ปฏิญญา ลูกสาวสุดหล่อคนเล็ก ของปัญญา ควรตระกูล ได้ใช้เวลาว่างจากการดูแลโครงการของกลุ่ม
"ปัญญากรุ๊ป" ดั้นด้นลอดลายมังกร ไปยังเกาะฮ่องกง ซื้อสูตรขนมไข่ egg-tarts
กลับมาขายที่เมืองไทย ธุรกิจขายขนมอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ทำเล่นๆ ของลูกเศรษฐี
อย่างที่หลายคนคิดแน่นอน
เพราะปฏิญญา หรือชื่อที่ใครๆ เรียกกันติดปากว่า "คุณต๊อป" นั้นเธอไม่
เคยทำอะไรเล่นๆ หลังจากจบการศึกษาทางด้าน Photo Art มาจากประเทศ อเมริกา
เธอก็ได้เข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัวอย่างจริงจังทันทีตั้งแต่ปี 2531 ด้วยงานโครงการสนามกอล์ฟปัญญา
รีสอร์ท ที่อำเภอบางพระ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเคยเป็นสนามกอล์ฟติดอันดับในสมัยหนึ่ง
(ปัจจุบันขายต่อให้กับกลุ่มแนเชอรัลปาร์คไปแล้ว) และหลังจากนั้น ก็ยังทำงานด้านพัฒนาที่ดินต่อเนื่องมาตลอดเช่นโครงการบ้านจัดสรรและสนาม
กอล์ฟที่ปัญญาอินทรา โครงการบ้านจัดสรร สนามกอล์ฟที่ปัญญาสุวินทวงศ์ ปัจจุบันเธอมีตำแหน่งเป็นกรรมการรองผู้จัดการ
ดูแลทางด้านการตลาดการขาย และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ในโครงการ
เป็นที่รู้กันว่าเธอและพี่ชายอีกคน หนึ่งคือบริพัชรนั้น เป็นแขนซ้ายขวา
ที่สำคัญของปัญญา ควรตระกูล มานาน
แต่ ณ วันนี้เมื่องานทางด้านธุรกิจที่ดินซบเซาลงไปตามภาวะเศรษฐ-กิจ
เธอก็เริ่มมองหาธุรกิจใหม่ๆ ทำตาม ประสาคนที่ยังมีไฟแรง อยู่เฉยๆ ไม่เป็น
ธุรกิจร้านขายขนมเลยเกิดขึ้น และสาเหตุที่เป็นขนมไข่ ก็เพราะว่าเธอได้ไปพบขนมไข่สูตรอร่อยจากซอกมุมของถนนสายหนึ่งในฮ่องกงที่มีรสเอร็ด
อร่อยเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นขนมของโปรดที่ต้องแวะไปซื้อทานทุกครั้งหากมีโอกาสไปฮ่องกง
จนในที่สุดได้ตัดสินใจที่จะซื้อสูตรขนม และนำมาเปิดโรงงานผลิตกันสดๆ ที่เมืองไทยและมั่นใจว่าจะต้องขายได้แน่นอน
การใช้เงินก้อนใหญ่ทุ่มซื้อสูตรขนมอาจจะไม่ยาก แต่การลงมือทำตามสูตรจนมีรสชาติที่เหมือนต้นตำรับก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายนัก
เธอใช้เวลาศึกษาวิธีการทำขนม และเทคนิคต่างๆ อยู่ที่ฮ่องกงประมาณ 2 อาทิตย์และลงทุนจ้าง
พ่อครัวจากที่โน่นกลับมาสอนต่อที่เมืองไทยอีกหลายครั้งจนทำเป็น พร้อมๆ กันนั้นเธอก็เริ่มมองหาทำเลที่จะเปิดร้านขนม
โดยพุ่งเป้าไปที่สยามสแควร์ซอย 3 เพราะเป็นทำเลย่านใจกลางเมือง เป็นแหล่งของคนที่มีรายได้ดีเดินกันคับคั่งตลอดเวลา
และยังเป็นถนนที่เชื่อมต่อไปยังเซ็นเตอร์พ้อยท์ แหล่งนัดพบแห่งใหม่ของวัยรุ่นย่านสยามสแควร์
แต่เธอก็ใช้เวลาหาที่เปิดร้านนานพอสมควรเพราะไม่มีห้องว่างให้เธอเช่าได้เลย
โชคดีที่อาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดัง ผู้เป็นน้องชายของพวงเพชร คุณแม่ของเธอ และมีศักดิ์เเป็นน้าชายแท้ๆ
ทนเสียงออดอ้อนของหลานสาวคนนี้ไม่ได้จึงยอมย้ายออฟฟิศของรังสรรค์ สถาปัตย์
ซึ่งตั้งอยู่ในซอยนี้มานานกว่า 10 ปีไปอยู่รวมกันกับออฟฟิศบ้านฉัตรเพชร บริเวณต้นซอยสยามสแควร์ซอย
3 แทน
ร้านขนมขนาดกะทัดรัดพื้นที่ประมาณ 40 ตารางเมตรจึงเกิดขึ้น โดย มีเพื่อนสนิท
ดวงฤทธิ์ บุนนาค เข้ามาช่วยตกแต่ง และเปิดร้านไปเรียบร้อยแล้วเมื่อประมาณกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
