เป็นนามแฝงของนักวิชาการในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งนอกเหนือจากความเชี่ยวชาญในงานประจำด้านจิตเวช
และจิตวิทยาแล้วยังมีความสนใจด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เขาจะเสนอมุมมองและสาระความรู้ที่น่าสนใจในคอลัมน์"จากฝั่งพรานนก"
ก่อนอื่นผมต้องขอแก้ไขข้อผิดพลาดที่ค่อนข้างจะร้ายแรงในบทความฉบับที่แล้ว
ในครั้งก่อนผมพูดถึงการตั้งนาฬิกาให้เร็วไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อเรา จะได้มีเวลาเหลือ
5 นาทีในการไปตามนัดหมายต่างๆ แต่ปรากฏว่าหนังสือฉบับที่แล้วกลับพิมพ์ตกเลข
5 ไป ซึ่งคุณผู้อ่านก็คงจะรู้สึกขัดอยู่ในใจว่าตั้งเวลาเร็วไปหนึ่งนาทีจะได้ประโยชน์อะไร
ก็ขอให้เข้าใจตามนี้
อาจจะมีคนขี้สงสัยตั้งคำถามว่า แล้วตั้งเวลาให้เร็วขึ้นเป็น 10-15 นาทีไม่
ได้หรือ คำตอบคือการตั้งเวลาให้เร็วมากๆ นั้นไม่มีประโยชน์ เพราะคนตั้งเวลาก็ทราบว่าตัวเองตั้งเร็วไว้มาก
ดังนั้นโอกาสที่จะชะล่าใจว่าเวลาเหลือมีมาก ทำให้พลาดได้ง่ายๆ
คราวนี้มาคุยกันต่อถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
ในชีวิต และการทำงานสำหรับคุณ
ลองนึกถึงสมัยเด็กๆ หรือย่างเข้า วัยรุ่น ผมเชื่อว่าเราทุกคนมักจะมีวีรบุรุษ
(บางคนอาจมีวีรสตรี) บางคนอาจจะมีมากกว่าหนึ่งคนด้วยซ้ำ วีรบุรุษที่ว่านี้อาจจะมีตัวตนจริงๆ
หรือเป็นเพียงตัวเอกในภาพยนตร์ญี่ปุ่นก็ตามที ลองคิดทบทวนดูว่าเราได้อะไรจากวีรบุรุษเหล่านี้
หากลองคิดดูคุณจะพบว่าสิ่งที่เราได้คือแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต หรือฟันฝ่าอุปสรรค
คนที่อยู่ในวัยทำงานก็เช่นกัน วีรบุรุษในดวงใจเป็นเสมือนรูปแบบให้เราดำเนินตาม
สิ่งที่ต่างกันคือ วีรบุรุษของคนวัยทำงานควรเป็นคนที่มีตัวตน และยิ่งดีขึ้นหากคนผู้นั้นเป็นคนที่เรารู้จักและสามารถพูดคุยขอคำปรึกษาได้
ที่สำคัญที่สุดคือ วีรบุรุษของ เรานั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งในทางธุรกิจ
แต่ขอให้เป็นคนเก่งในเรื่องที่คุณสนใจและอยากจะเรียนรู้จากเขา คุณจะพบว่าสิ่งที่คุณเรียนรู้จากครูนั้นไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถในเรื่องนั้นๆ
แต่คุณมักจะได้ปรัชญาในการดำเนินชีวิตควบคู่กันไปด้วย ติดตามความก้าวหน้า
ความรู้ใหม่ๆ ในวิชาชีพของคุณอย่างสม่ำเสมอ บางคนคิดว่าเรียนจบก็คือจบ ชีวิตการเรียนจบลงหลังจากออกจากวิทยาลัย
หรือมหาวิทยาลัย หากต้องการเรียนรู้อะไรเพิ่มก็ไปเรียน MBA ต่อ พอเรียนจบ
MBA ก็คือจบ ไม่ต้องติดตามศึกษาอะไรต่ออีก ในความเป็นจริงแล้วความรู้ใหม่ๆ
เกิดขึ้นตลอดเวลา การเลิกสนใจใฝ่รู้ทำให้เราล้าหลังในวิชาชีพ ส่วนการเรียน
