ดีบีเอสไทยทนุ refreshing branch

โดย ฐิติเมธ โภคชัย
นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2544)



กลับสู่หน้าหลัก

ไม่ว่าเทคโนโลยีการธนาคารจะกาวไกลสักเพียงใด สาขาของธนาคารยังคงมีอยู่เสมอ แต่ทำไมต้องยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ แม้ว่าการใช้อินเทอร์เน็ตและอีเมลจะ ทำให้การติดต่อสื่อสารถึงผู้รับเกือบจะทันที แต่การสื่อสารระหว่างบุคคลและเห็นหน้ากัน ยังเป็นวิธีที่ลูกค้าและธนาคารยังใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน

จากการสำรวจค่านิยมและทัศนคติของผู้บริโภคในตลาดเอเชียแปซิฟิก 13 ประเทศของเอเชียนไอดีล เซอร์เวย์ ซึ่งมีมาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้จัดทำขึ้น พบว่าลูกค้าของธนาคารจำนวน 74% ยังคงทำธุรกรรมแบบต่อหน้ากับตัวแทนของธนาคารอยู่ ตามมาด้วยทางโทรศัพท์ 39% ผ่านอินเทอร์เน็ต 17% และผ่านไปรษณีย์และ โทรสาร 7%

ธนาคารพาณิชย์พยายามเปลี่ยน แปลงตนเองเพื่อตอบสนองความต้องการ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของผู้บริโภค ให้ดียิ่งขึ้น แต่ลูกค้ากลับเต็มใจติดต่อด้วย การเดินเข้าไปยังสาขาธนาคารเหมือนในอดีตแม้ว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่หลั่งไหลเข้ามา

"มีความน่าสนใจที่ต้องยอมรับว่าผู้บริโภคยังคงนิยมติดต่อแบบบุคคลกับตัวแทนธนาคาร" สจ๊วต แมดโดนัลด์ รอง ประธานอาวุโสฝ่ายบริหารมาสเตอร์ การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเล่า "เทคโนโลยียังไม่สามารถแทนที่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่อบุคคลได้"

ดังนั้น นอกเหนือจากการที่ธนาคารจะต้องพยายามแข่งขันการดำเนินธุรกิจการคิดค้นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่แล้ว การปรับปรุงและพัฒนาสาขาของตนเองเพื่อสร้าง สีสัน ดึงดูดและมีความใกล้ชิดลูกค้ายังต้องแข่งขันกันอีกด้วย

"นี่คือการดำเนินธุรกิจอย่างหนึ่งที่ธนาคารแต่ละแห่งไม่ได้มองข้าม เพราะจะมีผลต่อลูกค้าและการเติบโตในอนาคต" สมภพ ศรีภพ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาเครือข่ายและการบริหารธุรกิจธนาคารดีบีเอส ไทยทนุชี้

ล่าสุดดีบีเอสไทยทนุได้ปรับปรุงรูปลักษณ์สาขาครั้งใหม่ ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับ ดีบีเอสในสิงคโปร์ และดีบีเอสกวงออนในฮ่องกงทั้งแนวคิดและการตกแต่งสาขา ทำให้ ลูกค้ามีความคุ้นเคยและตอกย้ำความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเดินทางไปสาขาใดก็ตาม

แนวคิด Opening the Doors to Refreshing Banking เป็นการพลิกรูปลักษณ์ใหม่ของสาขาที่มีสีสันของความแปลกใหม่ สดชื่นและเข้ากับวิถีของการธนาคาร เป็นการ ผสมผสานความเป็นเอเชียและความทันสมัยเข้าด้วยกัน

"model branch เกิดจากแรงบันดาลใจในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าเพื่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน เบื้องหลังการออกแบบมาจากการศึกษาความต้องการและพัฒนาขึ้นเพื่อลูกค้าของเราโดยเฉพาะ" มิเชล เลอ แกลแล็ก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจขนาดย่อยดีบีเอสไทยทนุอธิบาย

แนวคิดการออกแบบดังกล่าวเกิดจากบริษัทแม่ในสิงคโปร์ที่ต้องการเปลี่ยน แปลงรูปลักษณ์สาขาเพื่อความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น โดยใช้แนวคิดหลักของ ดีไซเนอร์จากประเทศอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาต่อจากแนวคิดดังกล่าวจะให้ดีไซเนอร์ในแต่ละประเทศเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของลูกค้าแต่ละประเทศ แต่ยังคงแนวคิดหลักเอาไว้

อาทิ เรื่องของการใช้สี โดยสีน้ำเงินและสีส้มจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการให้ ความรู้สึกมั่นคง อบอุ่นและสดชื่น สีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ความมั่นคง ปลอดภัย เหมาะ กับธุรกิจการเงิน สีส้มแสดงถึงความรู้สึกของ ชาวเอเชีย ถ่ายทอดถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวยและ สดชื่น

