การที่คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์สามารถดึงกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทแผ่นดินทองพร็อพ
เพอร์ตี้ฯ ในช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเงินอย่างหนัก และสามารถประสบความสำเร็จในการเจรจาประนอมหนี้และเพิ่มทุนครั้งแรก
นับว่าเป็นโชคดีอย่างมหาศาล เพราะมันทำให้บริษัทเริ่มมองเห็นอนาคต หลังจากที่มืดมนมาตลอดในช่วงระยะเวลา
2 ปีที่ผ่านมา แต่คุณหญิงกับทีมงานชุดใหม่ยังมีภาระที่หนักอึ้งที่ต้องรอวันสะสางต่อไป
หนี้จำนวนมหาศาล กับภาวะการตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่แจ่มใสนั้นทำให้ประมาทไม่ได้แน่นอน!
คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ประธาน กรรมการบริษัทแผ่นดินทองพร็อพ เพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์
(มหาชน) ใช้ เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ปีในการเจรจา ประนอมหนี้และเพิ่มทุนของบริษัทฯ
ให้ประสบผลสำเร็จ ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะความสามารถของคุณหญิงจริงๆ ในการโน้ม
น้าวนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ให้เกิดความมั่นใจต่อตัวสินค้าในมือ จนตก ลงร่วมถือหุ้นในบริษัทแผ่นดินทองฯในช่วงเกิดวิกฤติทางการเงินของประเทศ
ในตอนนี้ นับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ รายแรกที่ได้มือของนักลงทุนต่างชาติเข้ามากระชากให้พ้นปากเหวขณะที่กำลัง
จะตกลงไปอยู่รอมร่อได้ทันเวลาพอดี
บริษัทแผ่นดินทองฯตัดสินใจเพิ่มทุนครั้งใหญ่อีกจำนวน 6.6 พันล้านบาท หรือจำนวน
660 ล้านหุ้นจาก ทุนจดทะเบียนเดิม 750 ล้านบาทรวม แล้วเป็น 7,350 ล้านบาท
และได้ทำการ เพิ่มทุนครั้งแรกประสบผลสำเร็จไปแล้ว 259 ล้านหุ้นเป็นเงิน 2,830
ล้านบาท ทำให้ขณะนี้เงินทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3,340,460,000
บาท บริษัทแผ่นดินทองฯจะวางแผนทยอยการเพิ่มทุนไปอีกหลายครั้งจนกว่าจะเต็มตามจำนวนที่วางไว้
ความสำเร็จในการเพิ่มทุนครั้งนี้ ทำให้บริษัทสามารถเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัทได้
ซึ่งส่งผลให้งบดุลของบริษัทหลังจากเสร็จสิ้นการประนอมหนี้ แสดงมูลค่าหุ้นทางบัญชีประมาณ
10 บาทต่อหุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหม่จะประกอบไปด้วยกลุ่มของมิสเตอร์เลียแค็ท สุลต่าน แดนจี้
นักลงทุนชาวแคนาดาจาก ฮ่องกง กองทุนสโลนบินสันจากประเทศ อังกฤษ กองทุนมอร์แกนสแตนเลย์กองทุนภายใต้การบริหารของนายโซรอส
ซึ่งเป็นข่าวฮือฮามากว่าเป็นกองทุน ที่จะเข้ามาเทกโอเวอร์บริษัท แต่คุณหญิง
ยืนยันหนักแน่นว่าเข้ามาถือหุ้นเพียง 5% เท่านั้น อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ยังเป็นฝ่ายไทย
53% ต่างประเทศ 47% โดยที่กลุ่มของคุณหญิงลดลงจากเดิม 20% เหลือเพียง 6-8%
เท่านั้น
"เป็นเพราะบารมีของคุณหญิงจริงๆ ที่ทำให้เกิดวันนี้ขึ้น ท่านเก่งมาก ต่อสู้และต้องทำงานอย่างหนักตลอดมาเพื่อบริษัท"
