วิทิต ลีนุตพงษ์ เปิดใจ


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2542)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังจากมีการเซ็นสัญญา CKD เพื่อผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ค่ายโฟล์กสวาเก้น รุ่นพัสสาทใหม่ และ เอาดี้ A6 ระหว่างยนตรกิจกับโฟล์กสวาเก้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ประเด็นที่ได้รับ ความสนใจมากที่สุดคือ "บริษัทแม่จะเข้ามาลงทุนเองอีกหรือไม่ในอนาคต" หรือ "จะมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยดังกรณีของบีเอ็มดับเบิลยูหรือไม่" ซึ่งผู้บริหารของยนตรกิจกรุ๊ปส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ ตกเป็นหน้าที่ของวิทิต ลีนุตพงษ์ คีย์แมนคนสำคัญของยนตรกิจฯที่จำต้องเป็นผู้ตอบคำถามนี้ "การทำธุรกิจรถยนต์ ขึ้นอยู่กับทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนในระยะยาว ไม่ใช่ลูกค้าซื้อไปวันนี้ อีก 4-5 ปีบริษัทที่ขายเจ๊งไป บริษัทแม่เขา ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ และผู้นำเข้าในท้องถิ่นอย่างเราก็ต้องอยู่ในสถานะที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อจะเป็น การสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าได้ ผม กล้าพูดได้ว่ายนตรกิจ กรุ๊ป มีความแข็ง แกร่งทางการเงินที่จะลงทุนเองได้ ซึ่งบริษัทแม่ได้พิจารณาแล้ว เขาถึงไว้ใจเรา และไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาลงทุนเองทั้งหมด" นั่นคือคำตอบ ที่เป็น ความมั่นใจของกลุ่มลีนุตพงษ์ หลังจาก ที่สูญเสียการบริหารและการทำตลาดรถบีเอ็มดับเบิลยูให้บริษัทแม่มาดูแลเอง

"สิ่งที่เราพยายามบอกคือธรรม ชาติของการทำธุรกิจรถยนต์จะต้องดูแล ความต่อเนื่องของลูกค้า ถ้าบริษัทท้องถิ่นที่ทำธุรกิจนี้ไม่ถึงขั้นล้มพับไปบริษัท แม่ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาลงทุน เองเพราะในแง่ของการทำการตลาดและการขายบริษัทท้องถิ่นทำได้ดีกว่าอยู่แล้ว และผมไม่กลัวหรอกว่าการ เป็นเพียงดิสทริบิวเตอร์ท้องถิ่นจะไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทแม่ที่เข้ามาลงทุนเองได้" เป็นคำตอบจากวิทิตที่อธิบายได้แจ่มแจ้ง ถึงจุดยืนของยนตรกิจกรุ๊ปในวันนี้ว่าไม่ต้องการ "เฉือนหุ้น" ให้บริษัทแม่ที่เป็นคู่ค้า และจากข้อชี้แจงดังกล่าวได้สร้างรอยร้าวระหว่างยนตรกิจฯ กับบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเขาเองยอมรับว่า มุมมองของแต่ละบริษัท ไม่เหมือนกันสามารถมองได้ทั้งทางลบและทางบวก พร้อมกันนั้นเขายังชี้แจง ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ยนตรกิจ กรุ๊ป กับบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมกับสัญญาธุรกิจที่ยังคงทำร่วมกันอย่างน้อยก็ยาวไปถึง 5 ปีข้างหน้าตามอายุของรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยูซี่รี่ส 5 ที่จะผลิตประมาณ 2,000 คันต่อปีว่า

