ยึดหนี้ยูคอมเสร็จ ครั้งหน้าต้องหาคู่


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2542)



กลับสู่หน้าหลัก

ยูคอม เป็นบริษัทโทรคมนาคมที่เติบโต มาเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับชินวัตร โมเดลการสร้างธุรกิจของทั้งสองจึงไม่แตกต่างกันนัก โดยเฉพาะการมีโทรศัพท์มือถือเป็นธุรกิจหลักที่เป็นตัวสร้างเม็ดเงินให้ แต่การแก้ปัญหาของยูคอม หลังเศรษฐกิจล่มสลายกลับไปได้ล่าช้ากว่า ด้วยเงื่อนไขสำคัญก็คือ หนี้ก้อนโตที่เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจออกไปแบบไม่ลืมหูลืมตาในยุคเศรษฐกิจฟองสบู่

"เมื่อก่อนกระแสพาไป เรามองแต่เพียงว่า เราจะโตอย่างไรเพื่อจะได้เป็นที่ 1 เงิน หามาง่าย ผมไปขายบอนด์ที่นิวยอร์ก วันเดียวขายได้ 400 ล้านเหรียญ แต่พอเขาเอาคืนก็ล้มกันเป็นแถวเลย" บุญชัย เบญจรงค-กุล ประธานกรรมการบริหารของยูคอม สะท้อน

18 เดือนเต็ม คือ เวลาทั้งหมดที่ ยูคอมใช้ในการประนอมหนี้สิน 573 ล้านเหรียญสหรัฐ ในที่สุดเจ้าหนี้ทั้ง 28 รายก็ยอม ยืดระยะเวลาออกไป 5 ปี เป็นการแบ่งจ่ายเป็นงวด เพื่อให้มีกำลังชำระหนี้ในปีที่ 1-4 ยูคอมจะจ่ายน้อยมาก จนกระทั่งปีที่ 5 ที่ ยูคอมต้องเทจ่ายทีเดียว 308 ล้านบาท

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าแบงก์ ชาติ ถึงกับยอมให้ใช้ตำหนักใหญ่ของแบงก์ ชาติ และเป็นประธานเซ็นสัญญาให้กับยูคอม และเจ้าหนี้ 26 ราย คนดีใจที่สุด หนีไ ม่พ้นบุญชัย และวิชัย เบญรงคกุล-พี่คนโตกับน้องชายคนเล็ก

โดยเฉพาะวิชัย หลังจากแสดงฝีมือประนอมหนี้ให้ยูคอม เขาก็ได้นั่งเก้าอี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หลังจากใช้เวลาเรียนรู้และหาประสบการณ์มาถึง 10 ปีเต็ม

" 18 เดือนที่ผ่านมา ต้องถือว่าเป็นช่วงที่หนักที่สุดของยูคอม ถ้าเป็นช่วงการเรียน ก็ต้องถือว่าได้ปริญญาโทไปแล้ว อันนี้ต้องยกเครดิตให้วิชัยเขา ถือว่าเป็นการพิสูจน์ฝีมือแล้วว่า เขาพร้อมสำหรับตำแหน่งนี้" บุญชัยกล่าว

จะว่าไปแล้ว การประนอมหนี้ของยูคอมในครั้งนี้ก็เป็นเพียงการคลี่คลายปัญหาแค่เปลาะแรกเท่านั้น เพราะการ ยืดเวลาชำระหนี้ไปอีก 5 ปี เท่ากับว่าจะทำให้ยูคอมมีเวลามาก ขึ้น แต่ยังไม่มีเงินสดก้อนใหม่เข้ามาเพื่อจะใช้ลงทุนในอนาคต

