ศศิมา ศรีวิกรม์ เอื้อมให้ถึงดาว


นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2542)



กลับสู่หน้าหลัก

การที่คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์สามารถดึงกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทแผ่นดินทองพร็อพ เพอร์ตี้ฯ ในช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเงินอย่างหนัก และสามารถประสบความสำเร็จในการเจรจาประนอมหนี้และเพิ่มทุนครั้งแรก นับว่าเป็นโชคดีอย่างมหาศาล เพราะมันทำให้บริษัทเริ่มมองเห็นอนาคต หลังจากที่มืดมนมาตลอดในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา แต่คุณหญิงกับทีมงานชุดใหม่ยังมีภาระที่หนักอึ้งที่ต้องรอวันสะสางต่อไป หนี้จำนวนมหาศาล กับภาวะการตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่แจ่มใสนั้นทำให้ประมาทไม่ได้แน่นอน!

คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ประธาน กรรมการบริษัทแผ่นดินทองพร็อพ เพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (มหาชน) ใช้ เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ปีในการเจรจา ประนอมหนี้และเพิ่มทุนของบริษัทฯ ให้ประสบผลสำเร็จ ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะความสามารถของคุณหญิงจริงๆ ในการโน้ม น้าวนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ให้เกิดความมั่นใจต่อตัวสินค้าในมือ จนตก ลงร่วมถือหุ้นในบริษัทแผ่นดินทองฯในช่วงเกิดวิกฤติทางการเงินของประเทศ ในตอนนี้ นับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ รายแรกที่ได้มือของนักลงทุนต่างชาติเข้ามากระชากให้พ้นปากเหวขณะที่กำลัง จะตกลงไปอยู่รอมร่อได้ทันเวลาพอดี

บริษัทแผ่นดินทองฯตัดสินใจเพิ่มทุนครั้งใหญ่อีกจำนวน 6.6 พันล้านบาท หรือจำนวน 660 ล้านหุ้นจาก ทุนจดทะเบียนเดิม 750 ล้านบาทรวม แล้วเป็น 7,350 ล้านบาท และได้ทำการ เพิ่มทุนครั้งแรกประสบผลสำเร็จไปแล้ว 259 ล้านหุ้นเป็นเงิน 2,830 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้เงินทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3,340,460,000 บาท บริษัทแผ่นดินทองฯจะวางแผนทยอยการเพิ่มทุนไปอีกหลายครั้งจนกว่าจะเต็มตามจำนวนที่วางไว้

ความสำเร็จในการเพิ่มทุนครั้งนี้ ทำให้บริษัทสามารถเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัทได้ ซึ่งส่งผลให้งบดุลของบริษัทหลังจากเสร็จสิ้นการประนอมหนี้ แสดงมูลค่าหุ้นทางบัญชีประมาณ 10 บาทต่อหุ้น

ผู้ถือหุ้นรายใหม่จะประกอบไปด้วยกลุ่มของมิสเตอร์เลียแค็ท สุลต่าน แดนจี้ นักลงทุนชาวแคนาดาจาก ฮ่องกง กองทุนสโลนบินสันจากประเทศ อังกฤษ กองทุนมอร์แกนสแตนเลย์กองทุนภายใต้การบริหารของนายโซรอส ซึ่งเป็นข่าวฮือฮามากว่าเป็นกองทุน ที่จะเข้ามาเทกโอเวอร์บริษัท แต่คุณหญิง ยืนยันหนักแน่นว่าเข้ามาถือหุ้นเพียง 5% เท่านั้น อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ยังเป็นฝ่ายไทย 53% ต่างประเทศ 47% โดยที่กลุ่มของคุณหญิงลดลงจากเดิม 20% เหลือเพียง 6-8% เท่านั้น

"เป็นเพราะบารมีของคุณหญิงจริงๆ ที่ทำให้เกิดวันนี้ขึ้น ท่านเก่งมาก ต่อสู้และต้องทำงานอย่างหนักตลอดมาเพื่อบริษัท" ม.ร.ว.อิทธินันท์ อาภากร ผู้เป็นทั้งเพื่อน และผู้ร่วมทุนเก่าแก่กล่าวกับ "ผู้จัดการรายเดือน"

