"ผมก็ยังสบายดี เมื่อกี้ก่อนมา ยังหัวเราะกับคุณอุไรวรรณ และพาณีพรรณ อยู่เลย"
ชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้จัดการบริษัท พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน)
เอ่ยกับ "ผู้จัดการรายเดือน" หลังจากเจอหน้ากันอย่างจังที่ตึกสิริภิญโญ
ชั้นที่ 18 ซึ่งเป็นออฟฟิศของ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ให้กระจ่างอีกนิดคือหน้าห้องคุณเศรษฐา
ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท แสนสิริ หลังงานแถลงข่าวเรื่องกลุ่มสตาร์วูดเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัทแสนสิริ
เพียง 1 วัน
อุไรวรรณ ภัทรกานต์ และ พาณีพรรณ ทิสาพงส์ คือทีมงานเก่า แก่ที่ยังยืนหยัดอยู่เป็นกำลังสำคัญในวันนี้
"คุณชายนิดมาคุยกับผม ก็เหมือนกับนักลงทุนคนอื่นๆ ที่มีโครงการเข้ามาปรึกษากันดูว่ามีโครงการอะไรบ้างที่เราน่าจะช่วยเหลือกันได้"
เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัด การบริษัทแสนสิริกล่าว และยอมรับ ว่าโครงการบ้านเดี่ยวของพร็อพเพอร์
ตี้เพอร์เฟคหลายโครงการน่าสนใจ
"ในเร็วๆ นี้ ผมจะเอาพร็อพ เพอร์ตี้เพอร์เฟค เข้ามาเป็นเสือตัวที่ 5 ในธุรกิจเรียลเอสเตทให้ได้"
ชายนิดเคยกล่าวไว้เมื่อเข้ามาเป็นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2536 และหลังจากลั่นวาจาในครั้งนั้น
ชายนิดก็สามารถนำบริษัทผงาดขึ้นในวงการบ้านจัดสรรอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันจะตัดสินว่าจะเป็นท็อปไฟว์ได้หรือไม่
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทั้งหมดก็ต่างพากันซวนเซ และล้มระเนระนาดมาตั้งแต่ปี
2539
พร็อพเพอร์ตี้เฟอร์เฟคก็เช่นเดียวกัน จากเป้าหมายที่ได้ตั้งความหวังไว้ดังกล่าวทำให้ชายนิดเปิดฉากรบด้วยการ
ทำโครงการบ้านจัดสรรขายพร้อมๆ กันอย่างหนักหลายทำเล ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แล้วก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเพราะโครงการเน้นในเรื่องความสวยงามของตัวบ้าน
และสิ่งแวดล้อมภายในหมู่บ้านโดยมีกลุ่มของคนชั้นกลางเป็นกลุ่ม เป้าหมายหลัก
เทียบเท่าโครงการยักษ์ใหญ่แลนด์แอนด์เฮ้าส์ โดยมีแหล่งเงินที่สำคัญคือบริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์เอกธนกิจของ
ปิ่น จักกะพาก ในสมัยนั้นเป็นผู้สนับสนุน ตัวปิ่นมีสายสัมพันธ์อันดีมานานกับชายนิด
เคยเข้ามาเป็นผู้ร่วมถือหุ้น และเป็นที่ปรึกษาให้โครงการด้วย
เมื่อปิ่นมีปัญหา เม็ดเงินที่เคยสูบฉีดโครงการก็มีปัญหาตามไปด้วย และที่สำคัญตลาดของที่อยู่อาศัยซบเซาอย่างหนักซึ่งมีผลมาจากภาวะวิกฤติทางด้านการเงินของประเทศ
คลื่นมรสุมหลายลูกจึงโหมกระหน่ำชายนิดอย่างหนัก
ในช่วงเวลาดังกล่าว ชายนิดและทีมงานบริหารทุกคน เคร่งเครียดและหดหู่ใจกันมาก
แต่ในที่สุดทุกคนก็ตั้งสติยอมรับกับปัญหาทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้น และค่อยๆ
ช่วยกันเรียบเรียงปัญหา และช่วยกันหาทางแก้ไข
สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของชายนิด ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี
2529 เขาเองก็เคยประสบปัญหาในการทำธุรกิจอย่างหนัก เคยวิ่งแลกเช็ค เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางมาแล้วด้วยซ้ำ
ประสบการณ์ครั้งก่อนๆ ทำให้เขาคิดได้ว่าหากมีสติก็จะแก้ไขปัญหาได้ไม่ยากนัก
ในปี 2540 ชายนิดจึงต้อง ลดจำนวนพนักงานครั้งใหญ่ ปรับลดเงินเดือนผู้บริหาร
หาทางขายแลนด์แบงก์บางแปลงพร้อมๆ กับหากลยุทธ์ทางการขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของการยอมลดราคาลงกว่า
40% ในโครงการบ้านที่ถนนติวานนท์ รัตนาธิเบศร์ และรามคำแหง และในสิ้นปี 2540
นั้น บริษัทมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 14,597 ล้านบาทเป็นหนี้ต่างประเทศ 30% ผลขาดทุนเมื่อสิ้นปี
2540 ประมาณ 5 พันกว่าล้านบาท
พร้อมๆ กับคิดค้นกลยุทธ์การขายใหม่ๆ และเร่งโอนบ้านที่สร้างเสร็จแล้วรวมทั้งพยายามทุกวิถีทาง
ที่จะส่งลูกค้าต่อไปยังสถาบันการเงินซึ่งกำลังสกรีนลูกค้าอย่างหนักเหมือนกัน
ชายนิดก็ยังพยายามหาผู้ร่วมทุนใหม่ ซึ่งเขาบอกว่า วิธีการช่วยตนเองของนักพัฒนาที่ดินทุกวันนี้จะแบ่งออกเป็น
3 ประเภทใหญ่คือ
1. ช่วยตัวเอง โดยการพยายามขายของที่ตัวเองมีออกไปให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะทำอย่างไร
รวมทั้งขายที่ดิน ขายทรัพย์สินส่วนตัวมาใช้หนี้แบงก์หรือใช้เงินคืนผู้รับเหมาเพื่อจะได้ส่งมอบบ้านให้ลูกค้า
2. ติดต่อหาผู้ร่วมทุนต่างชาติ และ 3. ให้ทางสถาบัน การเงินช่วยโดยทางพร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟคนั้นกำลังใช้วิธีช่วยตัวเอง
แต่ไม่ปฏิเสธว่า ก่อนหน้านี้ติดต่อผู้ร่วมทุนต่างชาติมาแล้วหลายราย ทั้งสิงคโปร์
ฮ่องกง มาเลเซีย และกลุ่มทุนจากยุโรป
รวมทั้งกลุ่มของมร.เลียแค็ท สุลต่านแดนจี้ ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนใหม่ของคุณหญิงศศิมา
ศรีวิกรม์นั้นก็เคยคุยกับชายนิดมาก่อน
สำหรับผลการดำเนินงาน ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2541 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 3,710.65
ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 57.05 บาท ซึ่งทำให้บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
และได้ถูกแขวนป้าย SP ถึงวันที่ 12 เมษายน 2542 และให้ย้ายหลักทรัพย์ไปอยู่ภายใต้หมวด
REHABCO ก่อนที่จะห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม
2542 เป็นต้นไปจนพ้น การเพิกถอน โดยให้ตั้งที่ปรึกษาทาง การเงินอิสระร่วมจัดทำแผนดำเนิน
การ เพื่อแก้เหตุแห่งการเพิกถอน เสนอต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทภายในวันที่ 12
กรกฎาคม 2542
อย่างไรก็ตาม เขาก็มั่นใจว่าทุกอย่างต้องมีทางออกถ้าไม่ท้อถอยและยอมทิ้งปัญหา
แต่แน่นอนว่าเขาต้องเหนื่อยกว่าครั้งก่อนเพราะปัญหาคราวนี้มันใหญ่และซับซ้อนกว่าทุกคราว