ยูคอมลงมือปัดกวาดบ้านตัวเอง ตัดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรทิ้ง หันมาหารายได้จากธุรกิจที่เกิดจากความชำนาญแท้จริง นั่นก็คือ ธุรกิจออกแบบและติดตั้งระบบโทรคมนาคม ธุรกิจค้าอุปกรณ์ปลายทาง และธุรกิจให้บริการเครือข่ายสื่อสารข้อมูล ทั้งหมดนี้จะเป็นธุรกิจที่ยูคอมเชื่อว่าจะสามารถนำมาชำระหนี้ได้

แต่สิ่งที่รออยู่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะเป็นสิ่งที่ท้าทาย ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพราะเดิมพันเพื่อความอยู่รอดหลังการเปิดเสรีโทรคมนาคม ภายใต้กฎกติกาใหม่จะเกิดขึ้น การเข้ามาของบริษัทโทรคมนาคมข้ามชาติ ที่มีทั้งเงินทุนและเทคโนโลยี

มันเป็นเงื่อนไขที่ทำให้กลุ่มสามารถจำเป็นต้องมีเทเล-คอมมาเลเซียมาเป็นพันธมิตร และเอไอเอสของชินวัตรต้องเปิดทางให้สิงคโปร์เทเลคอมเข้ามาถือหุ้น

"ธุรกิจโทรคมนาคมต้องลงทุนตลอด เทคโนโลยีอยู่ได้แค่ 4-5 ปีก็ต้องเปลี่ยน อย่างแทค มันเหมือนกับการเล่นไพ่ เราจะตามหรือเราจะทิ้งไพ่ ถ้าเราตามเราก็ต้องหาพาร์ตเนอร์ เพราะมันต้องใช้เงินอีก 4-5 หมื่นล้าน ธุรกิจโทรคมนาคมก็ไม่ต่างไปกับแบงก์ เป็นธุรกิจไม่มีพรมแดน"

ในยุคนี้จึงเห็นความล่มสลายของวิธีบริหารแบบกลุม ตระกูลในธุรกิจสื่อสาร ที่บริษัทโทรคมนาคมของไทยทุกแห่งไม่ว่าจะเป็น ชินวัตร สามารถ และยูคอมต้องยอมรับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรับมือได้มากกว่ากัน

ยิ่งไปกว่านั้นการประนอมหนี้ในครั้งนี้ ทำให้ตระกูลเบญจรงคกุลต้องแปรสภาพจากผู้ถือหุ้นใหญ่ในยูคอม กลาย เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 รองจากซัมเมอร์ยูเค ที่แปลงหนี้เป็นทุน และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ที่เข้ามาถือในสัดส่วน 36%

"ตอนแรกๆ เราทำใจไว้ว่าอาจจะไม่เหลืออะไรเลยตั้ง แต่เจ้าหนี้เข้ามาดูทรัพย์สินของเราแล้ว เราคิดว่าเหลือหุ้นอยู่ 10% ก็ยังดีกว่าเหลือ 5%, เหลือ 5% ก็ยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย" บุญชัยกล่าว

บังเอิญว่าซัมเมอร์ยูเค เป็นกองทุนจากอังกฤษ มีหน้าที่ลงทุนอย่างเดียว การบริหารงานทั้งหมดจึงยังคงเป็นของผู้บริหารชุดเดิมของยูคอม

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ โครงสร้างธุรกิจโทรคมนาคมเมืองไทยที่ผ่านมา เป็นลักษณะของการซื้อเทคโน-โลยีจากต่างชาติเข้ามาและเปิดให้บริการ ไม่มีเทคโนโลยีเป็น ของตัวเอง มีแต่เพียงการตลาดและช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศเท่านั้น

หลังเปิดเสรีโทรคมนาคมแล้ว สิ่งเหล่านี้จะหมดไป สนามการแข่งขันจะต้องเปิดรับบริษัทโทรคมนาคมข้ามชาติที่มีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีและเงินทุน

บุญชัย ตั้งความหวังไว้ว่า หลังเปิดเสรียูคอมจะต้องเป็นบริษัทที่มีบริการสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจร ดังนั้นหน้าที่ของยูคอมต่อจากนี้ก็คือเติมในจุดที่ยังขาด หรือ FILL IN THE BLANK เพราะมันจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ยูคอมสู้อยู่บนสนามหลังเปิดเสรีได้

เงื่อนไขของยูคอมไม่ได้อยู่ที่ตัวยูคอมอย่างเดียวเท่านั้น แต่อยู่ที่แทค บริษัทลูกที่มีบทบาทมากทั้งในเรื่องเงินลงทุนและรายได้

ระบบดิจิตอลพีซีเอ็น 1800 ที่แทคลงทุนไปหลายหมื่นล้านเพื่อเปลี่ยนจากระบบอนาล็อกมาเป็นดิจิตอล กำลังจะล้าสมัยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ ทุกวันนี้กำลังมุ่งไปสู่ 3 GENERATION เทคโนโลยีล่าสุด ของโทรศัพท์มือถือ

"โทรคมนาคมมันอยู่ได้ระยะเดียว พอเปลี่ยนเทคโน-โลยีก็ต้องมีเงินมาลงอีก เท่าที่ผ่านมาใช้เงินไปตั้ง 4-5 หมื่น ล้านบาท รองรับไปได้ 4-5 ปี เราก็ต้องหาเงินมาลงเทคโน-โลยีใหม่แล้ว ก็เหมือนกับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์จะตามหรือ จะหมอบ"

ปัญหาอยู่ที่ว่า แทคเป็นโอเปอเรเตอร์รายเดียวในตลาดที่ยังไม่มีพันธมิตรมาถือหุ้น

แม้ว่าช่วงปีสองปีที่ผ่านมา บุญชัย และภูษณ ปรีย์-มาโนชจะแยกย้ายกันไปสร้างดาวคนละดวง ทั้งในแง่บทบาททางธุรกิจและสังคม บุญชัยดูแลยูคอม ภูษณรับผิดชอบแทค บุญชัยสร้างมูลนิธิยูคอม ภูษณ มีมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกัน แต่งานนี้ทั้งสองคงต้องกลับมาร่วมมือร่วมใจกันอีกครั้ง

"การหาพันธมิตรจะเป็นหน้าที่ของผมกับคุณภูษณที่ต้องไปช่วยกัน อนาคตข้างหน้าแทคอาจจะเข้ามารวมกับยูคอมก็ได้ ธุรกิจบางอันก็ไม่จำเป็นต้องอันนี้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทั้งนั้น"

เพราะการร่วมมือกันในครั้งนี้ คงไม่ต่างไปจากการสร้างยูคอมขึ้นใหม่อีกครั้งการ หาพันธมิตรมาถือหุ้นในแทคและยูคอม จะเป็นไพ่ใบเดียวที่จะอยู่รอดได้ในสนามข้างหน้า

แต่เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การหาพันธ มิตรของแทคและยูคอมไม่ง่าย ก็คือ หนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งสิงคโปร์เทเลคอมเคยคิดจะมาร่วมหุ้นในแทคต้องถอยฉากออกไป และราคาหุ้น ที่เหมือนกับการซื้อของหลังไฟไหม้ ย่อมโดนกดราคา

ในสายตาของบุญชัย เขาก็ยังเชื่อว่า การที่แทคและยูคอม เป็นรายเดียวในตลาด มือถือที่ยังไม่มีพันธมิตร ไม่ต่างไปจากเจ้าสาวที่มีอยู่รายเดียวในตลาดไทย ย่อมเนื้อหอมเป็นธรรมดา ส่วนเจ้าบ่าวจะเป็นใคร งานนี้ต้องอดใจรอกันต่อไป

ที่แน่ๆ เมื่อถึงวันที่แทคและยูคอม หาเจ้าบ่าวได้ โฉมหน้าใหม่ของแทคและ ยูคอมคงได้ปรากฏอีกครั้ง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.