ศุภาลัย ป่าสัก ที่พักใจของประทีป ตั้งมติธรรม


นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2542)



กลับสู่หน้าหลัก

จากกรุงเทพมหานคร ตรงไปบนถนนพหลโยธินบ่ายหน้าไปยังอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีด้วยระยะทางประมาณ 124 กิโลเมตรก็ถึงโรงแรม "ศุภาลัย ป่าสัก รีสอร์ท" ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งของบริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหารของบริษัทศุภาลัย บุกป่าฝ่าดงมาพัฒนาพื้นที่ดินแห่งน ี้ตั้งแต่ประมาณปี 2531 ตลอดระยะเวลาประมาณ 6 ปีตั้งแต่เปิดดำเนินการมา นับว่าเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ต้องเจอกับมรสุมหลายระลอก โดยเฉพาะช่วงเกิดวิกฤตยุคไอเอ็มเอฟใหม่ๆ แต่ในที่สุดก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตและมีแนวโน้มจะทำกำไรได้เป็นปีแรกด้วยซ้ำไป

ประทีป เป็นคนที่รักการเดินทางท่องเที่ยวและชอบบรรยากาศของธรรมชาติอย่างมาก ดังนั้นท่ามกลางความรกเรื้อของป่า ความธุรกันดารของการคมนาคมที่ในเวลานั้นยังไม่มีถนน หน้าโครงการเป็นเพียงถนนลูกรังสีแดงที่มีฝุ่นคลุ้งไปทั่วพาดผ่าน ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง น้ำยังไม่มีใช้ แต่เขาก็อุตส่าห์มองลึกลงไปเห็นถึงความสวยงามของที่ดินผืนนี้ที่มีภูเขาและมีแม่น้ำป่าสักล้อมรอบ เป็นรูปเกือกม้า ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และที่สำคัญใกล้กรุงเทพฯ มากกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นที่เขาใหญ่ และจังหวัดกาญจนบุรี

จากจุดดังกล่าวทำให้เขาตัดสินใจรวบรวมซื้อที่ดินจำนวน 180 ไร่พัฒนา เป็นโรงแรมและรีสอร์ตแห่งแรกของบริษัทในเครือทันที

ประกอบกับเมื่อปี 2531 นั้น สภาพคล่องทางการเงินของเมืองไทยสูงมาก และการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ ก็เป็นเรื่องง่ายมากๆ ด้วย นักพัฒนาที่ดินหลายคนฉวยช่วงจังหวะนี้เองขยายโครงการอย่างมากมาย โดยเฉพาะการทำบ้านหลังที่ 2 ตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ และการสร้างคอนโดฯ ตากอากาศตามหัวเมืองชายทะเล

ซึ่ง ณ วันนี้ก็พิสูจน์ฝีมือในการทำงานที่ได้จากโอกาสครั้งนั้นมาหลายรายแล้ว

ถึงแม้ว่าโครงการศุภาลัย ป่าสัก จะเป็นเพียงโครงการเล็กๆ หากเทียบกับโครงการใหญ่ๆ ระดับมูลค่าหลายพันล้านบาทอีกหลายโครงการที่ประทีปกำลังบริหารในตัวเมืองกรุงเทพฯ แต่อย่างน้อยศุภาลัย ป่าสัก ก็ยังมีรายได้หมุนเวียนเข้ามาตลอดและยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งยังทำหน้าที่เป็นตัวประชาสัมพันธ์ที่ดีให้กับโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ ในเครือบริษัทเดียว กันไปด้วย

ความสำเร็จของโครงการเล็กๆ แห่งนี้ ก็เลยกลายเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่ ให้ประทีป เพื่อจะได้มีกำลังใจในการกลับมาลุยงานใหญ่ในเมืองกรุงได้เป็นอย่างดี

ประทีปเล่าว่า การขายที่ดินในพื้นที่โครงการไม่ได้เป็นปัญหาที่สำคัญ เพราะเหลือเพียง 20% ของที่ดินแปลงย่อยทั้งหมดประมาณ 100 กว่าแปลง แต่สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับการบริหารโรงแรม มากกว่า

