สุริโยทัย


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2544)



กลับสู่หน้าหลัก

ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ตอนแรกที่จะทำหนังเรื่องนี้คิดหนักมากเพราะรู้อยู่ว่าภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์นั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากอย่างมากและต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างมหาศาล เพราะต้องสร้างฉากที่ยิ่งใหญ่เหมือนจริงทั้งหมด รวมทั้งต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลในทุกเรื่อง แต่เมื่อท่านได้ลองลงลึกในเนื้อหาก็ติดใจและมั่นใจว่าจะต้องเป็นหนังที่สนุก และ
ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง

ข้อมูลที่ยึดเป็นฐานสำหรับการศึกษาค้นคว้าของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา และบันทึกการเดินทางของปินโต (The Travels of Pinto) ซึ่งเป็น
ชาวโปรตุเกสที่เข้ามากรุงศรีอยุธยาหลังพระศรีสุริโยไทสิ้นพระชนม์แล้วประมาณ 20 ปี

ข้อมูลทั้งหมดต้องผ่านการตีความแต่ละบรรทัดจากทีมงานทางด้านประวัติศาสตร์ และขยายความสร้างเป็น
เรื่องราว ผสมผสานกับจินตนาการของท่านมุ้ยเอง กลายเป็นภาพยนตร์ "สุริโยไท" ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวในสมัยพระราชอาณาจักรอโยธยา ช่วงพุทธศักราช 2067-2092 (ค.ศ.1562-1542) โดยเน้นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวละคร
คือ พระสุริโยไท พระมเหสีของพระมหาจักรพรรดิแห่ง
กรุงศรีอยุธยา

เรื่องราวของเหตุการณ์ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในพระชนม์ชีพของพระสุริโยไท ตั้งแต่พระชนมายุ 15 พรรษา
นับตั้งแต่เรื่องความรักความผูกพัน การอภิเษกสมรส การย้ายเข้าสู่ถิ่นฐานของราชธานี ชีวิตในราชสำนัก การดำรงรักษาสถานภาพและเกียรติยศของพระราชวงศ์

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดชีวิตของตัวละครที่มีชื่อปรากฏอยู่ในพงศาวดาร ผนวกกับจินตนาการจำลองภาพชีวิต ความเป็นอยู่ในราชสำนัก และวิถีชีวิตของชาวบ้าน ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีแต่โบราณในราชอาณาจักรอโยธยา ยามสงบและยามศึกสงคราม ความเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากการสืบทอดราชสมบัติ ผลัดแผ่นดิน สะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของมนุษย์ปุถุชนที่มีทั้งความเข้มแข็ง ความอ่อนแอ ความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดี ความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง ความเห็นแก่ตัว การแก่งแย่งแข่งดีและการเสียสละเพื่อความอยู่รอด

เรื่องจบลงด้วยสงครามยุทธหัตถี อันเป็นความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและความตายของวีรกษัตรีย์ "สุริโยไท"

(เรื่องย่อจาก www.suriyothai.
mweb.co.th)

ฉากยิ่งใหญ่ที่ปรากฏใน
ภาพยนตร์เช่นฉากยุทธหัตถีนั้น
"ท่านมุ้ย" ได้ปรับไถที่ดินในบ้านอาโพน จ.สุรินทร์ ซึ่งกินเนื้อที่มากกว่า 100 ไร่ สร้างฉากป้อมค่ายของกรุงศรีอยุธยา
โดยระดมทหารจากกองทัพภาคที่ 2 กว่า 3,000 นายทั่วอีสานร่วมฉากใหญ่ รวมถึงทหารม้าจากกรมทหารที่ 21
ขนม้านับ 100 ตัวตั้งแคมป์แรมเดือน
และถ่ายทำกันท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนกว่า 40 องศา

ส่วนฉากอื่นๆ ที่ทุ่มทุนสร้างในโรงถ่าย เช่น พระตำหนักทรงไทยนั้นทีมงานต้องศึกษาจากสถาปัตยกรรม
ที่พอหลงเหลืออยู่เพื่อให้ได้รายละเอียด
ที่สมจริง เช่นเดียวกับข้าวของเครื่องใช้ และเสื้อผ้า เครื่องประดับที่ต้องดูหรูหรา อลังการ และที่สำคัญ ลวดลายที่ปรากฏตามเสื้อผ้า และภาชนะต่างๆ นั้น
จะต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงในยุคนั้นๆ ด้วย

รวมทั้งการดึงเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาช่วยในการสร้างฉากที่
ตื่นเต้นเร้าใจต่างๆ ที่หาดูได้ยากในภาพยนตร์ไทย

และทั้งหมดนั้นคือที่มาของการ
เข้ามาขอร่วมเป็นผู้สนับสนุนหนังของ
แผ่นดิน จากสปอนเซอร์รายใหญ่ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ เบียร์สิงห์ ปูนซีเมนต์นครหลวง การบินไทย ฯลฯ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.