นอกจากวิญญาณของนักต่อสู้ที่สิงอยู่ในร่างของหญิงแกร่งวัย 60 ปีที่ยังดูสดสวยและแข็งแรงอย่างมากคนนี้แล้ว จุดเด่นอย่างหนึ่งคือความพร้อมทางด้านการศึกษาระดับนักเรียนนอกที่มีสายตากว้างไกลในการมองธุรกิจ โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทุน ยอมรับแนวความคิดและการบริหารของกลุ่มนักลงทุนประเทศเพื่อนบ้านที่มีประสบ การณ์มาตลอด เช่น การลงทุนกับกลุ่ม K.Wah Properties จากฮ่องกง, กลุ่ม New World Development ฮ่องกง และบริษัทดีบีเอสแลนด์จากประเทศสิงคโปร์ และ 3 กลุ่มนี้ก็คือกลุ่ม ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ฯจนถึงปัจจุบัน

และจากสายสัมพันธ์ดังกล่าวนั่นเองคือที่มาซึ่งเชื่อมโยงไปยังนักลงทุนกลุ่มที่เข้ามาร่วมถือหุ้นใหม่

มร.เลียเค็ท สุลต่าน แดนจี้ ซึ่งเป็นนักลงทุนชาวแคนาดา ได้เดินทางเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนในเมืองไทย และกำลังสนใจโครงการหนึ่งของคุณหญิงที่บอกขาย มร.แลนจี้ รู้จักคุณหญิงผ่านมิสซิส คริสติน่า แลมยิมคิง กรรมการบริหารคนหนึ่งของแผ่นดินทองฯซึ่งมาจากกลุ่มนิวเวิลด์กรุ๊ป ในขณะเดียวกันมร.แลนจี้คนนี้ก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักลงทุนอีกหลายรายในยุโรปเช่นกัน

นอกจากสายสัมพันธ์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์แล้ว คุณหญิงและเฉลิมพันธ์ก็ยังได้ชักชวนผู้มีฝีมือมาร่วมทุนและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ มาร่วมทำธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มศรีวิกรม์

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2539 ซึ่งเป็นเวลาที่ภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจ กำลังเริ่มส่อสัญญาณอันตราย ดอกเบี้ย ของธนาคารพาณิชย์ได้เริ่มเพิ่มขึ้นสูงตลอดเวลา ในทางกลับกันกำลังซื้อในตลาดกลับถดถอยลงไปเรื่อยๆ คุณหญิงศศิมาเองก็เริ่มมั่นใจว่าหากเหตุ การณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปการคืนเงินต้นในอัตราดอกเบี้ยสูงขนาดนั้นให้กับเจ้าหนี้มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน ดังนั้นจึงเริ่มนัดหมายบรรดานายธนาคารเจ้าหนี้ คราวนี้ไม่ใช่เป็นการขอกู้เพิ่มหรือขอชำระเงินต้น แต่เป็นการเข้าพบเพื่อ เจรจาขอลดดอกเบี้ยและยืดเวลาคืนเงิน แน่นอนไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักที่อยู่ๆ เจ้าหนี้จะยอมลดดอกเบี้ยให้ ถึงแม้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีมานานก็ตาม เพราะตอนนั้นบรรดานายแบงก์เองก็ยังมองไม่เห็นภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

ในเวลาดังกล่าวนั้นบริษัทแผ่นดินทองฯกำลังใช้เงินเป็นจำนวนมากเพราะกำลังก่อสร้างโครงการตึกสูงย่าน ใจกลางเมืองพร้อมๆ กันถึง 4 โครงการ คือ โกลด์ไพน์การ์เด้นในซอยหลังสวน, ประตูทองพลาซ่าตรงประตูน้ำ, ตึก พีระยาทาวเวอร์บนถนนสาธร และยังมีโกลด์ไพน์สวีทที่ซอยต้นสนอีกด้วย