เธอลงทุนไปทั้งหมดในเรื่องค่าสูตรขนม ค่าตกแต่งร้าน ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำขนม
หมดเงินไปประ-มาณ 5 ล้านบาท เงิน 5 ล้านบาทกับการขายขนมชิ้นละ 30 บาท ต้องขายอีกกี่ชิ้น
กี่วัน ถึงจะคืนทุน คนที่คุ้นเคยกับการทำธุรกิจ 100 ล้าน, 1,000 ล้าน เคยขายบ้านหลังสองหลังหรือที่ดินสักแปลงในยามเศรษฐกิจดีๆ
กำไรอาจจะเกิน 5 ล้านบาทแล้วด้วยซ้ำไป ดังนั้นเธอคงไม่ใจเย็นเสียเวลาค่อยทำค่อยไปกับธุรกิจตัวใหม่นี้แน่นอน
การที่จะให้มีกำไร และสามารถคืนทุนได้เร็ว จะต้องมีการขายแฟรนไชส์ ของร้านขนมนี้ไปพร้อมๆ
กันด้วยคือสิ่งที่เธอตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มคิดทำธุรกิจตัวนี้ เธอตั้งราคาของแฟรนไชส์ไว้ที่
8 แสนบาท แบ่งจ่ายเป็น 3 งวด งวดสุดท้ายนั้นหมายความว่าผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไปจะต้องมั่นใจว่าทำเป็น
รสชาติเหมือนจริงๆ จึงจะจ่ายเงิน เธอบอกว่าเพื่อให้คุ้มค่ากับเงิน 8 แสนบาท
ควรจะทำขนมให้ได้ภายในเวลา 1 เดือน
"ต้องเปิดเป็นแฟรนไชส์ ถึงจะอยู่รอด ถ้าไม่ใช้วิธีนี้เราอาจจะทำให้ต้นทุนถูกลงได้
แต่รสชาติไม่เหมือนที่ฮ่อง- กงก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าจะให้เหมือนเขาก็ต้องยอมรับเรื่องต้นทุนสูง
ดังนั้นตอนนี้ส่วนผสมทุกอย่างนอกจากแป้งเราได้อิมพอร์ตมาจากฮ่องกง และออสเตร-เลีย"
โดยที่เธอและทีมงานจะช่วยเป็นที่ปรึกษาในเรื่องทำเล การตกแต่งร้าน ที่จะต้องใช้สีส้มและสีเหลืองซึ่งเป็นโทนสีหลักของโลโกของร้าน
ช่วยในการสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ของการทำขนม รวมทั้งเป็นผู้ผสมแป้งในการทำขนมส่งให้ลูกค้าแฟรนไชส์ทุกวันด้วย
ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดร้านปรากฏว่ายอดขายขนมไข่ไฮโซนี้สูงถึง 800-1,000
ชิ้นต่อวัน จากที่ตั้งเป้าไว้เพียง 4-500 ชิ้นเท่านั้น
"ตอนนี้ขนมหมดนะคะ แต่จองคิวไว้ประมาณ 5 โมงถึงจะได้ค่ะ" ปฏิญญา
บอกกับ "ผู้จัดการ" ในบ่ายวันหนึ่ง ต้องมีการรอคิวจริงเพราะขนมไข่ต้องทานร้อนๆ
จึงจะอร่อย และที่ฮ่องกงเองก็ต้องรอคิวกันอย่างนี้เพราะอบไม่ทัน
สาเหตุที่ขนมไข่นี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในช่วงแรกๆ น่าจะมาจากส่วนประกอบหลายอย่าง
เช่น ลูกค้าส่วนหนึ่งในย่านนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาไฮโซ ที่คุ้นเคยกับการเดินชอปปิ้งที่ฮ่องกง
และ รู้จักขนมนี้มาก่อนแล้ว ส่วนคุณต๊อปเองก็เป็นคนที่มีบุคลิกที่สนุกสนานเฮฮา
มีเพื่อนฝูงมากมาย การดึงเอาเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงมาร่วมถือหุ้น เช่น อานนท์
สายแสงจันทร์ หรือปู แบล็คเฮด สายธาร คีรินท์นนท์ และสุธีร์ สีหอุระกูล
มาร่วมถือหุ้น ก็ช่วยสร้างลูกค้าอีกกลุ่มเช่นกัน
หรือแม้แต่การช่วยประโคมข่าวในหน้าสตรีของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ
ก็ทำให้ยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน
ดังนั้นความสำเร็จในช่วงนี้อาจจะยังไม่ใช่บทพิสูจน์ความสำเร็จที่แท้จริง
จนกว่าวันเวลาจะผ่านไปสักระยะหนึ่ง
แต่วันนี้ ปฏิญญาได้ลงมาเป็นแม่ค้าเต็มตัว ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่มีบุคลิกห้าวๆ
ลุยๆ อย่างเธอ และคุ้นเคยกับการคุมงาน สั่งงานคนงานผู้ชายในโครงการปัญญากรุ๊ป
จะสามารถพูด จาคะขาก็เป็นด้วย หวานสนิทกว่าขนมไข่ ของเธออีกแน่ะ