หลังจากที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศไทยเข้าสู่ยุคล่มสลาย มีโครงการร้างค้างเติ่งนับ
100 โครงการ บรรดาบุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต่างกระจัดกระจายหาที่พึ่งพิงใหม่
บ้างสมหวัง บ้างปีกหักหลบลี้ไปรักษาแผล แต่รายนี้ อดีตผู้บริหารโครงการทั้งหมดในกลุ่มของธนายง
ภูษิต แสนโสภณ ได้งานใหม่ทันทีที่สลัดเก้าอี้จากกลุ่มธนายง ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป
ฝ่ายทำความสะอาด, กำจัดแมลง และสุขอนามัยภัณฑ์ ของบริษัท พรอพเพอร์ตี้ แคร์
เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือบริษัทรับทำความสะอาดที่มีตัวอักษร PCS
สีเหลืองอมส้มเป็นสัญลักษณ์ที่คุ้นตากันนั่นเอง
จากเจ้าบ้านที่เคยเป็นผู้จ้างบริษัทนี้ กลายมาเป็นพ่อบ้านผู้ดูแลงานส่วนหนึ่งของบริษัทนี้เสียเอง
ไม่เพียงแต่บทบาทที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แม้แต่ลักษณะการทำงานและหน้าที่ความรับผิดชอบก็แตกต่างจากเดิมมากขึ้นด้วย
โดยภูษิตยอมรับว่า งานใหม่ที่เขาเข้ามารับผิดชอบนี้ต้องใส่ใจกับรายละเอียดขององค์ประกอบต่างๆ
มากขึ้น เนื่องจากเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับแรงงานคนจำนวนมาก
"โดยทั่วไปแล้ว ธุรกิจการบริการ เราต้องให้ความสำคัญกับงานทางด้านโอเปอเรชั่นเป็นพิเศษ
ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ บุคลากร ระบบการจัดการ และหน่วยงานสนับสนุน
และขณะนี้บริษัทเรากำลังเข้าสู่มาตรฐาน ISO 9002 โดยถือเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมนี้"
ภูษิตเปรียบองค์กรเป็นเสมือนทีมฟุตบอลหนึ่งทีม ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือชัยชนะ
และก่อนที่จะชนะได้ต้องมีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันชัดเจน โดยผู้เล่นแต่ละคนต้อง
ทำหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์ และประสานกันทุกส่วน จึงจะไปถึง เป้าหมายที่ต้องการได้
อย่างเช่นกองหน้า เขาเปรียบเป็นฝ่ายการตลาดและ ฝ่ายขายที่เป็นฝ่ายต้องออกไปทำประตูหรือหาลูกค้าเข้ามา
กองกลางทำหน้าที่เหมือนกับฝ่ายปฏิบัติการ เป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการที่มีมาตรฐานส่งต่อให้กองหน้า
โดยมีหน่วยสนับสนุนเป็นกองหลังคอยสรรหาคนที่มีคุณภาพ หรือหาวัตถุดิบที่ดีมาผลิตสินค้าเพื่อส่งต่อให้กองกลาง
รวมทั้งต้องคุมทางด้านการเงินด้วย และเมื่อมีการวางระบบ และแบ่งแยกหน้าที่กันดีแล้ว
ผู้เล่นแต่ละคนต้องรู้หน้าที่ของตนเองและหมั่นฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ และตัวเขาเองในฐานะผู้จัดการทีมต้องคอยดูว่า
พวกเขาทำงานกันเป็นทีมไหม ได้รับการจูงใจในการทำงานที่เหมาะสมหรือไม่ โดยภูษิตมีความเชื่อว่า
"นักฟุตบอลในปัจจุบันนี้เล่นเพื่อชนะอย่างเดียวไม่มีแล้ว ต้องมีการอัดฉีดกันด้วย
เหมือนกับพนักงานก็ต้องมีการให้รางวัลพิเศษเมื่อผลงานออกมาดี" ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้สามารถนำไปใช้
เพื่อสำรวจจุดบกพร่อง ขององค์กรได้เป็นอย่างดี
ตลอด 6 ปีที่เขาอยู่ในวงการการจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ของธนายง เขาเป็นคนหนึ่งที่เห็นความสำคัญของบริษัทรับทำความสะอาด
"การทำธุรกิจอสังหาฯไม่ได้เสร็จสิ้นแค่สร้างเสร็จแล้วขาย แต่ต้องมีการบำรุงรักษา
มีการทำบรรยากาศในการอยู่อาศัยให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งการบริการดูแลรักษาความสะอาด
การรักษาความปลอดภัย การกำจัดแมลงก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย"
นั่นคือความเห็นของเขาเมื่อครั้งที่เป็นผู้ใช้บริการ PCS และวันนี้เขาเป็นพนักงานคนหนึ่งของ
PCS แล้ว เขาก็มีมุมมองที่สอดคล้องกันอีกว่า "ผมและพนักงานทุกคนคือคนที่เข้าไปทำให้สิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัยและอาคาร
สำนักงานนั้นๆ ดีขึ้น ทำให้ผู้อยู่อาศัยหรือพนักงานมีสุขภาพ กายสุขภาพจิตที่ดี
สามารถอยู่อาศัยและทำงานได้อย่างมีความสุขซึ่งผมคิดว่าจุดนี้เป็นสิ่งเล็กๆ
น้อยๆ ที่สำคัญและต้องหันมาใส่ใจกันให้มากขึ้น"
ภูษิตเข้ามาอยู่ในองค์กรนี้ได้ประมาณ 7 เดือน นับเป็นเวลาที่น้อยมาก หากเทียบกับประสบการณ์ที่เขาคลุกคลี
อยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่อาจเป็นความโชคดีของ PCS ที่ได้คนที่มีประสบการณ์มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาร่วมงานด้วย
