กสิกรไทยปฏิวัติระบบ back office

โดย ฐิติเมธ โภคชัย
นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2544)



กลับสู่หน้าหลัก

หากคิดว่าระบบงาน back office ยังจำเป็นในทุกสาขาธนาคาร ขอให้พิจารณาใหม่อีกครั้ง เพราะธนาคารกสิกรไทยรายงานว่า เมื่อดึงงานนี้ออกจากสาขา จะประหยัดค่าใช้จ่ายถึง 29 ล้านบาทต่อเดือน

สถานการณ์อุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์มีการต่อสู้แข่งขันกันทั้งด้านการทำงานและเทคโนโลยี เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากการรักษาและขยายฐานลูกค้าใหม่แล้ว การลดต้นทุนเป็นอีกหนทางที่ธนาคารได้พยายามควบคุมอย่างเข้มงวด

ความก้าวหน้าพัฒนาการของเทคโนโลยีและภาวะการแข่งขัน ทำให้ธนาคารต้องปรับปรุงกระบวนการบริการให้สะดวกรวดเร็วและการปฏิบัติงานด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

ธนาคารกสิกรไทยจัดทำ 8 โปรแกรมยุทธศาสตร์เพื่อปรับปรุงระบบงานต่างๆ และ โครงสร้างการปรับโครงสร้างงานปฏิบัติการ (Centralized Back Office Reconfiguration : CBO) ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมดังกล่าว

CBO คือ การปรับโครงสร้างงานส่วนกลางด้านบริหารงานสาขา ด้วยการดึงงานส่วน back office ออกมารวมไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของส่วนปฏิบัติการกลาง

ปัจจุบันทุกสาขาของธนาคารประกอบไปด้วยงาน 2 ส่วน คือ ส่วนที่ให้บริการโดยตรงกับลูกค้า หรือ front office และส่วนที่เป็นฝ่ายสนับสนุน เรียกว่า back office

"ดูเหมือนว่างานทั้ง 2 ส่วน ลักษณะการทำงานยังเหลื่อมล้ำกันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะบุคลากรและมีจำนวนมากเกินไป" อภิชัย บุณยเกียรติ รองกรรมการผู้จัดการกสิกรไทยบอก

เมื่อเป็นเช่นนี้กสิกรไทยจึงมีแนวคิดว่าหากนำงานในส่วน back office มารวมไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการเพียงแห่งเดียว แล้วศูนย์ดังกล่าวก็ให้บริการสาขาในหลายสาขา ด้วยการนำเอาการบริหารรูปแบบใหม่ หรือนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาจัดการ

การปรับโครงสร้างงาน back office ครั้งนี้เป็นการช่วยให้การบริหารงานสาขามีการควบคุมคุณภาพภายใต้มาตรฐานเดียวกัน เพราะงาน back office รูปแบบเดิมสาขาจะบริหารด้วยตนเอง

ทั้งนี้โครงการ CBO จะแยกงาน back office ทั้งหมดออกจากสาขาในเขตสำนักหักบัญชีกรุงเทพฯ มาไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการ ซึ่งมี 3 ศูนย์ ทำให้สาขาแต่ละแห่งเน้นงานขายและบริการเท่านั้น

"พวกเราไม่ต้องสูญเสียเวลาและพนักงานไปปฏิบัติงานด้านเอกสารที่ซ้ำซ้อน" อภิชัยกล่าว

แนวคิดการพัฒนาระบบงาน back office เป็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าแทนที่ระบบที่ล้าสมัย ซึ่งกสิกรไทยเริ่มดำเนินการ มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ซึ่งใช้เงินลงทุน 400 ล้านบาท โดยได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา แอคเซนเชอร์ เป็นผู้วางระบบ

สุวัฒน์ เจริญวิจิตรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการกลาง อธิบายว่า หลังจากนี้ไปค่าใช้จ่ายงาน back office จะลดลง "คอมพิวเตอร์ลดลง 60% ด้านพนักงานลดลงจาก 883 คน เหลือ 544 คน"

หากพิจารณาด้านต้นทุนแล้วพบว่าก่อนทำโครงการ CBO ธนาคารมีค่าใช้จ่ายในส่วนงาน back office ประมาณ 71 ล้านบาทต่อเดือน และหลังทำโครงการค่าใช้จ่ายลดลงเหลือประมาณ 42 ล้านบาทต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม ความพอใจของพนักงานไม่ค่อยกระตือรือร้นเพราะจากการสำรวจของกสิกรไทยพบว่าพนักงานสาขามีความพึงพอใจในระบบเดิม 2.89% ขณะที่หลังการทำโครงการพอใจ 2.87%

ตัวเลขดังกล่าวเกิดจากการที่พนักงานกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในหน้าที่การงาน ขณะเดียวกันทางธนาคารได้ให้คำมั่นสัญญาว่า เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน แต่ละสาขาที่ต้องทยอยทำและต้องใช้เวลา



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.