
19 ของอเมริกา แต่หลังจากความล่มสลายทางด้านเศรษฐกิจของประเทศแถบอาเซียน
ยอดส่งออกสินค้าจากอเมริกามาไทยในช่วง 7 เดือนแรกปี 2541 ลดลง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
2540
ขณะเดียวกันปี 2540 อเมริกานำเข้าสินค้าจากไทยมูลค่า 12,595 ล้านเหรียญสหรัฐ
เพิ่มขึ้น 11.10% จากปี 2539 และช่วง 7 เดือนของปี 2541 อเมริกาได้นำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น
8% ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงในการนำเข้าสินค้า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
ด้านการลงทุนของอเมริกาในไทยปี 2540 มีมูลค่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น
98% นับตั้งแต่ปี 2533 โดยให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุดในภาคอุตสาหกรรมบริการและอื่นๆ
43% ตามมาด้วยภาคการผลิต 31% และด้านปิโตรเลียมและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง 26%
ถ้าดูตัวเลขการลงทุนจากอเมริกาทั้งกลุ่มประเทศอาเซียน ขณะนี้มีมูลค่าสูงถึง
40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นจำนวน 20% ของการลงทุนทั้งหมดที่อเมริกาออกไปลงทุนนอกประเทศ
การเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ของกลุ่ม US / ASEAN ถือว่าเป็นการเข้ามาเพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
และตอกย้ำความมั่นใจว่าไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนประเทศหนึ่ง แม้กลุ่มดังกล่าวจะไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันว่า
ในอนาคตจะเข้ามาลงทุนอย่างแน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่คาดการณ์ไว้คือ ส่วนดีของสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำในภูมิภาคแถบอาเซียน
เป็นโอกาสดีที่จะสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งเพื่อเติบโตทางเศรษฐกิจในศตวรรษที่
21
"พวกเรามาครั้งนี้เพื่อหารือถึงมาตรการที่เป็นรูปธรรม เพื่อใช้ดำเนินการทั้งในอาเซียนและอเมริกาในการสร้างความมั่นใจ
และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศสู่ไทยอีกครั้ง" เดวิด กล่าว
ด้านเออร์เนส โบเวอร์ ประธานกรรมการ US ASEAN รับผิดชอบดูแลการดำเนินงานและดูแลสำนักงาน
6 แห่งในแถบอาเซียน และยังเป็นหัวหน้ากลุ่มตลาดการเงินและตลาดทุน และก่อนหน้านี้เคยทำงานให้กับบริษัทแม็คดอนนัล
ดักลาส คอร์ปอเรชั่น มีหน้าที่วางยุทธศาสตร์การจำหน่ายและการทำตลาดในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกา
เขากล่าวว่าไทยสมควรได้รับความเชื่อถือ เนื่องจากมีความจริงใจที่จะปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(IMF) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว
"จากการกระทำเช่นนี้ทำให้บริษัทในอเมริกา จับตามองการพัฒนากฎหมายบังคับเอาสินทรัพย์และกฎหมายล้มละลาย
รวมทั้งกฎหมายในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมาตรการต่างๆ"
อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่สามารถประกาศออกมาได้ในขณะนี้ว่า มีโครงการไหนที่กำลังเป็นที่พอใจ
เหตุผลสั้นๆ ที่ให้ไว้กับรัฐบาลไทยคือ อยากจะแสดงความมั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยถึงการฟื้นตัวในอนาคต
และการเข้ามาครั้งนี้ทุกบริษัทที่เป็นสมาชิกใน US ASEAN ไม่มีธุรกิจไหนที่ถอนการลงทุนออกไปจากไทย
"เรารู้จักไทยดีและในทางกลับกันกำลังศึกษาลู่ทางการลงทุนเพิ่มอีก แต่เปิดเผยไม่ได้
เพราะนี่คือการแข่งขันทางการค้า" เดวิดกล่าว
จากประสบการณ์ของนักลงทุนเหล่านี้ ที่เข้ามาลงทุนในไทยและประสบความสำเร็จมาแล้ว
ดังนั้นแผนการลงทุนครั้งใหม่คงจะไม่พ้นอุตสาหกรรมเดิมๆ เช่น นโยบายของบริษัทเจเนอรัล
อิเล็กทริค (GE) ได้มุ่งเป้าไปที่สินเชื่อด้านรถยนต์ (auto finance) หรือบริษัทอเมริกัน
อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) เจ้าพ่อธุรกิจประกันภัย และแนวความคิดการลงทุนคงจะอยู่ในภาคบริการ
(service sector) เพราะธุรกิจเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ
รวมทั้งการจ้างงานมากขึ้นและยังช่วยให้เกิดวัฏจักรการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอีกด้วย
ส่วนโครงการที่สมาชิก US ASEAN ประกาศการลงทุนในไทยแล้ว ก็มี CPAC Inc.