โดยมุมมองของภูษิตเป็นมุมมองของคนที่อยู่ภายนอกมองเข้ามาในองค์กร
สำหรับคู่แข่งที่ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดหรือแม้กระทั่งตึกใหญ่หรือองค์กรใหญ่ทั้งหลายที่น่าจะมาเป็นลูกค้าของ
PCS แต่กลับมีหน่วยรักษาความสะอาดของตนเองด้วยเหตุผลเพื่อลดค่าใช้จ่ายแทนที่จะไปจ้างมืออาชีพมาทำ
ภูษิตมีความเห็นว่า"ธุรกิจทุกธุรกิจมีผู้เข้ามาแข่งขันได้ตลอดเวลา แต่ว่าแนวโน้มของทุกอุตสาหกรรมในปัจจุบันนี้
ได้พยายามแยกธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เพราะเมื่อไรก็ตาม ที่คุณมีพนักงานของตัวเอง
คุณก็ต้องมีค่าจ้างสวัสดิการเพิ่มขึ้นทุกปี พนักงานทำงานไม่ดีจะเลิกจ้างทันทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
และถ้าเป็นหน่วยงานทำความสะอาดอย่างนี้แล้ว การลงทุนเพิ่มเติมในเทคโนโลยีก็อาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นในลำดับต้นๆ
แต่ถ้าซับคอนแทร็กต์ออกไป และจ้างมืออาชีพมาทำให้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินเดือนให้ทุกปี
และถ้าไม่พอใจในบริการก็สามารถเปลี่ยนบริษัทใหม่ได้"
นอกจากนั้นยังมีบริษัทเล็กบริษัทน้อยที่เกิดขึ้น และใช้ "ราคา" เป็นตัวดึงลูกค้า
PCS ในฐานะผู้นำตลาดในอุตสาห-กรรมนี้จึงต้องพยายามยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการ
บริการของตนเองให้สูงยิ่งขึ้น ด้วยการฝึกอบรมพนักงานทุก คนตามหลักสูตรของ
BICS (BRITISH INSTITUTE OF CLEANING SCIENCE) ของอังกฤษ ทั้งยังใช้อุปกรณ์
น้ำยาที่มีคุณภาพสูง และมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและรวดเร็วด้วย
และจากการลงทุนเหล่านี้เองที่ทำให้ "ราคา" ของ PCS สูงกว่าที่อื่นโดยเฉลี่ย
ทว่าเมื่อเทียบกับคุณภาพแล้วก็จะคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะ หากคุณภาพไม่ดีโดดเด่นตามราคาที่สูงแล้ว
ยักษ์ใหญ่ผู้นำตลาดก็ล้มได้ง่ายๆ เหมือนกัน
"เราจะไม่สู้ที่ราคาแต่เราจะสู้ที่คุณภาพ และในช่วงที่เศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวน้อย
เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการหันมาดูในเรื่องของคุณภาพให้ดีที่สุด เพื่อพยายามรักษาฐานลูกค้าเราให้ดีที่สุด
ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ถ้าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจบูมจะมุ่งความสนใจไปที่การผลิตเพียงอย่างเดียว
ซึ่งคุณภาพก็จะไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควร" ภูษิตกล่าว
ยิ่งกว่านั้น ภูษิตมีความมุ่งมั่นที่ต้องการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพการให้บริการด้านนี้ด้วย
"ถ้าไม่มีคนที่ทำงานด้านนี้ บ้านเมืองเราคงสกปรกน่าดู ฉะนั้นเราควรให้ความสำคัญกับพวกเขาเหล่านี้ให้มากขึ้นด้วย"
ปัจจุบัน อัตราการขยายตัวของ PCS ลดลงประมาณ 10% ตาม ภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี
บริการที่ภูษิตเข้ามารับผิดชอบดูแลคือ ด้าน รักษาความสะอาด กำจัดแมลง และ
สุขอนามัย ยังคงเป็นบริการที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทในสัดส่วนประมาณ
65-70% ที่เหลือจะมาจากทางด้านบริการรักษาความปลอด ภัย บริการซักรีด และบริการอื่นๆ
ส่วนกลุ่มลูกค้าแบ่งออกเป็น กลุ่มอาคารพาณิชย์และอาคารสำนักงาน, กลุ่มรีเทล
ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า, กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม, กลุ่มบ้านพัก และกลุ่มโรงพยาบาล
โรงแรมและคอนโดมิเนียม
จากพิษทางเศรษฐกิจทำให้การเติบโตของเกือบทุกอุตสาหกรรมหดตัวลงไปมาก ย่อมส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าของ
PCS ด้วย ดังนั้นภูษิตจึงต้องหาแผนในการดำเนินธุรกิจมาช่วยเสริมรายได้ในปี"42
นี้ โดยเขามีเป้าหมายที่จะขยายบริการ ทำความสะอาดไปยังห้องครัวของภัตตาคาร
และโรงแรมใหญ่ๆ ด้วย รวมถึงการดูแลด้านสุขอนามัยทั้งหมด ในสนามบิน และการดูแลรักษาห้องปลอดเชื้อในโรงงานอุตสาหกรรม
ต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้ PCS มีจุดแข็งที่มีบริษัทแม่อย่าง OCS (OFFICE CLEANING
SERVICES LTD.) ที่มี ชื่อเสียงและประสบการณ์จากประเทศ อังกฤษ พร้อมที่จะสนับสนุนในการลงทุนและดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่