คืนที่ฝันร้ายของวิชัย กฤษดาธานนท์


นิตยสารผู้จัดการ( พฤษภาคม 2542)



กลับสู่หน้าหลัก

วิชัย กฤษดาธานนท์ คงเป็นนัก ธุรกิจผู้ที่ประสบกับฝันร้ายมาตลอดระยะเวลา 6-7 ปีที่ผ่านมาอีกรายหนึ่ง ล่าสุดในเดือนมีนาคม 2542 เมื่อทางตลาดหลักทรัพย์ ได้แจ้งว่า กฤษดามหานคร จำกัด(มหาชน) เป็น บริษัทพัฒนาที่ดิน 1 ใน 3 บริษัทที่เข้าข่ายอาจจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ต้องเสนอแผนฟื้น ฟูให้ตลาดฯโดยเร็ว เช่นเดียวกับอีก 2 บริษัทคือไรมอนแลนด์ และบริษัท แนเชอรัลพาร์ค

ในปี 2540 กฤษดาฯ ยังสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท แต่พอมาในปี 2541 ทำราย ได้จากการขายได้เพียง 170 กว่าล้าน บาทเท่านั้น ส่งผลให้ประสบกับภาวะ ขาดทุนถึง 2,051 ล้านบาท

จะว่าไปแล้ว ที่จริงวิชัยเริ่มจะนอนไม่หลับติดต่อมาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 22 เมษายน 2536 เมื่อเอก-กมล คีรีวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรม การกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ในเวลานั้น ได้ออกมาแถลงข่าว สงสัยพฤติกรรมของวิชัยว่าเป็นผู้ที่ทำการปั่นหุ้นสร้างราคาของกฤษดา มหานคร

เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้วิชัย ประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการของบริษัท โดยปล่อยให้บทบาทการบริหารตกอยู่กับ ธเนศวร์ สิงคาลวณิช ผู้เป็นรองกรรมการผู้จัดการนับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีขุนพลเก่าแก่คือพิภพ บุศราคัมวดี และโกศล กลมกล่อม เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ต่อมาประมาณกลางปี 2541 ผู้ดูแลด้านการตลาดมือฉมังคือ พิภพนั้นได้ลาออกไป

อย่างไรก็ตามเป็นที่รู้กันว่าวิชัยเองยังไม่ได้หนีหายไปไหน เพียงแต่ยิ่งทำตัวเงียบลงกว่าที่ผ่านมาเท่านั้น

หลังจากฝันร้ายคืนนั้น วิชัยก็ยังเจอศึกหนักอย่างไม่คาดคิดมาอย่างหนักหน่วงต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางปี 2540 วันที่รัฐบาลสั่งปิดบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไอทีเอฟ ซึ่งวิชัยได้ไปเทกโอเวอร์มาจากจากกองทุนฟื้นฟูฯ เมื่อปี 2535 และสามารถทำให้มันมีภาพที่เติบโตขึ้นกลายเป็นแหล่งเงินก้อนใหญ่ ในการดึงออกมาสูบฉีดโครงการพัฒนาที่ดินต่างๆ มาตลอด

เท่านั้นยังไม่พอ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ซิทก้า และ บริษัทมหานครทรัสต์ ซึ่งกฤษดานครเข้าไปถือหุ้น และเป็นสายป่านทางการเงินอีก 2 บริษัทก็ถูกสั่งปิดไปพร้อมๆ กันเมื่อเดือนสิงหาคม 2540

คราวนี้ไม่ใช่วิชัยฝันร้ายคนเดียว แต่รวมไปถึงพนักงานและผู้ถือหุ้นอีกหลายพันคน ที่พลอยกระสับกระส่ายไปด้วย

