"When in Thailand, do as the Thais do."


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2542)



กลับสู่หน้าหลัก

"เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าจะมีการเติบโตต่อไปอย่าง มั่นคงในภูมิภาคนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการในเรื่องของเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตาให้เรียบร้อย

ซึ่งผมหวังว่า รัฐบาลไทยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จลุล่วงได้ในอนาคตอันใกล้นี้ พิธีวางศิลาฤกษ์หรือ "พิธีวางหิน" "Stone laying ceremony" โรงงานผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู หรือ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2542 ซึ่งพิธีในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นการทำ งานของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีอย่างต่อเนื่อง และเป็นการยืนยันว่า การก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ได้เริ่มขึ้นแล้ว และภาพที่เห็นในวันนั้น คือ ฝรั่งหัวแดงกับพิธีโบราณของไทยช่างเป็นภาพที่แปลกตายิ่ง เนื่องจากโรงงานนี้ถือว่าเป็นโรงงานต่างด้าวที่มีชาวต่างชาติถือหุ้น 100% จึงไม่จำ เป็นต้องทำพิธีดังกล่าวก็ได้ แต่เพื่อเป็น การให้เกียรติแก่เจ้าของบ้าน จึงได้ปฏิบัติตามประเพณีดั้งเดิม ที่คนไทยปฏิบัติต่อเนื่องมาช้านาน

พิธีเริ่มประมาณ 11.00 น. แตกต่างจากคนไทยที่ส่วนใหญ่จะทำพิธีกันตั้งแต่เช้าตรู่ อาจเป็นเพราะให้เวลากับบรรดาผู้บริหารของบีเอ็มฯที่เพิ่งเดิน ทางมาถึงประเทศไทยในกลางดึกของคืนก่อนงานเท่านั้น ระหว่างที่พราหมณ์ ผู้นำทำพิธีเริ่มบทสวดอัญเชิญเทวดา แขกผู้มาร่วมงานทั้งฝรั่งทั้งไทยต่างพยายามทำใจให้สงบเพื่อเพิ่มความขลังให้แก่พิธี

"ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษกับงาน พิธีในวันนี้ เพราะนอกจากจะเป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางมาประเทศไทยในฐานะของกรรมการบริหารบีเอ็มดับเบิลยู เอจีแล้ว โรงงานแห่งนี้ยังเป็นโรงงานแห่งแรก ของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กลุ่มบริษัทบีเอ็มดับเบิลยูถือหุ้นเต็ม 100% นอกจากนั้น การก่อตั้งโรงงานบีเอ็มดับ เบิลยูในประเทศไทยยังถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์และแผนการทางธุรกิจ ของเราที่มีต่อภูมิภาคนี้ในอนาคต อีกด้วย" เป็นคำกล่าวของดร.ฮอยส์ เทลส์ เช็ค กรรมการบริหารบีเอ็มดับเบิลยู เอจี ฝ่ายเศรษฐกิจและกิจการรัฐบาล ที่คาดหวังว่าประเทศไทย จะเป็นฐานการ ผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังภูมิภาคนี้ พร้อมกันนั้น ดร.เทลส์เช็คได้กล่าวฝากต่อไปยังรัฐบาลไทยอีกด้วยว่า

"ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศแรกที่ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ซึ่งเห็นได้ชัดจากตัวเลขจีดีพีที่ดีกว่าที่คาด การณ์ไว้ และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าจะมีการเติบโตต่อไปอย่างมั่นคงในภูมิภาค นี้ จำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการในเรื่องของเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตาให้เรียบร้อย ซึ่งผมหวังว่า รัฐบาลไทยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จลุล่วงได้ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่กลุ่มบีเอ็มดับเบิลยู จะบรรลุเป้าหมายทางการส่งออกในภูมิภาคนี้ ดังเป้าหมายที่วางไว้"

นับตั้งแต่มีการเซ็นสัญญาเข้ามาลงทุนในประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยูมี เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจนและมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง เป็นรูปธรรมมาตลอด ในขณะ ที่บริษัท เดมเลอร์-ไครสเลอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประกาศตัวเข้ามาดำเนิน ธุรกิจในเมืองไทยเอง แต่จนวันนี้เรายัง ไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เลย

(โปรดอ่าน "ผู้จัดการ" ฉบับที่ 186 มีนาคม 2542 โดยมีเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่มีแนวโน้มที่จะควบรวมกิจการกัน ไปจนถึงสองบริษัทยักษ์ใหญ่ค่ายยุโรปคือ บีเอ็มดับเบิลยู เอจี และเดมเลอร์-ไครสเลอร์ที่เข้ามาฮุบกิจการในเมืองไทย เองชนิดเต็ม 100% ประกอบด้วย)



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.