ม.ร.ว.อิทธินันท์ อาภากร ผู้เป็นทั้งเพื่อน และผู้ร่วมทุนเก่าแก่กล่าวกับ
"ผู้จัดการรายเดือน"
นอกจากวิญญาณของนักต่อสู้ที่สิงอยู่ในร่างของหญิงแกร่งวัย 60 ปีที่ยังดูสดสวยและแข็งแรงอย่างมากคนนี้แล้ว
จุดเด่นอย่างหนึ่งคือความพร้อมทางด้านการศึกษาระดับนักเรียนนอกที่มีสายตากว้างไกลในการมองธุรกิจ
โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทุน ยอมรับแนวความคิดและการบริหารของกลุ่มนักลงทุนประเทศเพื่อนบ้านที่มีประสบ
การณ์มาตลอด เช่น การลงทุนกับกลุ่ม K.Wah Properties จากฮ่องกง, กลุ่ม New
World Development ฮ่องกง และบริษัทดีบีเอสแลนด์จากประเทศสิงคโปร์ และ 3
กลุ่มนี้ก็คือกลุ่ม ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ฯจนถึงปัจจุบัน
และจากสายสัมพันธ์ดังกล่าวนั่นเองคือที่มาซึ่งเชื่อมโยงไปยังนักลงทุนกลุ่มที่เข้ามาร่วมถือหุ้นใหม่
มร.เลียเค็ท สุลต่าน แดนจี้ ซึ่งเป็นนักลงทุนชาวแคนาดา ได้เดินทางเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนในเมืองไทย
และกำลังสนใจโครงการหนึ่งของคุณหญิงที่บอกขาย มร.แลนจี้ รู้จักคุณหญิงผ่านมิสซิส
คริสติน่า แลมยิมคิง กรรมการบริหารคนหนึ่งของแผ่นดินทองฯซึ่งมาจากกลุ่มนิวเวิลด์กรุ๊ป
ในขณะเดียวกันมร.แลนจี้คนนี้ก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักลงทุนอีกหลายรายในยุโรปเช่นกัน
นอกจากสายสัมพันธ์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์แล้ว คุณหญิงและเฉลิมพันธ์ก็ยังได้ชักชวนผู้มีฝีมือมาร่วมทุนและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ
มาร่วมทำธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มศรีวิกรม์
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2539 ซึ่งเป็นเวลาที่ภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจ กำลังเริ่มส่อสัญญาณอันตราย
ดอกเบี้ย ของธนาคารพาณิชย์ได้เริ่มเพิ่มขึ้นสูงตลอดเวลา ในทางกลับกันกำลังซื้อในตลาดกลับถดถอยลงไปเรื่อยๆ
คุณหญิงศศิมาเองก็เริ่มมั่นใจว่าหากเหตุ การณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปการคืนเงินต้นในอัตราดอกเบี้ยสูงขนาดนั้นให้กับเจ้าหนี้มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
ดังนั้นจึงเริ่มนัดหมายบรรดานายธนาคารเจ้าหนี้ คราวนี้ไม่ใช่เป็นการขอกู้เพิ่มหรือขอชำระเงินต้น
แต่เป็นการเข้าพบเพื่อ เจรจาขอลดดอกเบี้ยและยืดเวลาคืนเงิน แน่นอนไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักที่อยู่ๆ
เจ้าหนี้จะยอมลดดอกเบี้ยให้ ถึงแม้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีมานานก็ตาม เพราะตอนนั้นบรรดานายแบงก์เองก็ยังมองไม่เห็นภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
ในเวลาดังกล่าวนั้นบริษัทแผ่นดินทองฯกำลังใช้เงินเป็นจำนวนมากเพราะกำลังก่อสร้างโครงการตึกสูงย่าน
ใจกลางเมืองพร้อมๆ กันถึง 4 โครงการ คือ โกลด์ไพน์การ์เด้นในซอยหลังสวน,
