ซิลวีโอ แบร์ลูสโกนี ผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จของอิตาลี

โดย รุ่งมณี เมฆโสภณ
นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2544)



กลับสู่หน้าหลัก

เขาผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ของอิตาลี หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม

ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองที่เขาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอิตาลี

เขาคือ ซิลวีโอ แบร์ลูสโกนี (Silvio Berlusconi)

ความน่าสนใจของแบร์ลูสโกนีไม่ได้อยู่เพียงว่า เขาเป็นนักการเมืองที่ร่ำรวยที่สุด ในอิตาลีเท่านั้น แต่เขายังเป็นเจ้าพ่อสื่อรายใหญ่ในอิตาลี และจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งล่าสุดนี้ นอกจากอาณาจักร สื่อส่วนตัวแล้ว เขายังได้กุมอำนาจสื่อของรัฐไว้ในมืออีกด้วย

อำนาจในมือเหล่านี้นี่เองที่ทำให้แบร์ลูสโกนีไม่ธรรมดา!

ภาพลักษณ์ของแบร์ลูสโกนีผู้ที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จของอิตาลีเวลานี้ คือ ชายวัย 64 ปี ที่ประณีตตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผู้ประกาศพร้อมที่จะลดภาษี ปราบปรามอาชญากรรม ปฏิรูประบบราชการ และสร้างงานให้กับชาวอิตาลีทั้งมวล

******

ซิลวีโอ แบร์ลูสโกนี เกิดวันที่ 29 กันยายน 2479 ที่นครมิลาน

แบร์ลูสโกนีดูจะมีหัว "เซ็งลี้" มาแต่เล็กแต่น้อย ช่วงวัยรุ่นเขาเคยเป็นเด็กเก็บตั๋ว หน้าโรงละครหุ่น และขณะที่เรียนอยู่ชั้น มัธยมปลาย เขาได้รับจ้างทำการบ้านให้เพื่อนนักเรียนด้วยกัน โดยค่าจ้างจะว่ากันไปตามเนื้องาน คือถ้ารายงานชิ้นไหนได้คะแนนดี เขาก็จะคิดราคาเต็ม แต่ถ้ารายงานชิ้นไหนได้คะแนนไม่ดี แบร์ลูสโกนีก็จะให้บริการฟรี - ไม่คิดเงิน!

ระหว่างเรียนกฎหมายที่ University of Milan แบร์ลูสโกนีหาเงินเรียนจากการขาย เครื่องดูดฝุ่น และรับถ่ายรูปตามงานต่างๆ

แบร์ลูสโกนีจบมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 25 ปี

หลังจากจบมหาวิทยาลัยแล้ว ธนาคาร ที่พ่อของเขาทำงานอยู่ได้เสนองานให้ เขาปฏิเสธงานแต่ขอกู้เงินแทน เพื่อนำไปลงทุนในบริษัทก่อสร้างซึ่งเขาตั้งชื่อว่า Edilnord

Edilnord ซึ่งก่อตั้งในปี 2505 กลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ ในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พอปี 2512 แบร์ลูส โกนีก็ได้ก่อสร้างโครงการ Milano 2 ทางตอนเหนือชานเมืองมิลาน ซึ่งต่อมาเป็นที่พัก อาศัยของคนเรือนหมื่น

แบร์ลูสโกนีสารภาพว่า เขาได้อิทธิพล จากเรื่อง "ยูโทเปีย - Utopia" ของเซอร์ ทอมัส มอร์ (Sir Thomas More) ทำให้แบร์ลูสโกนีฝันที่จะสร้างเมืองที่สมบูรณ์แบบ

จากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการสื่อ...

ปี 2517 แบร์ลูสโกนีได้ก่อตั้ง Tele-milano เคเบิลทีวีที่ให้บริการกับผู้ที่อาศัยอยู่ในโครงการ Milano 2 และต่อมา ในปี 2521 เขาได้ลงทุนเป็นเงิน 2 ล้าน 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแข่งขันกับสถานีโทรทัศน์ของรัฐ (Radiotelevisione Italiana - RAI) ที่เดิมทีรัฐเคยผูกขาดแต่ผู้เดียว โดยเริ่มจากระดับท้องถิ่น กระทั่งในปี 2523 มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับสื่อ แบร์ลูสโกนีจึงได้ตั้งสถานีโทรทัศน์ ช่อง 5 (Canale 5) ซึ่งสามารถรับชมได้ทั่วอิตาลี ช่องนี้มีทั้งรายการเกมโชว์ของอิตาลีและภาพยนตร์โทรทัศน์ชุดใหม่ จากสหรัฐ อเมริกา ที่ไม่เคยฉายในอิตาลีมาก่อน อย่างเช่น Dallas

