การเชือดเฉือนประมูลชิงธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมของ Clairol เป็นอีกกาวที่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจ
หวังเข้าแย่งชิงสถานะผู้นำในตลาดอเมริกา ความมุ่งมาดปรารถนาของพรอคเตอร์
แอนด์แกมเบิล หรือ P&G ที่จะสร้างความเติบ ใหญ่อย่างรวดเร็วในธุรกิจยาย้อมสีผมมีสูง
การซื้อ Clairol จึงเป็นหนทางเดียวที่จะได้รับชัยชนะ
P&G ยักษ์ใหญ่แห่งตลาดสินค้าอุปโภค ตัดสินใจซื้อ Clairol หน่วยธุรกิจหนึ่งของ
Bristol- Mayers บริษัทด้านเวชภัณฑ์ยาด้วยเงินสด 4.95 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เพื่อขยายฐานตลาดยาย้อมสีผม จากเดิมที่ P&G เป็นเจ้าตลาดแชมพู สระผมอยู่ในปัจจุบัน
Clairol เจ้าตลาดเบอร์สองในอเมริกาทางด้านผลิตภัณฑ์น้ำยาย้อมสีผม ตัดสินใจให้
P&G ที่มีตำนานการทำธุรกิจมากว่า 164 ปีเป็นเจ้าของ นั่นหมายความว่าจากนี้ไปการเติบโตด้านผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมของ
P&G ยิ่งจะเติบโตขึ้นในอัตราสองเท่าของปัจจุบัน
ผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคนิยมใช้ในชีวิตประจำวันของ Clairol มียาสีฟันยี่ห้อ
Crest หรือผ้าอ้อมเด็ก Pampers และสินค้าอุปโภคอื่นๆ รวมไปถึงสินค้ารักษาผิวพรรณซึ่งสามารถสร้างยอดขายถึง
1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมสร้างยอดขายได้ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนน้ำยา
ย้อมผมสร้างยอดขายได้ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนทางด้าน P&G มีสินค้าแชมพูยี่ห้อ
Pantene และ Head and Shoulders
สาเหตุที่ Bristol-Mayers ตัดสินใจขาย Clairol ทิ้งนั้นเนื่องจากต้องการโฟกัสไปยังธุรกิจเวชภัณฑ์ยาซึ่งเป็นธุรกิจหลักเพียงอย่าง
เดียว
กว่าที่ P&G จะได้ Clairol มาครอบครองต้องเสนอราคาแข่งขันกับ Japan"s
Kao Corporation โดยฝ่ายแรกชนะด้วยการเสนอราคาให้สูงกว่าฝ่ายหลังที่ให้เพียง
4.5 พันล้าน เหรียญสหรัฐ
ชัยชนะครั้งนี้ของ P&G นับเป็นชัย ชนะที่คุ้มค่า แม้ราคาจะสูงและเป็นการลงทุน
ครั้งใหญ่สุดของบริษัทซึ่งไม่เพียงสามารถกันคู่แข่งรายใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์เส้นผมจากเอเชีย
ยังตีกันไม่ให้คู่แข่งสัญชาติฝรั่งเศส เจ้าของผลิตภัณฑ์ L" Oreal เข้ามาเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดอเมริกา
"หลังจาก Clairol เป็นของ P&G แล้วธุรกิจยาย้อมผมจะเติบโตไปอย่างรวดเร็วและ
ในอนาคตจะเป็นหน่วยธุรกิจที่เติบใหญ่หน่วย หนึ่งของธุรกิจแชมพูสระผม" Alan
Lafley ประธานคณะผู้บริหารของ P&G บอก
การรวมกิจการครั้งนี้ถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งหากพิจารณาในแง่ความเป็นชั้นนำของยี่ห้อ
แรงจูงใจของยอดขายและประสิทธิภาพการเติบโต "นี่คือชัยชนะของผู้บริโภค ลูกค้า
บริษัทและผู้ถือหุ้น"
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เป็นห่วงเกี่ยว กับการที่ P&G รวม Clairol
เป็นหน่วยธุรกิจที่มีฐานในซินซินเนติ ในประเด็นพนักงานที่คาด ว่าจะเกินความต้องการ
17,400 คน ขณะที่บริษัทเองได้ออกมาพูดถึงแนวโน้มยอดขายจะไม่โตมากนักรวมถึงความยากลำบากด้านการแข่งขัน
"พวกเขามีอุปสรรคในการจัดการเรื่องนี้ภายในองค์กร" William Steele นักวิเคราะห์แห่ง
Banc of America Securities ชี้ "P&G ไม่มีเงินเพียงพอให้กับพนักงานที่จะต้อง
ออก แต่กลับมีเงินจ่ายให้กับ Clairol"
ปัจจุบัน P&G เป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของ ตลาดแชมพู ด้วยส่วนแบ่งตลาด
32.2% ขณะที่ Clairol อยู่อันดับ 3 กับส่วนแบ่งตลาด 9.8% รองจาก Unilever
จากการคาดการณ์ตลาดผลิตภัณฑ์แชมพูย้อมสีผมมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ
4-6% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความนิยมของผู้บริโภควัยรุ่นที่กำลังร้อนแรงที่สุด
นักวิเคราะห์ได้พูดถึงความสามารถเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตของ Clairol
หลังจากเข้าสู่ชายคา P&G แล้วน่าจะใช้ร่วมกับ Pantene ซึ่งเป็นยี่ห้อที่แข็งแกร่งอย่างมาก
และพื้นที่ตลาดเป้าหมายของการลงทุนครั้งนี้อยู่ที่อเมริกาเหนือ