สนธิญาณ หนูแก้ว คลื่นข่าวที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง


นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2542)



กลับสู่หน้าหลัก

จะว่าไปแล้ว เขาอาจไม่ใช่คนที่ได้ชื่อว่า ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในแวดวง "สื่อ" แต่สนธิญาณก็เป็นกลไกสำคัญ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลง และสร้างสีสันให้กับ "สื่อวิทยุ" มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

หากพลิกย้อนไปถึงปูมหลัง ชีวิตของ เขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดขึ้นจากความพยายามและบากบั่นมาแล้วทั้งสิ้น สนธิญาณ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านจุดต่ำสุดและสูงสุด ของชีวิตการทำงานมาแล้วหลายครั้งหลายหน จากอดีตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงธรรมดาๆ ที่มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัด ภาคใต้ของเมืองไทย สนธิญาณได้ชื่อว่าเป็น นักกิจกรรมตัวยง และจากการเป็นนักกิจ กรรมนี้เองทำให้เขามีโอกาสร่วมงานกับจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กลายเป็นจุดหักเหที่ทำให้สนธิญาณได้มีโอกาสกระโดดเข้าสู่งานชิ้นสำคัญๆ ทางด้านสื่อโทรทัศน์และวิทยุ จากแรงสนับสนุนของจิรายุ ซึ่งสนธิญาณก็ได้ชื่อว่า เป็นคนหนึ่งที่จิรายุไว้วางใจ และเรียกใช้งานมาตลอด

สนธิญาณเข้าสู่ชีวิตนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 สมัยที่ประชา มาลีนนท์ ลูกชายคนรองของวิชัย มาลีนนท์ยังคุมงานทางด้านข่าวของสถานี จากนั้นเขาก็โลดแล่นอยู่บนเส้นทางถนนน้ำหมึก ร่วมกับชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ทำหนังสืออาทิตย์วิเคราะห์

พร้อมกันนี้ สนธิญานก็เข้าสู่เส้นทางธุรกิจวิทยุ จัดตั้งสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นขึ้นผลิตข่าว 24 ชั่วโมงสร้างความฮือฮาให้กับวงการสื่อด้านวิทยุอย่างมากในช่วง 5-7 ปีที่แล้วแต่ กว่าจะสร้างชื่อขึ้นมาได้ ไอเอ็นเอ็นก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว มาไม่น้อย ด้วยสไตล์การจัดรายการที่เน้นความร้อนแรงวิเคราะห์เจาะลึกในประเด็นแง่มุมต่างๆ และจากประเด็นข่าวร้อนๆ ที่ไปเกี่ยวข้องกับความไม่ชอบมาพากลของนักการเมืองบางคน ทำเอาไอเอ็นเอ็นต้องหลุดออกจากหน้าปัดวิทยุมาแล้วหลายครั้งหลายหน

เส้นกราฟชีวิตของสนธิญาณดูจะพุ่งสูงขึ้น ก็เมื่อครั้งที่สำนักทรัพย์สินฯ ก้าวเข้าสู่กิจการทางด้าน "สื่อ" ในนามของสยามทีวี แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น สนธิญาณ ได้รับมอบหมายจากจิรายุให้เข้ามารับงานชิ้นนี้ ซึ่งเขามีส่วนร่วมกับทีมของ จุลจิตต์ บุณยเกตุ ในการทำข้อเสนอในการยื่นประมูล จนกระทั่งสามารถคว้างานประมูลมาได้

ความหวังอย่างแรงกล้าของสนธิญาณในการกระโดด สู่สยามทีวีก็คือ การที่เขาจะได้เป็นผู้ผลิตข่าวทีวีให้กับ สยามทีวี ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันไว้นาน เพราะเป็นสื่อเดียวที่ เขายังไม่มีโอกาสทำสำเร็จเสียที ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ไอเอ็นเอ็น ไปมีสายสัมพันธ์กับมีเดียพลัส ก็เคยมีการตกลงจะผลิตข่าวป้อนให้ไทยสกายทีวีมาแล้ว แต่ก็ต้องล้มเลิกไปทั้งๆ ที่สนธิญาณก็ซื้อเครื่องมือมารอท่าไว้แล้ว

แต่แล้วความฝันของเขาก็ต้องสลายเป็นครั้งที่ 2 ด้วยความไม่ลงตัวของผู้บริหารสยามทีวีที่เกิดปัญหามาตลอด ประกอบกับสไตล์การทำงาน และบุคลิกที่แตกต่างจากผู้บริหารของสยามทีวี อื่นๆ ที่มาจากนายแบงก์ อดีตผู้บริหาร ในสายคอมพิวเตอร์ โทรคมนาคม ทำให้สนธิญาณต้องยื่นใบลาออก ตามหลังจากที่จุลจิตต์ยื่นใบลาออกกลับไปไทยออยล์ได้ไม่นาน

สนธิญาณกลับไปปักหลักใหม่กับไอเอ็นเอ็นอีกครั้ง แม้ว่าคลื่นข่าวของไอเอ็นเอ็นยังสามารถจับกลุ่มผู้ฟังได้เหมือน เดิม แต่ปัญหาครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อน เมื่อต้องมาเจอกับเรื่องเงินลงทุน เพราะสำนักทรัพย์สินฯ เองก็บอบช้ำ ขาดทุนกับธุรกิจทางด้านสื่อ และโทรคมนาคมมาไม่น้อย จึงต้องการลดการลงทุนในธุรกิจทางด้านนี้ลงทั้งหมด สนธิญาณจึงต้องหาพันธมิตรรายใหม่มาร่วมลงทุนในไอเอ็นเอ็นแทนสำนักทรัพย์สินฯ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่กลุ่ม ยูคอมกำลังต้องการสยายปีกมาในธุรกิจทางด้านบรอดคาสติ้ง

ยูคอมจึงกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในไอเอ็นเอ็น โดยสนธิญาณไปนั่งในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารดูแลทางด้านนโยบาย แน่นอนว่าหลังจากการเข้ามาของผู้ถือหุ้นรายใหม่ การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้น

ในวันนี้ แม้เขาจะโบกมือลาจากไอเอ็นเอ็น บริษัทที่เขาตั้งขึ้นมาจากผลิตผลทางความคิดที่ต้องการมีคลื่นข่าววิทยุ ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว และต้องกลับไปนั่งเหงาๆ อยู่ที่มูล นิธิฯ ของสำนักทรัพย์สินฯ แต่ถัดจากนั้นไม่กี่เดือนสนธิญาณ ก็กลับมาโลดแล่นบนหน้าปัดวิทยุอีกครั้ง และยังไม่ยอมทิ้ง ความเป็นคลื่นข่าว เพียงแต่ครั้งนี้จับเฉพาะกลุ่มผู้หญิงเท่านั้น

สนธิญาณรวบรวมสมัครพลพรรคในไอเอ็นเอ็นกว่า 40-50 ชีวิตที่ลาออกตามมา จัดตั้งเป็นสำนักข่าวใหม่ ใช้ชื่อ
ว่าไทยซิติเซ่น อินดิเพนเดนท์ นิวส์ เน็ทเวิร์ค หรือ ทีไอเอ็น จากนั้นก็ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านายเก่าอย่างประชา มาลีนนท์ เพื่อขอคลื่น 99.5 เมกะเฮิรตซ์ที่ช่อง 3 ประมูลมาได้เมื่อปีที่แล้วนำมาทำเป็น "คลื่นผู้หญิง หรือ WOMAN WAVE" ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในวันที่ 1 มกราคม 2542 นี้

คลื่นผู้หญิงตามคอนเซ็ปต์ของสนธิญาณ คือ คลื่นข่าวสารที่เป็นเรื่องราวของผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งจะถูกนำเสนอ ในทุกๆ แง่มุมในทุกๆ ด้านของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม หรือ การเมือง และแน่นอนว่าการนำเสนอจะต้องยังคงความร้อนแรง และเกาะติดกับสถานการณ์ข่าวสารอย่างปัจจุบันทันด่วนเหมือนอย่างที่เคยทำมา

"สังคมไทยที่แล้วมาไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้แสดง ศักยภาพที่มีอยู่เท่าไหร่ หลายๆ อย่างถูกมองข้ามไปแต่ราย การนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงพลังของผู้หญิงที่จะถูกนำออกมาให้เห็นอย่างแท้จริง" สนธิญาณกล่าวถึงที่มาของคลื่นผู้หญิง

เพื่อตอกย้ำความเป็นคลื่นผู้หญิง ทีมงาน อย่างผู้จัดรายการ นักข่าว ทั้งหมดจะต้องเป็นผู้หญิงทั้งหมด ยก เว้นทีมงานเบื้องหลังที่มีผู้ชายปะปนอยู่ด้วย ซึ่งทีมผู้จัดรายการ จะมีกลุ่มคนหลายประเภท ทั้งผู้จัดรายการอย่าง ศิริพร สงบธรรม เสาวณีย์ ลิมมานนท์ อดีตแอคติวิสต์ชื่อดังยุค 14 ตุลาคม อาจารย์ชลิดาพร รวมทั้งผู้หญิงในแง่มุมของวัยรุ่นสาวเปรี้ยว หรือแม้แต่ แม่ชีศันษนีย์

ตัวเลขของประชากร 50% ของพลเมือง ทั้งหมดที่เป็นผู้หญิง รวมทั้งนิตยสารผู้หญิงที่ยังขายดิบขายดีบนแผงหนังสือ คือ ข้อมูลเบื้องต้นที่สนธิญาณแสดงความเชื่อมั่นต่อคลื่นผู้หญิง ที่ไม่เพียงแค่จะมุ่งสร้างความแตกต่างเท่านั้น แต่จะต้องมีจำนวนผู้ฟังที่สามารถการันตีได้

"ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้หญิงเท่านั้น แต่กลุ่ม ผู้ชายก็ต้องหันมาฟังว่า มีอะไรอยู่ในคลื่นนี้ ทำไมผู้หญิงเขาถึงฟังกัน ก็เหมือนกับนิตยสาร ผู้หญิงบางเล่มที่ถูกผู้ชายซื้ออ่านอย่างครึก โครม" นี่คือ สิ่งที่สนธิญาณมองเห็น

ลึกลงไปกว่านั้น คือ โฆษณาสินค้าที่เกี่ยวกับผู้หญิง ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากมาย ในตลาด คำตอบโจทย์ในแง่มุมของธุรกิจที่สนธิญาณเชื่อว่า จะทำให้คลื่นผู้หญิงมีรายได้จากโฆษณามาหล่อเลี้ยงรายได้ให้กับคลื่น นี้ได้

6 เดือนเต็ม คือ ระยะเวลาที่สนธิญาณเชื่อมั่นว่า คลื่นผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้ในสังเวียนคลื่นข่าวบนหน้าปัดวิทยุ

"ผมกล้ารับประกันเลยว่า ต้องเกิดได้ใน 6 เดือน และจะร้อนแรงยิ่งกว่า ไอเอ็น เอ็นเคยทำมาแน่นอน" คำกล่าวรับประกันสั้นๆ ของสนธิญาณ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของเขา ที่พร้อมจะกลับมาสร้างสีสันใหม่บนหน้าปัดวิทยุอีกครั้ง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.