สัมปทานขนาดย่อมอย่างบริการออดิโอเท็กซ์ได้กลายเป็นโอกาสใหม่ของผู้ที่อยากเป็นเถ้าแก่สื่อสาร
แต่มีเงินทุนไม่มาก
วรศักดิ์ วรภมรก็เช่นกันหลังจากวิชัย มาลีนนท์ ตัดสินใจปิดฉากธุรกิจโทรคมนาคม
วรศักดิ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมงานที่ดูแลการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมของช่อง
3 ก็หันหลังชีวิตลูก จ้างมาเริ่มต้นชีวิตการเป็นเถ้าแก่เต็มตัว
อันที่จริงแล้ว วรศักดิ์ คร่ำหวอดอยู่ในวงการโทรคมนาคมมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
เขาเคยเป็นลูกจ้างไทยคนแรกของบริษัทแปซิฟิกเทเลซิส ที่บินข้ามฟ้ามาลงทุนธุรกิจวิทยุติดตามตัว
"แพ็คลิงค์" เป็นรายแรกของเมืองไทย ที่มีดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย
แต่หลังจากร่วมทุนกันได้ไม่นาน ดร.ทักษิณถอนหุ้นไปขอสัมปทานวิทยุติดตามตัวจากองค์การโทรศัพท์ฯ
เอง และกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของแพ็ค ลิงค์ในเวลาต่อมา
หลังจากต้องฝ่ามรสุมการแข่งขัน วรศักดิ์ลาออกไปด้วยปัญหาสุขภาพ และหายหน้าหายตาไปจากวงการหลายปี
ก่อนจะกลับมาร่วมงานกับช่อง 3 จากการชักชวนของประชา มาลีนนท์ มาเป็นหัวหน้าที่บุกเบิกธุรกิจโทรคมนาคม
ให้กับช่อง 3 ที่กำลังต้องการแตกไลน์ขยายทางด้านนี้ เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว
ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจนี้กำลังเติบโตอย่างเต็มที่ ช่อง 3 เริ่มต้นธุรกิจนี้ด้วยการเป็นตัวแทนขายคอมพิวเตอร์
แต่มีเป้าหมายอยู่ที่การลงทุนธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีอายุยืนยาว หลายปีมานี้วรศักดิ์ใช้เวลาศึกษาโครงการขนาดใหญ่หลายโครง
การให้ช่อง 3 แต่โอกาสไม่เอื้ออำนวย แต่เมื่อฟองสบู่แตก ตัวเลขการลงทุนจาก
15,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 30,000 ล้านบาท ช่อง 3 จึงต้องตัดสินปิดฉากธุรกิจนี้ลง
วรศักดิ์อำลาจากช่อง 3 พร้อมกับ บริษัทไทยออดิโอเท็กซ์ เซอร์วิส ที่ขอรับสัมปทานออดิโอเท็กซ์จากองค์การ
โทรศัพท์ฯ ที่ซื้อต่อจากช่อง 3 เพื่อมาเป็นเถ้าแก่เต็มตัว
บริการออดิโอเท็กซ์ ที่เป็นการให้บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ อายุสัมป-ทาน
15 ปี ที่ผู้สนใจขอสัมปทานจะต้อง แลกมาด้วยการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับทศท.
40% ของรายได้รวม และจ่ายค่าขอใช้โครงข่าย 1 ล้านบาท และเป็นค่าเชื่อมโยงโครงข่ายอีก
1 ล้านบาทต่อปี เพื่อที่ว่าบริษัทจะสามารถนำเลขหมาย 10 หลักขึ้นต้นด้วย 1900
ไปให้บริการแก่ลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทจะต้องเป็นผู้ลงทุนอุปกรณ์ออดิโอเท็กซ์ เซิร์ฟเวอร์ที่จะบรรจุข้อมูล
และซอฟต์แวร์ ไว้ให้บริการแก่ลูกค้า ตกตัวละ 2 ล้านบาท
อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บริการออดิโอเท็กซ์ ของวรศักดิ์จะต้องเปิดให้บริการภายใน
3 เดือนนับจากวันเซ็นสัญญาไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2542 ซึ่งหากเลยกำหนดจะต้องถูกปรับวันละ
1.8 แสนบาท
เงินทุน 20 ล้านบาท จะเป็นเงินก้อนแรกที่วรศักดิ์ประเมินว่าต้องใช้สำหรับบริหารงาน
และภายใน 7 ปีจะต้องใช้เงินประมาณ 100 ล้านบาท
วรศักดิ์ ไปดึงเอาหุ้นส่วนที่เป็นบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ออดิโอเท็กซ์
จากฝรั่งเศสมาร่วมลงทุนในสัดส่วน 60:40 บริษัทต่างประเทศนอกจากจะขายซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทเพื่อใช้ในโครงการ
จะมีหน้าที่ทางด้านการดำเนิน ธุรกิจ ตั้งแต่การติดตั้งระบบ จนถึงเรื่อง การตลาดจะเป็นหน้าที่ของบริษัทจากฝรั่งเศส
ส่วนเรื่องจัดการด้านการเงิน และติดต่อธุรกิจจะเป็นหน้าที่ของวรศักดิ์
บริการนี้นอกจากมีไว้สำหรับให้บริการข้อมูลผ่านคู่สายโทรศัพท์ เช่น
หมอดู สอบถามข้อมูลต่างๆ ที่ผู้โทรจะต้องเสียเงิน 9 บาทต่อนาที ออดิโอเท็กซ์
ถูกกำหนดให้ใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดให้กับรายการโทรทัศน์ และวิทยุของช่อง
3 ที่จะเป็นพันธมิตรในเรื่องของข้อมูลให้
"กรณีของวิทยุ จะสอดแทรกลงไปได้ว่า ให้ดีเจโต้จะใช้เล่นสนุกกับผู้ฟังที่บ้าน
เช่นเดียวกับโทรทัศน์ที่จะใช้ทำกิจกรรมร่วมกับคนดูทางบ้าน ให้โทรกลับมา เช่น
ใช้โปรโมตละคร หรือ รายการใหม่"
เขาประเมินมูลค่าตลาดออดิโอเท็กซ์ จะมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านบาท จะขึ้นไปถึง
5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐ กิจที่จะต้องเอื้ออำนวยแล้วเช่นกัน
ไทยออดิโอเท็กซ์ ไม่ใช่รายเดียว ในตลาด ก่อนหน้านี้ พ้อง ชีวานันท์
ก็ได้ร่วมกับกลุ่มคิงส์พาวเวอร์ขอสัมป-ทานไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่นาน
เพราะนี่คือโอกาสเดียวของเถ้าแก่ใหม่ ในสนามสื่อสารที่ง่าย และกินเวลาน้อยที่สุด
ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับข้อมูล และการหาโอกาสทางการตลาดของแต่ละราย