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ว่ามีแผนสร้างโรงงานผลิตสารเคมีเกี่ยวกับการถ่ายภาพ
ที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกร์ว คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2542
และจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาสแรกของงบบัญชีปี 2543 ซึ่ง CPAC Inc. เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารเคมีพิเศษ
และเครื่องมืออุปกรณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมถ่ายภาพ มีฐานการผลิตอยู่นิวยอร์ก
สำหรับยูโนแคล คอร์ปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่แห่งวงการน้ำมัน มีแผนให้ยูโนแคล
ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทลูก เข้าไปลงทุนในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย
ด้วยวงเงินลงทุน 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในระยะเวลา 5 ปี ข้างหน้า โดยมีเป้าหมายจะทำการขุดเจาะน้ำมันให้ได้
145 หลุมต่อปี และพัฒนาแหล่งน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 11 แห่ง
แนวความคิดการรวมตัวกันของ US ASEAN เปรียบได้ดังสุภาษิตไทยที่ว่า "หลายหัวดีกว่าหัวเดียว"
ที่สร้างจุดแข็งให้กับพวกเขาเหล่านี้ที่ดำเนินนโยบายด้านการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
และขณะนี้กำลังมีความพอใจกับการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วยตัวเลขเกือบ
29% ในปี 2540 อีกทั้งมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก 32 บริษัท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีสมาชิกใหม่เข้ามาเพียง
23 บริษัทต่อปี ทำให้ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น 131 บริษัท โดยบริษัทที่เข้ามาเป็นสมาชิกจะกระจายไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ
เช่น พลังงาน เหมืองแร่ เครื่องมือ เครื่องจักร ภาคบริการการเงิน ไอที และโทรคมนาคม
ปิโตรเคมีคอล เกษตร
เป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งของกลุ่ม US ASEAN คือ ต้องการให้ประเทศแถบอาเซียนเปิดเสรีทางการค้ากับอเมริกาให้มากและเร็วที่สุด
เพราะนี่คือหนทางที่จะช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศแถบนี้เติบโตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
(ในทัศนะของนักลงทุนอเมริกัน)
"เราขอสนับสนุนการเปิดตลาดเสรี และเราจะตอบสนองด้วยการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
เข้ามาใส่ในตลาดไทยให้มากขึ้น และจะพยายามเรียกร้องให้อเมริการักษาตลาดเสรีให้กับอาเซียนต่อไป"
เนื่องจากพวกเขามองว่า การเปิดเสรีทางด้านการค้ามีความจำเป็นอย่างมากในศตวรรษหน้า
"เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาไทยขาดดุลการค้า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ปีนี้เกินดุลไปแล้ว
10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ฉะนั้นนโยบายการค้าเสรีเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินการในประเทศแถบอาเซียน"
เดวิดกล่าว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ US / ASEAN กังวลใจเกี่ยวกับปัจจัยที่จะกระทบถึงแผนการลงทุนคือ
การกระตุ้นอุปสงค์ในญี่ปุ่น การผสมผสานกันระหว่างการปฏิรูปโครงสร้างสถาบันการเงินกับการขยายวงเครดิต
สิ่งเหล่านี้พวกเขายังมองไม่ค่อยเห็นว่า ประเทศภูมิภาคอาเซียนจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องหรือไม่
"เราเชื่อว่าตอนนี้โครงการที่เหมาะสมได้เกิดขึ้นในไทยแล้ว เราอยากเห็นความต่อเนื่องซึ่งอาจจะลำบากบ้าง
แต่ต้องมีความอดทน" เดวิดกล่าวตบท้าย