จะว่าไปแล้วก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องสถาบันการเงิน กฤษดาฯ เองก็ตกอยู่ในฐานะเสือลำบากตัวหนึ่งอยู่แล้วเพราะในประมาณปี 2538-2539 นั้น ภาวะการขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการบ้านราคาแพงซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของบริษัทนั้นเริ่มขายได้ยากขึ้น ทีมงานต้องเฟ้นหากลยุทธ์การขายต่างๆ ทยอยออกมาใช้ฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วง เช่น การลดราคา เพิ่มระยะเวลา การดาวน์ และเมื่อมีปัญหาเรื่องปิดสถาบันการเงินประดังเข้า
มาในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2540 นั้นกฤษดาฯ ก็ยิ่งยอมลดราคาลงมาถึง 35% หลังจากนั้นก็มีมหกรรมลดราคาอย่าง ต่อเนื่องจนกระทั่งยอมลดลงถึง 50% ในโครงการธานนท์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับซึ่งเป็นบ้านหรูหราราคาแพงติดสนามกอล์ฟ

เรียกว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อลดภาระหนี้สิน และเพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนเข้ามาในบริษัท พร้อมๆ กับการลดพนักงาน และลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการบริหาร

ในปี 2541 นั้นแม้จะพยายามทำทุกอย่างแล้วเพื่อให้โครงการขายได้ สถานการณ์ต่างๆ ของบริษัทก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะภาวะการเงินที่ตกต่ำอย่างรุนแรงรวมทั้งปัญหาคนตกงานทำให้โครงการยิ่งขายยากขึ้นๆ ทุกวัน อีกทั้งยังมีบ้านอีกจำนวนมากที่ครบกำหนดโอนแต่ลูกค้าก็ไม่ยอมมาโอน

วิชัยมีเงินกู้ระยะยาวที่ต้องชำระในปี 2540-2543 ถึง 7 พันกว่าล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินกู้ยืมต่างประเทศจำนวน 78.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งครบกำหนดชำระคืนทั้งสิ้นภายใน
ปี 2543

ดังนั้นสิ่งที่วิชัยทำได้อย่างเดียวขณะนี้ก็คือพยายามประนอมหนี้ จัดโครงสร้างและเงื่อนไขการกู้ยืมใหม่ รวมทั้งขอผ่อนผันเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่ผิดนัดชำระพร้อมๆ กับการโหมลดราคาสินค้าที่ยังคงเหลืออย่างหนัก

วันนี้วิชัยประกาศลดราคาให้สำหรับผู้ซื้อเงินสดถึง 60% ในโครงการบ้านหลุดดาวน์ที่โครงการ กฤษดาไพรเวทเลค แอนด์พาร์ค โครงการกฤษดามารีน่า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงการของมหาเศรษฐี ที่ไม่มีเงินมาโอน ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ถึง 25 ล้านบาท ส่วนลดพิเศษ เริ่มตั้งแต่ 3 ล้านบาท -11 ล้านบาท โดย เฉพาะโครงการกฤษดาซิตี้กอล์ฟฮิลล์ หรือโครงการกฤษดานคร 16 บนถนนปิ่นเกล้านครชัยศรีนั้น เป็นโครง การของอภิมหาเศรษฐีโดยเฉพาะราคา 6 ล้านขึ้นไปถึง 65 ล้านบาท เช่นบ้าน เกศกานดาพื้นที่ 381 ตารางวา ราคา 65 ล้านบาท ก็จะได้ส่วนลดทันที 39 ล้านบาท เหลือเพียง 26 ล้านบาท เท่านั้น

รวมทั้งโครงการกฤษดาคอนโดเทล คอนโดตากอากาศ ที่กำลังโหมลดราคาอย่างหนักเช่นกัน วิชัยเองยังหวังว่า ชื่อเสียงและประสบ การณ์ต่างๆ ที่เขาสร้างสมมาเกือบ 3 ทศวรรษนั้นคงสามารถดึงให้คนมีเงินที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยจริงตัดสินใจซื้อเสียที เม็ดเงินที่เข้ามาอาจจะทำให้เขาฝันดีได้บ้าง เพราะถ้าหากรอให้เศรษฐกิจดีขึ้น ก็คงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่คงนานนักไม่ได้เพราะวันนี้ก็เท่ากับเขายืนอยู่บนชะง่อนผาที่สูงชันเต็มทีแล้ว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.