ในส่วนของโรงแรม เป็นตัวที่ต้องทุ่มเม็ดเงินในการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะต้องใช้คน และใช้เงินจำนวนมากในการบริหารแต่เขาก็จำเป็นต้องทำเพื่อหวังผลในระยะยาว

"การทำรีสอร์ตที่สมบูรณ์จำเป็นต้องมีโรงแรมรองรับ ถ้าเป็นรีสอร์ต

อย่างเดียวคนที่ซื้อบ้านพักไปอาจจะมีความส่วนตัวอยู่อย่างเงียบสงบก็จริง แต่จะมีความรู้สึกเปลี่ยวไป ไม่กล้ามาซื้อ ไม่กล้ามาพัก ที่สำคัญจะหาอาหารดีๆ ทานยาก"

ปัจจุบันในส่วนโรงแรมมี 114 ห้อง และยังเปิดโอกาสให้เจ้าของบ้านเข้าร่วมโครงการให้เป็นห้องพักของโรงแรมได้ด้วย โดยรายได้ 60% จะเป็นของเจ้าของบ้าน ส่วนอีก 40% เป็นรายได้เข้าโรงแรม ซึ่งปรากฏว่ามีบ้านของลูกค้าประมาณ 100 หลังที่เข้าร่วมโครงการนี้ ทำให้มีที่พักรวมทั้งสิ้นประมาณ 250 ห้อง รับแขกได้เต็มที่ 500 กว่าคน

โรงแรม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ เปิดบริการพร้อมกับโอนบ้านหลังแรกให้ลูกค้า เมื่อประมาณปี 2536 ซึ่งในส่วนของโรงแรมนั้น ประทีปยอมรับว่าขาดทุนมาตลอดเพราะค่าใช้จ่ายในเรื่องการบริหารสูงมาก

"มีพักหนึ่งมันใกล้จะดีขึ้น มีแนวโน้มว่าจะได้กำไรก็ยังดีใจว่าสามารถ คืนทุนได้เร็ว แต่เมื่อเกิดวิกฤตไอเอ็ม เอฟก็เลยสะดุดขาดทุนลึกไปอีกครั้ง"

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปี 2542 เป็นต้นมาปรากฏว่ายอดจองเพิ่มขึ้นมา คืนวันเสาร์เต็มเกือบตลอด ยิ่งเข้าช่วงปลายปีอากาศหนาวคนนิยมเที่ยวภูเขามากขึ้น ประทีปเลยเพิ่มความมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่ทำกำไรได้แน่นอน

ถึงแม้เม็ดเงินกำไรยังล้างเงินขาดทุนสะสมไม่ได้ แต่ประทีปก็บอกว่าพอใจอย่างมากที่โครงการไม่หยุดกิจ การไปเหมือนอีกหลายโครงการที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันความสำเร็จอย่างหนึ่งของโครงการนี้น่าจะอยู่ที่ความตั้งใจจริงของประทีปในการทำงาน

คอนเซ็ปต์ของโครงการก็คือการสร้างเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ท่ามกลางธรรมชาติให้มากที่สุด โชคดีที่ในรีสอร์ตแห่งนี้จะมีต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไปมากมาย เช่น ต้นมะม่วง ต้นสัก ประทีปเล่าว่า

"ตอนเข้ามาดูที่ดินครั้งแรกมีต้นไม้ใหญ่ๆ มากมาย ซึ่งผมก็ชอบและตั้งใจว่าจะตัดออกให้น้อยที่สุด แต่กว่าจะรวบรวมที่ดินได้ กว่าที่จะโอนเป็นที่ของเรา ปรากฏว่าถูกตัดไปขายเยอะเหมือนกัน แต่เราก็เริ่มต้นปลูกใหม่เพิ่มขึ้นมากเหมือนกัน"