จากการสำรวจของ "ผู้จัดการรายเดือน" ยืนยันได้ว่าแผ่นดินทองฯ เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินรายเดียวในเมือง ไทยที่มีภาระก่อสร้างตึกสูงพร้อมๆ กันมากที่สุดในช่วงนั้น ในขณะที่รายใหญ่อื่นๆ กำลังชะลอตัว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าแผ่นดินทองฯเป็นบริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์มาได้ประมาณ 2 ปีกว่า จำเป็นต้องมีผลงานและกำไร อย่างต่อเนื่องและล้วนแต่เป็นโครงการที่วางแผนไว้ก่อนเข้าตลาดฯ ทั้งหมด เป็นสำนักงานและที่อยู่อาศัยราคาแพงซึ่งเป็น Niche Market ที่คุณหญิงและทีมงานเคยมั่นใจมากว่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเลย หากไม่มาเจอกับเหตุวิกฤติกับระบบการเงินของประเทศที่เริ่มชะลอสินเชื่อมาตั้งแต่ปี 2537 จนกระทั่งปิดสถาบันการเงินเมื่อปี 2540

เรียกว่าถ้าเป็นเครื่องบินก็ไม่ทันเทกออฟ หัวก็โหม่งพื้นอย่างแรงเสียก่อนแล้ว

พร้อมๆ กับการเจรจาขอลดดอกเบี้ย ในส่วนของบริษัทเองคุณหญิงก็พยายามลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดคน ลดเงินเดือน รวมทั้งจำเป็นต้องตัดบางโครงการขายออกไปในราคาที่ถูกเพื่อ นำเงินมาลดหนี้และแก้ปัญหาสภาพคล่องในบริษัท แต่การขายสินค้าในขณะที่ทุกคนต้องการขายก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนักเหมือนกัน

จนกระทั่งคุณหญิงมีโอกาสได้เจอ มร.แลนจี้ และจากการที่ได้พูดคุยกันหลายครั้งเข้า แทนที่ มร.แลนจี้ จะซื้อเพียงโครงการเดียวกลับกลายเป็น ว่าสนใจที่จะร่วมทุนกันเลย ทางคุณหญิงเองเมื่อแน่ใจว่ากลุ่ม มร.แลนจี้ มีความตั้งใจจริง และมีเม็ดเงินแน่นอน ก็เลยตกลงกันว่าจะแบ่งงานกันทำโดยคุณหญิงทำหน้าที่เป็นแม่บ้านปัดกวาดให้สะอาดน่าที่จะเข้ามาพักอาศัย คือพยายามทำทุกอย่างให้สินค้าของบริษัท น่าซื้อเก็บไว้ ส่วน มร.แลนจี้ ก็พยายาม หาตลาดเพื่อจะขายสินค้าให้ราคาดีที่สุด

สำหรับเหตุผลที่ทาง มร.แลนจี้ตัดสินใจเข้าร่วมทุนนั้นไม่ได้หมายความ ว่าเขามองว่าหนี้ของแผ่นดินทองฯมีเพียง เล็กน้อย เขาเองยอมรับว่าหนี้ทั้งหมดของบริษัทประมาณ 2-3 พันล้านบาทนั้น เป็นก้อนใหญ่พอสมควร แต่เหตุผลของการเข้าร่วมทุนเป็นเพราะจำนวนเจ้าหนี้มีน้อย มีเพียงแบงก์ใหญ่เพียง 6 แบงก์ และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ อีกเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ทำให้สามารถ ปรับโครงสร้างได้ง่ายมาก และที่สำคัญ ทางคุณหญิงศศิมาเองก็ไม่หวงอำนาจ พร้อมที่จะเปิดทางในเรื่องการบริหารทันที ทำให้การทำงานง่ายขึ้น

สถาบันการเงินเจ้าหนี้หลักๆ ประกอบไปด้วยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้