"นี่คือวิถีทางที่พวกเราหรือองค์กรระดับสากลยึดปฏิบัติ" พรสนอง ตู้จินดา กรรมการผู้จัดการดีบีเอสไทยทนุเล่า "การที่ทุกสำนักงานทั่วโลกมีรูปลักษณ์เดียวกันเป็น การสร้างความคุ้นเคยและความผูกพันกับลูกค้าตลอดไป"

การปรับปรุงสาขาครั้งนี้ของดีบีเอสไทยทนุจะมีความสัมพันธ์กับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งธนาคารคาดหวังว่าจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจดีขึ้น เนื่องจากรูปแบบสาขาใหม่ได้เน้น การให้บริการและการขายมากขึ้น

ในอดีตพื้นที่สำนักงานสาขาแต่ละแห่งของดีบีเอสไทยทนุ ประมาณครึ่งหนึ่งของ พื้นที่รวมทั้งหมดเป็นเรื่องของการให้บริการ ที่เหลือเป็นส่วนของ back office ขณะที่สาขารูปแบบใหม่พื้นที่การให้บริการลูกค้าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 3 ใน 4

ความคิดดังกล่าว คือการลดสัดส่วนพื้นที่ back office ลงเพื่ออำนวยความสะดวก ให้ธนาคารสามารถดำเนินธุรกิจและมีบริเวณ ให้ลูกค้าใช้บริการได้มากขึ้น "เป็นแนวโน้มของการดำเนินงานสาขาธนาคารพาณิชย์ นับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" สมภพเล่า "ในอนาคต การใช้บริการหน้าเคาน์เตอร์จะค่อยๆ ลดลง"

จากความต้องการสร้างความเป็นกัน เองให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันความทันสมัย สะดวกสบายและนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการ เงินทำให้เพลิดเพลินกับประสบการณ์ใหม่ของการธนาคารที่ตั้งใจออกแบบเพื่อ ลูกค้าโดยเฉพาะนั้น ดีบีเอสไทยทนุก็ต้อง ใช้งบประมาณกับการปรับปรุงสาขาใหม่ครั้งนี้สูงพอสมควร

สาขาต้นแบบที่ได้รับการปรับปรุง คือ สาขาพัฒนพงษ์ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินประมาณ 30 ล้านบาท เนื่องจากวัสดุบางอย่าง เช่น หินฟลอร์ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ สำหรับสาขาอื่นธนาคารพยายามใช้วัสดุที่ผลิตภายในประเทศเพื่อลดต้นทุนคาดว่า ภายใน 4 ปีข้างหน้าสาขาธนาคารแห่งนี้จะมีหน้าตาเหมือนกันทั่วประเทศ

การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ ของดีบีเอสไทยทนุภายใต้เศรษฐกิจผันผวนซึ่งมีผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ นอกจากแรงบันดาลใจเพื่อสนองลูกค้า ธนาคารมองว่าสภาวะในปัจจุบันสามารถควบคุมได้แล้ว โดยเฉพาะผลประกอบการครึ่งปีแรกปีนี้ที่มีรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผล 1,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 303.4% ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 173.5 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 31.4% และมีกำไรสุทธิ 73.2 ล้าน บาท จากที่ขาดทุน 399.5 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วน NPLs สิ้นสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 6.4% ขณะ ที่ปีที่แล้วในเดือนเดียวกันมีสูงถึง 34.1%

"พวกเราทำกำไรได้ท่ามกลางเศรษฐกิจยังไม่หยุดนิ่ง ปีนี้จะเห็นการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง" พรสนองกล่าว "พวกเราจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ลูกค้าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงต่อไปที่ธนาคาร commit กับธุรกิจและลูกค้าในเมืองไทย"

แน่นอนว่าหน้าตาสาขาธนาคารเป็นองค์ประกอบต่อการกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ เช่นเดียวกับการแบ่งพื้นที่ตามลักษณะของบริการที่นำเสนอ ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปในสาขาโฉมใหม่ของดีบีเอส ไทยทนุเป็นส่วนให้บริการ 24 ชั่วโมง คือส่วน Studio ที่มีข้อมูลและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมการส่งเสริมการขาย ถัดเข้า ไปเป็นส่วน Auto Lobby หรือธนาคารอัตโนมัติที่ลูกค้าใช้บริการได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงาน

พื้นที่ด้านในเริ่มจาก Service Lobby ที่พนักงานคอยต้อนรับและบริการ ข้อมูลเบื้องต้นกับลูกค้า

มุมที่น่าสนใจและจำลองบรรยา กาศของบ้านมาไว้นั้นก็เพื่อการติดต่อสินเชื่อที่เกี่ยวกับบ้าน เพื่อความสะดวกและจินตนาการความต้องการเพิ่มเติม และหากใช้บริการทางการเงินที่สอด คล้องกับวิถีชีวิต อย่างบัตรเครดิตสินเชื่อส่วนบุคคลต้องไปมุม Life Style

นี่คือการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของธนาคารต่างชาติแห่งหนึ่งด้วยการพยายามดึงจุดเด่นของตนเองออกมาตาม แนวคิดความทันสมัย ตื่นเต้นและเป็นมิตรกับลูกค้า



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.