MBA นั้นอย่าลืมว่าสิ่งที่ได้ก็เป็นเพียงความรู้ในขณะนั้น เมื่อคุณเรียนจบ
ความรู้ความก้าวหน้าก็เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่น่าจะช่วยให้เราติดตามความก้าวหน้าใหม่ๆ
ในวิชาชีพได้ดีก็คงจะไม่พ้นนิตยสารต่างๆ พยา-ยามอ่านนิตยสารที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพของคุณเป็นประจำ
แล้วคุณจะพบว่าความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา
หากคุณพบว่าการประชุมต่างๆ ในที่ทำงานของคุณนอกจากจะเสียเวลาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีกต่างหาก
ลองเปลี่ยนการประชุมให้สั้นลง โดยการกำหนดเวลาเริ่มและเลิกประชุมให้ชัดเจน
มีหัวข้อของการพูดคุยให้ทราบก่อนจะเริ่ม และที่สำคัญหากกลุ่มคนที่เข้าประชุมไม่มากนักลอง
เปลี่ยนรูปแบบเป็นการยืนประชุมและพูดคุยแทน คุณจะพบว่าคุณเหลือเวลา จากการประชุมมากขึ้น
และการประชุมนั้นมีข้อสรุปที่ชัดเจนมากกว่าแต่ก่อน
หากการประชุมของคุณไร้ทิศทาง และไม่ไปในจุดที่คุณต้องการ ลองถาม ให้มากขึ้น
และบ่อยขึ้น คุณจะพบว่าการประชุมจะถูกชักนำให้ไปในทิศทางของผู้ถาม เหตุผลง่ายๆ
ที่ไม่ค่อยมีคนคิดถึงกันนักคือ เมื่อคุณตั้งคำถาม คนอื่นต้องคิดตามเพื่อตอบ
และการตอบก็มักจะไปในทิศทางของผู้ถาม นั่นคือผู้ที่ถามบ่อยๆ ในการประชุมจะชักนำการประชุมไปสู่ทิศทางที่เขาต้องการ
พยายามขอความเห็นของเพื่อนร่วมงาน หรือลูกน้องของคุณบ่อยๆ เหตุ ผลง่ายๆสองประการคือ
ประการแรกที่เห็นได้ชัดเจนคือ คุณจะได้รับแนวคิดใหม่ๆ หรือแนวคิดที่หลากหลายแตกต่างจากมุมมองของคุณทำให้คุณเห็นอะไรกว้างขึ้น
และคิดอะไรรอบคอบขึ้น ส่วนเหตุผลประการที่สองที่คนอาจไม่ค่อยจะนึกกัน แต่เป็นเหตุผลสำคัญไม่แพ้เหตุผลแรก
คือ การที่คุณถามความเห็นคนอื่นนั้นแสดงให้ผู้นั้นเห็นว่าคุณให้เกียรติเขา
ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นที่ยอมรับ เงินทองไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเพียงสิ่งเดียวในชีวิตการทำงาน
แต่ความภูมิใจในเกียรติและการเป็นที่ยอมรับก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คงจะเป็นในแวดวงราชการ ที่มูลค่าตัวเงินของการได้สองขั้นนั้นน้อยมาก
แต่คนก็แย่งกัน เพราะต้องการความภูมิใจมากกว่าตัวเงิน การที่คุณขอความเห็นเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องจึงทำให้เขารู้สึกว่า
"เขาเป็นพวกเดียวกับคุณ"
อย่านึกว่าการขอบคุณในสิ่งที่คนอื่นทำให้คุณเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไม่มีความสำคัญอะไร
หรือคุณไม่จำเป็น ต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องทำให้กับคุณ ในความเป็นจริงแล้วการขอบคุณแม้จะทำในสิ่งเล็กๆ