ประตูทองพลาซ่าตรงประตูน้ำ, ตึก พีระยาทาวเวอร์บนถนนสาธร และยังมีโกลด์ไพน์สวีทที่ซอยต้นสนอีกด้วย
จากการสำรวจของ "ผู้จัดการรายเดือน" ยืนยันได้ว่าแผ่นดินทองฯ เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินรายเดียวในเมือง
ไทยที่มีภาระก่อสร้างตึกสูงพร้อมๆ กันมากที่สุดในช่วงนั้น ในขณะที่รายใหญ่อื่นๆ
กำลังชะลอตัว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าแผ่นดินทองฯเป็นบริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์มาได้ประมาณ
2 ปีกว่า จำเป็นต้องมีผลงานและกำไร อย่างต่อเนื่องและล้วนแต่เป็นโครงการที่วางแผนไว้ก่อนเข้าตลาดฯ
ทั้งหมด เป็นสำนักงานและที่อยู่อาศัยราคาแพงซึ่งเป็น Niche Market ที่คุณหญิงและทีมงานเคยมั่นใจมากว่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเลย
หากไม่มาเจอกับเหตุวิกฤติกับระบบการเงินของประเทศที่เริ่มชะลอสินเชื่อมาตั้งแต่ปี
2537 จนกระทั่งปิดสถาบันการเงินเมื่อปี 2540
เรียกว่าถ้าเป็นเครื่องบินก็ไม่ทันเทกออฟ หัวก็โหม่งพื้นอย่างแรงเสียก่อนแล้ว
พร้อมๆ กับการเจรจาขอลดดอกเบี้ย ในส่วนของบริษัทเองคุณหญิงก็พยายามลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดคน
ลดเงินเดือน รวมทั้งจำเป็นต้องตัดบางโครงการขายออกไปในราคาที่ถูกเพื่อ นำเงินมาลดหนี้และแก้ปัญหาสภาพคล่องในบริษัท
แต่การขายสินค้าในขณะที่ทุกคนต้องการขายก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนักเหมือนกัน
จนกระทั่งคุณหญิงมีโอกาสได้เจอ มร.แลนจี้ และจากการที่ได้พูดคุยกันหลายครั้งเข้า
แทนที่ มร.แลนจี้ จะซื้อเพียงโครงการเดียวกลับกลายเป็น ว่าสนใจที่จะร่วมทุนกันเลย
ทางคุณหญิงเองเมื่อแน่ใจว่ากลุ่ม มร.แลนจี้ มีความตั้งใจจริง และมีเม็ดเงินแน่นอน
ก็เลยตกลงกันว่าจะแบ่งงานกันทำโดยคุณหญิงทำหน้าที่เป็นแม่บ้านปัดกวาดให้สะอาดน่าที่จะเข้ามาพักอาศัย
คือพยายามทำทุกอย่างให้สินค้าของบริษัท น่าซื้อเก็บไว้ ส่วน มร.แลนจี้ ก็พยายาม
หาตลาดเพื่อจะขายสินค้าให้ราคาดีที่สุด
สำหรับเหตุผลที่ทาง มร.แลนจี้ตัดสินใจเข้าร่วมทุนนั้นไม่ได้หมายความ ว่าเขามองว่าหนี้ของแผ่นดินทองฯมีเพียง
เล็กน้อย เขาเองยอมรับว่าหนี้ทั้งหมดของบริษัทประมาณ 2-3 พันล้านบาทนั้น
เป็นก้อนใหญ่พอสมควร แต่เหตุผลของการเข้าร่วมทุนเป็นเพราะจำนวนเจ้าหนี้มีน้อย
มีเพียงแบงก์ใหญ่เพียง 6 แบงก์ และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ อีกเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ทำให้สามารถ ปรับโครงสร้างได้ง่ายมาก และที่สำคัญ ทางคุณหญิงศศิมาเองก็ไม่หวงอำนาจ
พร้อมที่จะเปิดทางในเรื่องการบริหารทันที ทำให้การทำงานง่ายขึ้น
สถาบันการเงินเจ้าหนี้หลักๆ ประกอบไปด้วยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้
แลนจี้พูดถึงเจ้าหนี้ว่า ธนาคาร กรุงเทพให้โอกาสอย่างมาก ยอมลูกหนี้ หลายอย่าง
อาจเป็นเพราะถ้าเทียบกับพอร์ตทั้งหมดแล้ว หนี้ของแผ่นดินทองฯไม่ได้สูงมากมายอะไรนัก