หลังจากนั้น แบร์ลูสโกนีก็ขยับเข้าไป ทำธุรกิจโฆษณาสื่อโทรทัศน์ ในเวลาไม่นาน Publitalia 80 บริษัทโฆษณาของเขาก็ได้กลายเป็นบริษัทโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำรายได้ถึง 2 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ช่วงนั้นเอง Fininvest ซึ่งเป็น Holding Company ของเขาที่ตั้งขึ้นในปี 2518 ได้ซื้อกิจการสถานีโทรทัศน์เอกชนอีก 2 แห่ง คือ Rete 4 และ Italia Uno

จุดนี้เองที่ทำให้โทรทัศน์อิตาลีซึ่งเคยผูกขาดโดยรัฐเพียงรายเดียว กลายมาถูกผูก ขาดโดยสองราย (duopoly) คือโดยรัฐและ โดยแบร์ลูสโกนี!

แบร์ลูสโกนีไม่ได้หยุดอยู่แค่สื่อโทรทัศน์ ต่อมาเขาได้ขยายอาณาจักรของเขาไปยังธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ ที่สุดของเขาคือ Mandadori สิ่งพิมพ์ที่เป็น "ธง" ของเขาคือ Il Giornale

ไม่เพียงแต่เท่านั้น แบร์ลูสโกนียังได้ซื้อทีมฟุตบอล A.C. Milan

ปัจจุบัน เขาก็ยังดำรงตำแหน่งประธานของ A.C. Milan

อาณาจักรธุรกิจที่ขยายตัวไปอย่างกว้างขวางของแบร์ลูสโกนีนี้เอง ทำให้ดูประหนึ่งว่าธุรกิจต่างๆ ของเขาได้แทรกซึมไปสู่วิถีชีวิตของคนอิตาลี จนมีการบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาล้อเลียนว่า "ลัทธิแบร์ลูสโกนี- Berlusconism"

เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ที่มีบทบาทสำคัญเกื้อกูลให้แบร์ลูสโกนีสามารถสร้างอาณาจักรสื่อได้สำเร็จก็คือ อดีตนายกรัฐมน ตรี เบตตีโน กราซี (Bettino Craxi) ซึ่งแบร์ลูสโกนีรู้จักมักคุ้นมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

แบร์ลูสโกนีเองไม่เคยปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกราซี ลูกชายของกราซี เองก็มีตำแหน่งอยู่ในบอร์ดของ A.C. Milan ขณะที่เบตตีโนและแอนนา กราซีก็รับเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์ให้กับลูกของแบร์ลูสโกนีทั้งสองคน

ล่าสุด เมื่อเดือนที่แล้ว นิตยสาร Forbes จัดให้แบร์ลูสโกนี รวยเป็นอันดับที่ 29 ของโลก มีทรัพย์สิน 1 หมื่น 3 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ กว่า 4 แสน 6 หมื่น 3 พันล้านบาท

ถึงแม้ชาวอิตาลีส่วนใหญ่จะชื่นชมความสามารถทางธุรกิจของแบร์ลูสโกนี แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงร่ำรวยรวดเร็วนัก!!

ในเรื่องนี้ แบร์ลูสโกนีตอบว่า การดำเนินธุรกิจของเขาตลอดมานั้นโปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โทรทัศน์ หรือว่าฟุตบอล...

ความสำเร็จเหล่านี้ล้วนได้มาด้วยเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อและน้ำตา!