นอกจากมีขุนเขา และสายน้ำป่าสัก เป็นฉากหลังของโครงการ ประทีปยังสั่งขุดลำคลองสายเล็กๆ คดเคี้ยวไปมาในโครงการ เพื่อให้ลูกค้าได้ใกล้ชิด กับธรรมชาติมากขึ้น ทุกวันนี้ในลำคลอง สายเล็กๆ นี้ยังมีฝูงเป็ดประมาณ 7-8 ตัว คอยว่ายน้ำวนเวียนไปมา และกลายเป็น เรื่องตื่นเต้นของบรรดาแขกตัวเล็กตัวน้อยที่คอยวิ่งต้อนให้อาหาร

และด้วยความที่เป็นคนที่มีใจรักทางด้านกีฬาทำให้ในโครงการมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สนามเด็กเล่น สนามซ้อมกอล์ฟ สนามเทนนิส มีท่าเรือสำหรับการล่องเรือในแม่น้ำป่าสัก มีภูเขาในบริเวณใกล้ๆ กันให้ผู้สนใจได้ปีนป่าย

เป็นเพราะยังมีโครงการพัฒนาที่ดินในกรุงเทพฯ อีกหลายโครงการ ที่กำลังเจอมรสุมของภาวะวิกฤตรุมเร้าทำให้ประทีปไม่ค่อยมีเวลาแวะเวียนไปที่โครงการรีสอร์ตนี้บ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่ไป สิ่งที่ประทีปดูแลพิเศษก็คือเรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการ ที่ดินแปลงไหนยังขายไม่ได้ เขาสั่งคนงานปลูกไม้ดอกไม้ผล เพื่อความสวยงาม รวมทั้งพืชสมุนไพร ผักปลอดสารพิษ เพื่อเอาไปใช้ในห้องอาหารของโรงแรมด้วย

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นจุดขายที่สำคัญอย่างหนึ่งของโครงการ โดยมี "บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจ เม้นท์ เป็นผู้จัดการบริหารโรงแรม ซึ่งจะดูแลในเรื่องค่าใช้จ่ายต่อเดือน ค่าใช้ จ่ายดูแลชุมชน ค่ารักษาความปลอดภัย ไฟแสงจันทร์ ค่าเก็บขยะ กวาดถนน ดูแลสวนส่วนกลางโดยเก็บจากเจ้าของบ้านตารางวาละประมาณ 5 บาท ส่วน ค่าดูแลสวน รดน้ำต้นไม้ 8 บาทต่อตารางวา ซึ่งเท่ากับว่าบ้านพื้นที่ 100 ตารางวาก็จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1,300 บาทต่อเดือน

บทสรุปอย่างหนึ่งที่ประทีปได้รับในโครงการนี้ก็คือพื้นที่โครงการกว้าง ใหญ่เกินไป เขาบอกว่าแทนที่จะพัฒนาพื้นที่ทั้ง 180 ไร่ แบ่งแปลงย่อยที่มีพื้น ที่ขั้นต่ำไว้ 100 ตารางวาต่อหลังนั้นหาก ทำใหม่จะพัฒนาโครงการในพื้นที่เพียง 100-120 ไร่ และแต่ละแปลงลดขนาดให้เล็กลงมาหน่อย เหลือประมาณแปลง ละ 60-80 ตารางวา ก็จะทำให้ขายง่ายขึ้น และอาจจะขายหมดไปนานแล้วก็ได้

แม้เป็นโครงการหนึ่งที่ทำยาก เหนื่อย และใช้ระยะเวลาคืนทุนนาน แต่เมื่อมันกลายเป็นโครงการที่มีอนาคต ประทีปเลยบอกว่า หากมีโอกาส เขาจะพัฒนารีสอร์ตในลักษณะนี้อีกที่จังหวัดภูเก็ต หรือที่ปราณบุรี และเขาอาจจะเลือกสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเป็นบ้านพักเมื่อถึงเวลารีไทร์จากภาระหน้าที่การงานก็ได้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.