ส่วน ทางธนาคารไทยพาณิชย์นั้นมีการทำธุรกิจที่แอกทีฟที่สุด และทางแบงก์เอง
ก็มองว่าหากลูกหนี้รายนี้ปรับโครงสร้าง ได้สำเร็จ ก็เท่ากับว่าทางแบงก์ได้รักษา
ฐานลูกหนี้รายใหญ่ไว้ได้เช่นกัน ส่วนบงล.ทิสโก้นั้นแลนจี้ยอมรับว่าเป็นเจ้าหนี้ที่ละเอียดมากดูเอกสารทุกฉบับ
ดูทุกเงื่อนไข และรอบคอบมากที่สุด
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการตัดสินใจร่วมทุนก็คือ คุณหญิงได้จัดการให้มีโครงการภายใต้การบริหารของผู้ร่วมทุนรายใหม่เหลือเพียง
4 โครงการ เท่านั้นคือโครงการโกลเด้น พาวิลเลี่ยน ในซอยมหาดเล็กหลวง เป็นอาคารสำนักงานสูง
8 ชั้น ประมาณ 24,000 ตารางเมตร โครงการนี้เดิมเป็น ของ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
ที่คุณหญิง ซื้อต่อมาเพื่อบริหารการเช่าเอง ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่จะเร่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี
2537 ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างให้เช่าประมาณ 1,200 ตารางเมตร ราคาค่าเช่าเพียงตารางเมตรละ
350 บาท สัญญา เช่า 1-3 ปี
เช่นเดียวกับโครงการอินชเคป บนถนนรามคำแหงที่ซื้อไว้เป็นทรัพย์สินเช่นกัน
และเข้าไปบริหารการเช่าเองขณะนี้ยังมีพื้นที่เหลืออยู่จำนวนมาก
โครงการที่ 3 คือ โครงการ วอยาจ พาโนรามา บนถนนมิตรภาพ จังหวัดนครราชสีมา
เป็นโครงการในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ถึง 2 พันกว่าไร่ ซึ่งบางส่วนอาจจะตัดขายใช้หนี้ใช้สินไปบ้างแล้ว
ภายในโครงการประกอบ ไปด้วย สนามกอล์ฟ คลับเฮ้าส์ บ้านเดี่ยว คอนโดที่พักอาศัย
และ ที่ดินจัดสรร งานการก่อสร้างทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์มาหลายปีแล้ว
ทั้ง 3 โครงการดังกล่าวนั้นอาจจะไม่น่ามีปัญหามากนัก เพราะเป็นโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วหนักอยู่ที่บริหารงานการขายอย่างเดียว
แต่โครง การที่เป็นตัวดูดเงินอย่างมากคือตัวสุดท้ายคือ พีระยาทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่
4 ไร่กว่า บนถนนสาธรใต้เป็น อาคารสำนักงานให้เช่าสูง 32 ชั้นมีพื้นที่ให้ขายถึง
38,500 ตารางเมตร งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 1,400 บาท
ที่ว่าเป็นตัวดูดเงินเพราะนอกจากเป็นตึกที่ใช้เม็ดเงินสูงในการก่อสร้างแล้ว
คาดว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ในการขายเพราะนอกจากบรรยากาศการลงทุนซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะดีขึ้นแล้ว
บนถนนสาธรยังมีพื้นที่ของสำนักงานที่กำลังเร่งการขายอย่างหนักหน่วงจำนวนมาก
และล้วนแล้วแต่เป็นโครง การของผู้ที่มีคอนเน็กชั่นสูงๆ กันทั้งนั้น เช่น
โครงการสาธรซิตี้ ของชาลี โสภณพนิช ลูกชายของชาตรี-เจ้าหนี้รายใหญ่ของแผ่นดินทองฯเอง
และยัง มีโครงการเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ของเสี่ยน้ำเมาชื่อดังกระฉ่อนเมือง เจริญ