"เรากับบีเอ็มฯ ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน เรากับเขาก็ยังคบกันอยู่ดี เพียงแต่ view point อาจจะไม่ตรงกันเขาอยากจะทำเองผมก็ให้เขาลองเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาผิดหรือเราถูก เราก็ยังร่วมมือกับเขาและพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีไว้ และยนตรกิจ กรุ๊ป เองก็มีการปรับโครงสร้างการบริหารธุรกิจเป็นกลุ่มๆ เนื่องจากครอบครัวผมใหญ่ ฉะนั้นจะมีบางกลุ่มของครอบครัวร่วมงานกับบีเอ็มฯ ต่อไป บางกลุ่มทำในส่วนของโฟล์ก-เอาดี้ บางกลุ่มทำในส่วนของ CFA เป็นต้น และในส่วนของโรงงาน เรายังมีสัญญาผลิตให้บีเอ็มอยู่ในส่วนของซีรี่ส์ 5 จนครบอายุ และซีรี่ส 3 ใหม่ ที่เรามีการแยก line การผลิตกันชัด เจน" เป็นคำชี้แจงของวิทิตเรื่องความ สัมพันธ์ระหว่างยนตรกิจ กรุ๊ป และบีเอ็มดับเบิลยู

สำหรับการลงทุนจำนวน 10 ล้าน ดอยช์มาร์ก หรือประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงโรงงานในส่วนของการประกอบรถยนต์ โดย 80% ของเงินลงทุนเป็นการลงทุนในเรื่องของการ ประกอบตัวถังด้วยเทคโนโลยีใหม่สำหรับ การเชื่อมตัวถังรถยนต์ด้วยแสงเลเซอร์ (Laser Beam Welding) และคอม พิว-เตอร์ในการสร้าง Jig เพื่อประกอบรถยนต์ส่วนอีก 10% ของการลงทุนนำไป ใช้ในส่วนของการพ่นสีตัวถังรถยนต์ (Paint Shop) และส่วนที่เหลือนำไปใช้ในการ Modify Line การประกอบที่แตกต่างจากรถรุ่นอื่นที่โรงงานผลิตอยู่ เงินลงทุน 200 ล้านบาท นับเป็นเป็นเม็ดเงินค่อนข้างมากที่ยนตรกิจฯ ลงทุนในภาวะเช่นนี้ แต่วิทิตถือว่าเป็นการลงทุน เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของตลาดรถยนต์ที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น

"ในเมื่อทุกคนมี CKD เราต้อง มีบ้างเพื่อจะแข่งขันกับเขาได้ดังสำนวน ที่ว่า "When you are in Rome, do as the Romans do." หรือ "เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" เป็นเหตุผลที่วิทิตยกสำนวนมาอธิบายให้เข้าใจถึงการปฏิบัติตัวตามกระแสของ "ยนตร-กิจ กรุ๊ป" ธุรกิจของกลุ่มตระกูล "ลีนุต พงษ์" ที่ยังคงเป็นกลุ่มตระกูลธุรกิจยานยนต์รายเดียวที่คงความเป็นผู้ถือครองหุ้นส่วนใหญ่ไว้ได้ โดยปราศจากการเข้ามายึดครองหุ้นของต่างชาติ แต่ กระนั้นเราต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากไม่มีมิตรแท้และ ศัตรูที่ถาวรในวงการธุรกิจ วันหนึ่งข้างหน้าหากยนตรกิจฯได้รับข้อเสนอเงื่อนไขชนิดที่ปฏิเสธไม่ได้ ยนตรกิจฯ คงจะฝืนกระแส แห่งความเป็นจริงไปไม่ได้

"ผู้จัดการ" ฉบับที่186 เมษายน 2542 ได้เสนอเรื่องราวบีเอ็มดับเบิลยู เอจี ที่มีโอกาสสัมภาษณ์มร.เยซุส คอร์ โดบา ประธานบริษัท บายเยอริชเช่อ โมโทเรน แวคร์เคอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินการธุรกิจรถยนต์ BMW ในประเทศไทยถึงนโยบายการทำงานและทิศทางเป้าหมายของบริษัทฯ โดยเยซุสยังคงยืนยันความสัมพันธ์อันดีกับยนตรกิจ กรุ๊ปซึ่งนั่นคือมุมมองของฝรั่ง ที่เข้ามาฮุบกิจการจากผู้นำเข้าไทย"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.