แลนจี้พูดถึงเจ้าหนี้ว่า ธนาคาร กรุงเทพให้โอกาสอย่างมาก ยอมลูกหนี้ หลายอย่าง อาจเป็นเพราะถ้าเทียบกับพอร์ตทั้งหมดแล้ว หนี้ของแผ่นดินทองฯไม่ได้สูงมากมายอะไรนัก ส่วน ทางธนาคารไทยพาณิชย์นั้นมีการทำธุรกิจที่แอกทีฟที่สุด และทางแบงก์เอง ก็มองว่าหากลูกหนี้รายนี้ปรับโครงสร้าง ได้สำเร็จ ก็เท่ากับว่าทางแบงก์ได้รักษา ฐานลูกหนี้รายใหญ่ไว้ได้เช่นกัน ส่วนบงล.ทิสโก้นั้นแลนจี้ยอมรับว่าเป็นเจ้าหนี้ที่ละเอียดมากดูเอกสารทุกฉบับ ดูทุกเงื่อนไข และรอบคอบมากที่สุด

ที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการตัดสินใจร่วมทุนก็คือ คุณหญิงได้จัดการให้มีโครงการภายใต้การบริหารของผู้ร่วมทุนรายใหม่เหลือเพียง 4 โครงการ เท่านั้นคือโครงการโกลเด้น พาวิลเลี่ยน ในซอยมหาดเล็กหลวง เป็นอาคารสำนักงานสูง 8 ชั้น ประมาณ 24,000 ตารางเมตร โครงการนี้เดิมเป็น ของ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ที่คุณหญิง ซื้อต่อมาเพื่อบริหารการเช่าเอง ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่จะเร่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2537 ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างให้เช่าประมาณ 1,200 ตารางเมตร ราคาค่าเช่าเพียงตารางเมตรละ 350 บาท สัญญา เช่า 1-3 ปี

เช่นเดียวกับโครงการอินชเคป บนถนนรามคำแหงที่ซื้อไว้เป็นทรัพย์สินเช่นกัน และเข้าไปบริหารการเช่าเองขณะนี้ยังมีพื้นที่เหลืออยู่จำนวนมาก

โครงการที่ 3 คือ โครงการ วอยาจ พาโนรามา บนถนนมิตรภาพ จังหวัดนครราชสีมา เป็นโครงการในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่ถึง 2 พันกว่าไร่ ซึ่งบางส่วนอาจจะตัดขายใช้หนี้ใช้สินไปบ้างแล้ว ภายในโครงการประกอบ ไปด้วย สนามกอล์ฟ คลับเฮ้าส์ บ้านเดี่ยว คอนโดที่พักอาศัย และ ที่ดินจัดสรร งานการก่อสร้างทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์มาหลายปีแล้ว

ทั้ง 3 โครงการดังกล่าวนั้นอาจจะไม่น่ามีปัญหามากนัก เพราะเป็นโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วหนักอยู่ที่บริหารงานการขายอย่างเดียว แต่โครง การที่เป็นตัวดูดเงินอย่างมากคือตัวสุดท้ายคือ พีระยาทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 4 ไร่กว่า บนถนนสาธรใต้เป็น อาคารสำนักงานให้เช่าสูง 32 ชั้นมีพื้นที่ให้ขายถึง 38,500 ตารางเมตร งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 1,400 บาท

ที่ว่าเป็นตัวดูดเงินเพราะนอกจากเป็นตึกที่ใช้เม็ดเงินสูงในการก่อสร้างแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ในการขายเพราะนอกจากบรรยากาศการลงทุนซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะดีขึ้นแล้ว บนถนนสาธรยังมีพื้นที่ของสำนักงานที่กำลังเร่งการขายอย่างหนักหน่วงจำนวนมาก และล้วนแล้วแต่เป็นโครง การของผู้ที่มีคอนเน็กชั่นสูงๆ กันทั้งนั้น เช่น โครงการสาธรซิตี้ ของชาลี โสภณพนิช ลูกชายของชาตรี-เจ้าหนี้รายใหญ่ของแผ่นดินทองฯเอง และยัง มีโครงการเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ของเสี่ยน้ำเมาชื่อดังกระฉ่อนเมือง เจริญ สิริ-วัฒนภักดี โครงการการคิวเฮ้าส์ สาธร ของเสี่ยอนันต์ อัศวโภคิน และอีกหลายๆ โครงการ รวมทั้งโครงการใหญ่ ยักษ์ของ ราศรี บัวเลิศ บนถนนสีลม ทางด้านโครงการที่เป็นตัวปัญหา ของแผ่นดินทองฯและการก่อสร้างกำลังค้างคา เช่น ประตูทองพลาซ่า บ้านฉางวิลเลจ และโกลไพน์การ์เด้น นั้นคุณหญิงยืนยันว่า ได้ตัดไปให้ทางแบงก์เจ้าหนี้จัดการหมดแล้ว แต่ยอม รับว่ามีหนี้จาก 3 โครงการนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท

คุณหญิงไม่ยอมอธิบายรายละเอียดว่า การตัดหนี้ 3 โครงการใหญ่ ไปให้แบงก์รับผิดชอบนั้นมีรายละเอียด อย่างไร คงจะเป็นเพราะว่าแบงก์เองไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องยึดโครงการไป พร้อมกับทรัพย์สินที่ค้ำประกันเพื่อจะได้ไม่ทำให้เอ็นพีแอลของแบงก์เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันทางคุณหญิงเองก็อาจจะตกลงกับทางแบงก์ว่าเมื่อได้เงินทุนก้อนใหม่เข้ามาก็อาจจะรับซื้อคืน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยที่ตกลง กันใหม่ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ หลายรายก็ทำกันในวิธีการนี้

นอกเหนือไปจากปัญหาทางการ เงินที่เข้ามาซ้ำเติมโครงการแล้ว คุณหญิงศศิมาเองก็ใจกว้างพอที่จะยอมรับว่า การบริหารที่ผ่านมายังผิดพลาด และไม่ได้มาตรฐาน และที่สำคัญบริษัท ไม่ได้มีเงินทองมากมายที่จะจ้างคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างๆ เข้ามา และในขณะนั้นอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นธุรกิจที่หาคนมาทำด้วยยากมาก

"คนที่เก่งเขาก็ไม่มาร่วมงานกับเรา เขาก็ไปทำของเขาเอง เราก็พยายามทำของเราเต็มที่ โปร่งใส แต่อาจจะไม่ได้มาตรฐานสากลทั้งหมด ก็ยอมรับในเรื่องนี้นะ ตอนนั้นธนาคารเองก็ใจดีกับเรา เราเองอาจจะเหลิงไปเหมือนเด็กๆ คนที่ยิ่งใหญ่มากก็ยิ่งเจ็บ มาก ไปกู้เงินต่างประเทศบ้าง อะไรบ้าง มันไม่ได้วิเคราะห์ข่าวสารเท่าที่ควร เรา เลยเจ็บกันมาก ยิ่งบินสูงก็ยิ่งเจ็บมาก"

โชคดีที่เกิดวิกฤติทางการเงินเสียก่อน ทำให้ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรอีก หลายอย่างในเรื่องการเงิน ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่แน่ว่าคุณหญิงจะใช้โอกาสนี้อย่างคนอื่นหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นอย่าง นั้นแน่นอนวันนี้คุณหญิงเจ็บปวดเพิ่มขึ้นหลายเท่านัก

ดังนั้นในคราวนี้เมื่อมีผู้ร่วมทุนใหม่ มีโครงสร้างของโครงการใหม่ คุณหญิงก็ตอกย้ำความมั่นใจให้กับนักลงทุนด้วยการปรับโครงสร้างผู้บริหาร ใหม่ ซึ่งหลักๆ ขณะนี้มีอยู่ 4 คนคือคุณหญิงเอง เป็นประธาน มร.แลนจี้ เป็นประธานกรรมการที่ปรึกษา และที่สำคัญก็คือทางบริษัทได้ มร.จอห์น โรแกน เข้ามาเป็นประธานกรรมการบริหารฝ่ายการเงิน

มร.จอห์นมีประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาเป็นเวลา นานกว่า 14 ปี เคยเป็นกรรมการบริหาร โดยควบคุมดูแลด้านการเงิน กฎหมาย และพัฒนาธุรกิจของ Swire Property Lmited, Hong Kong ซึ่งเป็นบริษัททางด้านพัฒนาที่ดินที่ใหญ่แห่งหนึ่งของฮ่องกงมีทุนจดทะเบียนถึง 2 แสน ล้านบาท

