การดำเนินธุรกิจแบบครอบครัวดั้งเดิม เป็นส่วนหนึ่งของ การทำธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเผชิญวิกฤติ
ในการพยายามปรับตัวเข้าสู่การทำงานในโลกยุคใหม่
ธรรมชาติการทำงานของธุรกิจที่มีเจ้าของกิจการเป็นผู้บริหาร (owner-managed
business) ส่วนใหญ่มีรูปแบบการทำงานค่อนข้างลำบาก และไม่สามารถประนีประนอมระหว่างความเป็นส่วนตัวกับความต้องการทางธุรกิจได้
ธุรกิจรูปแบบดังกล่าว เจ้าของกิจการมีอิทธิพลต่อการจัดการซึ่งมีความเป็นวัฒนธรรมแฝงอยู่
และเป็นปัญหาต่อการแยกแยะการดำเนินธุรกิจ การบริหารงานจึงขัดแย้งในด้านโครงสร้างการดำเนินธุรกิจและ
ครอบครัว
"เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าจะมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นและมีศักยภาพในการทำงานเป็นอย่าง
มาก" เคลย์ตัน เฮบบาร์ด หุ้นส่วนผู้จัดการแกรนท์ ธอร์นตัน ประจำประเทศไทยกล่าว
แกรนท์ ธอร์นตัน เป็นบริษัทที่ปรึกษา เพื่อบริการให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจครอบครัว
ที่มีปัญหาภายในและมีความขัดแย้งโดยที่ไม่มีใครชี้ให้เห็นถึงปัญหาเหล่านั้น
จากงานวิจัยของแกรนท์ ธอร์นตัน พบ ว่า ประมาณ 70% ของธุรกิจครอบครัวไม่สามารถส่งต่อธุรกิจให้รุ่นลูกได้
และประมาณ 90% ไม่สามารถส่งต่อให้รุ่นหลานได้ มีเพียง 10% ที่สามารถสืบทอดแล้วส่งต่อให้รุ่นที่
3 ได้
สาเหตุเกิดจากการแข่งขันธุรกิจส่งผล ให้ธุรกิจครอบครัวไม่สามารถแยกแยะปัญหาการดำเนินธุรกิจ
ออกจากปัญหาครอบครัวได้อย่างชัดเจน ทำให้ไม่สามารถเติบใหญ่ในสถานการณ์ดังกล่าว
ธุรกิจการบริหารงานโดยเจ้าของมีแนวโน้มที่จะเป็นไปโดยอิงกับคุณภาพ ความทะเยอทะยาน
และทักษะความสามารถของผู้เป็นเจ้าของกิจการเป็นหลักสิ่งนี้นับเป็นข้อดี แต่ในขณะเดียวกันอาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้
"ถ้าความตั้งใจในการดำเนินงานของผู้เป็นเจ้าของกิจการ อาจจะไม่ตรงกับความต้องการในตัวธุรกิจเสมอไป
ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียในการดำเนินงานได้" เฮบบาร์ดเล่า
"เราพบเห็นอยู่ทั่วไปว่าธุรกิจรูปแบบนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของคนในครอบ
ครัว และเรื่องธุรกิจในครอบครัว ซึ่งมีความขัดแย้งอยู่ในตัว" แอนดริว กอดเฟรย์
ผู้อำนวย การใหญ่แกรนท์ ธอร์นตันบอก
ปัญหาของเจ้าของธุรกิจครอบครัวมีความสับสนในเรื่องการนำเอาปัญหาส่วนตัว
และครอบครัวเข้ามาปะปนกับการดำเนินธุรกิจ ครอบครัวเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง
ขณะเดียว กันการดำเนินธุรกิจก็เป็นเรื่องวัฒนธรรมด้วย ดังนั้นการผสมผสานกันต้องมีความเหมาะสม
"เราเข้าไปช่วยให้พวกเขามองเห็นถึงปัญหาแล้วแก้ไขได้อย่างเหมาะสมและกลม
กลืน" กอดเฟรย์ชี้ "ความขัดแย้งในครอบครัว ส่วนใหญ่เป็นประเด็นหลักที่สามารถทำให้ธุรกิจไม่สามารถดำเนินงานไปได้ในอนาคต"
เจ้าของธุรกิจมักจะอดใจไม่ไหวที่จะนำเงินทุนส่วนตัวไปใช้ในธุรกิจ เพื่อหลีกเลี่ยง
การพึ่งพาเงินลงทุนภายนอก ผลที่ตามมาอาจ จะทำให้ธุรกิจขาดเงินทุนจำเป็นต้องใช้ในการ
รักษาความสามารถในการแข่งขันหรือเติบโต ความขัดแย้งที่รุนแรงอาจเกิดขึ้นได้
เพราะปัญหาจากการควบคุมการบริหารและการสืบทอดธุรกิจ การโอนทรัพย์สิน หรือนโยบาย
การจ่ายผลตอบแทนที่ไม่ได้หารืออย่างเปิดกว้างภายในครอบครัว
ความล้มเหลวในการสื่อสาร ก็เป็นอีก สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหา บางครั้งความขัดแย้งยืดเยื้อนานหลายปี
นั่นหมายถึงความเสีย หายยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ความคิดของเจ้าของธุรกิจครอบครัว
1. หากมีผู้ถือหุ้นนอกตระกูลเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาจะได้อะไรกลับไปบ้าง?
2. ผู้ถือหุ้นนอกตระกูลจะสามารถทำให้ธุรกิจครอบครัวเปลี่ยนแปลงในทิศทางไหน?
3. ทรัพย์ทั้งหมดที่ธุรกิจหามาได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีความวุ่นวายเกิดขึ้น?
4. คนนอกตระกูลบริหารงานได้ดีกว่าคนในครอบครัวหรือไม่?
5. จะเกิดอะไรขึ้นหากธุรกิจมีพาร์ตเนอร์ แล้วคนในครอบครัวมีความคิดเห็นไม่ลงรอยกับผู้ถือหุ้น?
6. เกิดอะไรขึ้นถ้าคนในครอบครัวเกิดการแตกแยกกัน?