แบร์ลูสโกนีเข้าสู่แวดวงการเมืองอิตาลีท่ามกลางความปั่นป่วนทางการเมือง... ปี 2536 เขาได้ตั้งพรรค Forza Italia ซึ่งมาจากเสียงเชียร์ฟุตบอล ที่ตรงกับภาษาอังกฤษ ว่า "Go Italy" แบร์ลูสโกนีใช้เครื่องมือทุกอย่างที่เขามี ไม่ว่าจะเป็นบริษัทโฆษณาหรือ สื่อ จนได้รับชัยชนะ เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2537 แต่แล้วก็ไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่เพียง 7 เดือนเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเลือกพันธมิตรทางการเมืองผิด และอีกส่วนหนึ่งเนื่องจากธุรกิจของเขาไปพัวพันกับการคอร์รัปชัน

อย่างไรก็ตาม ครั้งนั้นเขาก็ได้รับบทเรียนทางการเมืองอย่างมาก ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าส่วนใหญ่มาจากความผิดพลาดของตัวเขาเอง

แบร์ลูสโกนีเป็นคนใฝ่รู้...

รอกโก บุตตีกลีโอเน (Rocco Butti- glione) ศาสตราจารย์ด้านปรัชญาและผู้นำ Christian Democratic Union ได้พูดถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับแบร์ลูสโกนี ในปี 2521 ซึ่งตอนนั้น แบร์ลูสโกนีเพิ่งจะเข้าสู่วงการโทรทัศน์และคิดว่าจะต้องเรียนรู้เพิ่ม ขึ้นเกี่ยวกับสังคมและการเมืองอิตาลี บุตตีกลีโอเนต้องแปลกใจเมื่อแบร์ลูสโกนี ขอร้องให้เขาช่วยสอนเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการปกครองให้

ความใฝ่รู้คือตัวตนที่แท้จริงของแบร์ลูสโกนี!

คำถามที่เกิดขึ้นเวลานี้สำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลี เห็นจะเป็นเรื่องที่เขากุมอำนาจในอิตาลีไว้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการเมือง อำนาจทาง เศรษฐกิจ หรือว่าอำนาจสื่อ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นคำถามที่ซิลวีโอ แบร์ลูสโกนีไม่ต้องการ ที่จะตอบ

แบร์ลูสโกนีอ้างว่า เขาได้ลาออกจาก การเป็น CEO ของ Fininvest ตั้งแต่เมื่อปี 2537 แต่กระนั้น เขาก็ยังเป็นเจ้าของอยู่ เขาเคยพูด ว่า ศัตรูพยายามทำลายบริษัทของเขาด้วยการสร้างแรงกดดันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันทางศาล ทางด้านภาษี หรือทางด้านการเมือง ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่ แท้จริงสำหรับเขาก็คือ การบิดเบือนและการ หักหลังทางการเมือง แบร์ลูสโกนีเชื่อว่า พวก ที่เคลื่อนไหวโจมตีอาณาจักรธุรกิจของเขานั้น ต้องการที่มีอิทธิพลต่อเขาทางการเมือง

จูลีอาโน แฟร์รารา (Giuliano Ferrara) อดีตที่ปรึกษาส่วนตัวของแบร์ลูสโกนีบอกว่า นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอิตาลีแสวงหาอำนาจ แต่ไม่ได้คิดถึงประโยชน์ของตัวเอง เป็นเพียงแค่ความต้องการส่วนตัว แรงจูงใจที่แท้จริงของแบร์ลูสโกนีคือ ต้องการความรัก!

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด...

วันนี้ซิลวีโอ แบร์ลูสโกนีกลายเป็นนักการเมืองอาชีพแบบเต็มตัว

ปีแอร์แฟร์ดีนันโด กาซีนี (Pierferdi-nando Casini) ผู้นำ Christian Democratic Center ซึ่งเป็นพันธมิตรคนหนึ่งของแบร์ลูส โกนีเชื่อว่า แบร์ลูสโกนีจะไม่ผิดพลาดซ้ำรอย เดิมอีก เพราะในที่สุด เขาก็เข้าใจแล้วว่า การบริหารประเทศแตกต่างจากการบริหารบริษัทขนาดใหญ่ กาซีนีกล่าวด้วยว่า ตอนที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก แบร์ลูสโกนีไม่อดทนต่อความซับซ้อนของการมีชีวิตสาธารณะ แต่มาถึงเวลานี้ เขาเรียนรู้แล้วว่า คนเราไม่สามารถตัดทุกปมทิ้งด้วยดาบได้!

มาลุ้นกันสิคะว่า คราวนี้แบร์ลูส โกนีจะไปได้สักกี่น้ำ!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.