สิริ-วัฒนภักดี โครงการการคิวเฮ้าส์ สาธร ของเสี่ยอนันต์ อัศวโภคิน และอีกหลายๆ
โครงการ รวมทั้งโครงการใหญ่ ยักษ์ของ ราศรี บัวเลิศ บนถนนสีลม ทางด้านโครงการที่เป็นตัวปัญหา
ของแผ่นดินทองฯและการก่อสร้างกำลังค้างคา เช่น ประตูทองพลาซ่า บ้านฉางวิลเลจ
และโกลไพน์การ์เด้น นั้นคุณหญิงยืนยันว่า ได้ตัดไปให้ทางแบงก์เจ้าหนี้จัดการหมดแล้ว
แต่ยอม รับว่ามีหนี้จาก 3 โครงการนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท
คุณหญิงไม่ยอมอธิบายรายละเอียดว่า การตัดหนี้ 3 โครงการใหญ่ ไปให้แบงก์รับผิดชอบนั้นมีรายละเอียด
อย่างไร คงจะเป็นเพราะว่าแบงก์เองไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องยึดโครงการไป พร้อมกับทรัพย์สินที่ค้ำประกันเพื่อจะได้ไม่ทำให้เอ็นพีแอลของแบงก์เพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันทางคุณหญิงเองก็อาจจะตกลงกับทางแบงก์ว่าเมื่อได้เงินทุนก้อนใหม่เข้ามาก็อาจจะรับซื้อคืน
พร้อมดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยที่ตกลง กันใหม่ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ในวงการอสังหาริมทรัพย์
หลายรายก็ทำกันในวิธีการนี้
นอกเหนือไปจากปัญหาทางการ เงินที่เข้ามาซ้ำเติมโครงการแล้ว คุณหญิงศศิมาเองก็ใจกว้างพอที่จะยอมรับว่า
การบริหารที่ผ่านมายังผิดพลาด และไม่ได้มาตรฐาน และที่สำคัญบริษัท ไม่ได้มีเงินทองมากมายที่จะจ้างคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างๆ
เข้ามา และในขณะนั้นอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นธุรกิจที่หาคนมาทำด้วยยากมาก
"คนที่เก่งเขาก็ไม่มาร่วมงานกับเรา เขาก็ไปทำของเขาเอง เราก็พยายามทำของเราเต็มที่
โปร่งใส แต่อาจจะไม่ได้มาตรฐานสากลทั้งหมด ก็ยอมรับในเรื่องนี้นะ ตอนนั้นธนาคารเองก็ใจดีกับเรา
เราเองอาจจะเหลิงไปเหมือนเด็กๆ คนที่ยิ่งใหญ่มากก็ยิ่งเจ็บ มาก ไปกู้เงินต่างประเทศบ้าง
อะไรบ้าง มันไม่ได้วิเคราะห์ข่าวสารเท่าที่ควร เรา เลยเจ็บกันมาก ยิ่งบินสูงก็ยิ่งเจ็บมาก"
โชคดีที่เกิดวิกฤติทางการเงินเสียก่อน ทำให้ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรอีก หลายอย่างในเรื่องการเงิน
ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่แน่ว่าคุณหญิงจะใช้โอกาสนี้อย่างคนอื่นหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นอย่าง
นั้นแน่นอนวันนี้คุณหญิงเจ็บปวดเพิ่มขึ้นหลายเท่านัก
ดังนั้นในคราวนี้เมื่อมีผู้ร่วมทุนใหม่ มีโครงสร้างของโครงการใหม่ คุณหญิงก็ตอกย้ำความมั่นใจให้กับนักลงทุนด้วยการปรับโครงสร้างผู้บริหาร
ใหม่ ซึ่งหลักๆ ขณะนี้มีอยู่ 4 คนคือคุณหญิงเอง เป็นประธาน มร.แลนจี้ เป็นประธานกรรมการที่ปรึกษา
และที่สำคัญก็คือทางบริษัทได้ มร.จอห์น โรแกน เข้ามาเป็นประธานกรรมการบริหารฝ่ายการเงิน
มร.จอห์นมีประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาเป็นเวลา นานกว่า 14
ปี เคยเป็นกรรมการบริหาร โดยควบคุมดูแลด้านการเงิน กฎหมาย และพัฒนาธุรกิจของ