"ซึ่งถ้าได้มือขนาดนี้เข้ามาก็น่าจะเป็นหลักที่จะทำให้ระบบทางด้านการเงินของเราแน่นขึ้น เพราะเราได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของเราแล้วว่า เราจะประมาทไม่ได้ เพราะบริษัทจะเป็นหรือตายนี่ก็ขึ้นอยู่กับระบบการเงิน ถ้าเราไม่แน่นในเรื่องระบบการเงินก็จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก" คุณหญิงให้ความเห็น

ส่วนกรรมการท่านอื่นๆ นั้นอยู่ในระหว่างคัดเลือกที่จะต้องเข้ามาเสริมทีมมากขึ้น ทีมงานที่แข็งแกร่งมีการบริหารที่อิงมาตรฐานสากลในเรื่องของความโปร่งใส จะสามารถดึงนักลงทุนเข้ามาในระยะเวลา 1-2 ปีนี้ได้ นี่เป็นเรื่องที่คุณหญิงคาดหวัง

รายได้ตัวใหม่ที่เข้ามาคุณหญิงศศิมาและทีมงานกำลังจับตามองไปยัง โครงการดีๆ หลายโครงการที่ถูกนำออก มาขายในราคาถูกๆ ซึ่งมีการก่อสร้างเสร็จแล้ว หรือใกล้จะเสร็จ เมื่อซื้อมาแล้วในราคาถูกก็สามารถพัฒนาต่อไปเพื่อขายทันที ด้วยวิธีการนี้จะทำให้บริษัทมีเงินไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วกว่า การที่ไปลงมือพัฒนาเองตั้งแต่เริ่มก่อสร้างมากนัก ซึ่งทางมร.แลนจี้เอง ก็ยอมรับว่าขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ประมาณ 2-3 โครงการ เป็นโครงการใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งเขาจะถนัดในเรื่องการขายมากกว่าโครงการอื่นๆ

ในระยะต่อไปนั้นบทบาทของบริษัทแผ่นดินทองฯโฉมใหม่จะเปลี่ยน ไป อาจจะทำตัวเป็นโบรกเกอร์ซื้อมาขายไป หรือการร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ โดยเข้าไปบริหารงานขายโดยไม่ต้องลงทุน หรือทำทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้เข้ามาอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะเม็ดเงิน จากการเพิ่มทุนก้อนแรก 2,800 ล้านบาทนั้นได้ถูกนำไปหักกลบลบหนี้รายเล็กๆ ทันที 300 ล้านบาท ที่เหลืออีก 2,500 ล้านบาทก็มีหนี้ของเจ้าหนี้รายใหญ่ที่กำลังรอการชำระอยู่เช่นกัน ถึงแม้จะเป็นหนี้ที่ได้รับการยืดระยะเวลาออกไป และทยอยจ่ายเป็นงวดๆ ได้ก็ตาม ในขณะที่รายได้จาก 3 โครงการ ที่มีในมือนั้นไม่เพียงพอแน่นอน เพราะ ช่วงปีสองปีนี้ราคาค่าเช่าก็ยังถูกอยู่ ตัวพีระยาทาวเวอร์เองก็ยังต้องการเม็ดเงินไม่ขาดสาย

ดังนั้นความสำเร็จในการเพิ่มทุน ครั้งแรกนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แผ่นดินทองฯก็ต้องเตรียมเพิ่มทุนใหม่ อีกหลายครั้งตามเป้าหมายที่วางไว้เพื่อให้การบริหารดำเนินไปอย่างคล่องตัว และมีโอกาสเป็นบริษัทชั้นนำอย่างที่หวังไว้ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ผลงานของทีมงานใหม่นี้จะเป็นตัวตัดสินเช่นกัน

แต่ถ้ามองทางด้านคุณหญิงเองที่ยอมเปิดใจกว้าง ตัดสินใจอย่างรวด เร็วที่จะลดบทบาทตัวเอง ลดสัดส่วนการถือครองหุ้น นับเป็นทางออกที่ฉลาดที่สุดที่จะทำให้ธุรกิจของกลุ่ม ศรีวิกรม์เจ็บตัวน้อยที่สุด



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.