Swire Property Lmited, Hong Kong ซึ่งเป็นบริษัททางด้านพัฒนาที่ดินที่ใหญ่แห่งหนึ่งของฮ่องกงมีทุนจดทะเบียนถึง
2 แสน ล้านบาท
"ซึ่งถ้าได้มือขนาดนี้เข้ามาก็น่าจะเป็นหลักที่จะทำให้ระบบทางด้านการเงินของเราแน่นขึ้น
เพราะเราได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของเราแล้วว่า เราจะประมาทไม่ได้ เพราะบริษัทจะเป็นหรือตายนี่ก็ขึ้นอยู่กับระบบการเงิน
ถ้าเราไม่แน่นในเรื่องระบบการเงินก็จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก" คุณหญิงให้ความเห็น
ส่วนกรรมการท่านอื่นๆ นั้นอยู่ในระหว่างคัดเลือกที่จะต้องเข้ามาเสริมทีมมากขึ้น
ทีมงานที่แข็งแกร่งมีการบริหารที่อิงมาตรฐานสากลในเรื่องของความโปร่งใส จะสามารถดึงนักลงทุนเข้ามาในระยะเวลา
1-2 ปีนี้ได้ นี่เป็นเรื่องที่คุณหญิงคาดหวัง
รายได้ตัวใหม่ที่เข้ามาคุณหญิงศศิมาและทีมงานกำลังจับตามองไปยัง โครงการดีๆ
หลายโครงการที่ถูกนำออก มาขายในราคาถูกๆ ซึ่งมีการก่อสร้างเสร็จแล้ว หรือใกล้จะเสร็จ
เมื่อซื้อมาแล้วในราคาถูกก็สามารถพัฒนาต่อไปเพื่อขายทันที ด้วยวิธีการนี้จะทำให้บริษัทมีเงินไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วกว่า
การที่ไปลงมือพัฒนาเองตั้งแต่เริ่มก่อสร้างมากนัก ซึ่งทางมร.แลนจี้เอง ก็ยอมรับว่าขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ประมาณ
2-3 โครงการ เป็นโครงการใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งเขาจะถนัดในเรื่องการขายมากกว่าโครงการอื่นๆ
ในระยะต่อไปนั้นบทบาทของบริษัทแผ่นดินทองฯโฉมใหม่จะเปลี่ยน ไป อาจจะทำตัวเป็นโบรกเกอร์ซื้อมาขายไป
หรือการร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ โดยเข้าไปบริหารงานขายโดยไม่ต้องลงทุน หรือทำทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้เข้ามาอย่างรวดเร็วที่สุด
เพราะเม็ดเงิน จากการเพิ่มทุนก้อนแรก 2,800 ล้านบาทนั้นได้ถูกนำไปหักกลบลบหนี้รายเล็กๆ
ทันที 300 ล้านบาท ที่เหลืออีก 2,500 ล้านบาทก็มีหนี้ของเจ้าหนี้รายใหญ่ที่กำลังรอการชำระอยู่เช่นกัน
ถึงแม้จะเป็นหนี้ที่ได้รับการยืดระยะเวลาออกไป และทยอยจ่ายเป็นงวดๆ ได้ก็ตาม
ในขณะที่รายได้จาก 3 โครงการ ที่มีในมือนั้นไม่เพียงพอแน่นอน เพราะ ช่วงปีสองปีนี้ราคาค่าเช่าก็ยังถูกอยู่
ตัวพีระยาทาวเวอร์เองก็ยังต้องการเม็ดเงินไม่ขาดสาย
ดังนั้นความสำเร็จในการเพิ่มทุน ครั้งแรกนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
แผ่นดินทองฯก็ต้องเตรียมเพิ่มทุนใหม่ อีกหลายครั้งตามเป้าหมายที่วางไว้เพื่อให้การบริหารดำเนินไปอย่างคล่องตัว
และมีโอกาสเป็นบริษัทชั้นนำอย่างที่หวังไว้ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ผลงานของทีมงานใหม่นี้จะเป็นตัวตัดสินเช่นกัน
แต่ถ้ามองทางด้านคุณหญิงเองที่ยอมเปิดใจกว้าง ตัดสินใจอย่างรวด เร็วที่จะลดบทบาทตัวเอง
ลดสัดส่วนการถือครองหุ้น นับเป็นทางออกที่ฉลาดที่สุดที่จะทำให้ธุรกิจของกลุ่ม
ศรีวิกรม์เจ็บตัวน้อยที่สุด