น้อยๆ แต่ในความจริงแล้วมันก็เหมือนกับการขอความเห็นเพื่อนร่วมงาน นั่นคือมันทำให้ผู้รับรู้สึกถึงการยอมรับ
และให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาทำให้กับตัวคุณ ยิ่งกับเพื่อนร่วมงานต่างองค์กร
หรือคู่ค้าที่ทำธุรกิจร่วมกัน การเขียนและส่งการ์ดแสดงความขอบคุณ จะทำให้เขาประทับใจในตัวคุณ
และยินดีที่จะติดต่อ หรือทำงานร่วมกับคุณต่อไป เพราะความที่ทุกคนมองว่าการขอบคุณเป็นเรื่องเล็กน้อย
คุณจึงทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ค่อยจะทำกัน อย่าลืมที่จะมีความเห็นของตัวเอง
การมีความเห็นของตัวเองที่ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนกับคนอื่นนั้น บ่งบอกถึงความเป็นตัวของตัวเอง
และความสามารถในการนำผู้อื่น หรือคิดที่จะนำผู้อื่นได้ หากคุณมีความเห็นที่ต่างจากเจ้านายและคุณมั่นใจในความคิดนั้น
จงกล้าที่จะเสนอความเห็นนั้น แต่หากคุณคิดว่าคุณไม่สามารถมีความเห็นที่แย้งกับคนอื่นได้เพียงเพราะ
"เจ้านายไม่ชอบ" นั่นหมายความว่าคุณควรที่จะนึกถึงการออกจากที่ทำงานนั้น
และหางานใหม่ทำ เพราะบริษัทนั้นหรือที่ทำงาน นั้นคงจะประสบกับความล้มเหลวในเวลาไม่นานนัก
หากวัฒนธรรมในองค์กรนั้นปฏิเสธที่จะยอมรับคนที่คิดแตกต่างออกไป
หากคุณคิดว่าคุณเป็นคนที่มีความสามารถแต่เพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายไม่ค่อยจะเห็นถึงสิ่งที่คุณทำ
หรือความสำคัญของคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีการโปรโมตตำแหน่งใหม่ๆ ลองนึกถึงสองวิธีต่อไปนี้ที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่พวกเขามีต่อคุณ
ประการแรก การประสบความสำเร็จในการทำงานไม่ใช่อยู่เพียงการรับผิดชอบ หรือทำงานได้ดี
แต่อยู่ที่การรับผิดชอบทำงานได้ดี และที่สำคัญกว่าคือ เจ้านายทราบว่าคุณเป็นผู้ทำสิ่งนั้น
หลายต่อหลายครั้งที่คนเก่งมีความสามารถไม่ได้รับการโปรโมตจากเจ้านาย หรือองค์กรของตนเพียงเพราะเขาเหล่านั้นละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้
คนที่ทำงานธรรมดา หรือไม่โดดเด่น อะไรจึงมักจะได้รับความสนใจจากเจ้านาย เพราะคนเหล่านี้
พยายามให้เจ้านายรับรู้ หรือเห็นความสำคัญของสิ่งที่เขาทำ ดังนั้นนอกจากจะเก่งในการ
ทำงานแล้ว อย่าลืมสื่อสารให้คนรอบข้างทราบด้วย
ประการที่สอง หากคุณมีบุคลิก หรือลักษณะการแต่งตัวและการแสดง ออกคล้ายคลึงกับเพื่อนร่วมงานที่อาวุโส
หรืออยู่ในตำแหน่งงานที่สูงกว่า เมื่อถึงช่วงของการพิจารณาการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
ภาพลักษณ์เช่นนี้จะติดอยู่ในความคิดของเจ้านาย ดังนั้นเขาจะคิดถึงคุณเป็นลำดับแรกๆ
คิดถึงความอาวุโสของคุณว่า "พอเพียง" ที่จะไปแทนที่ หรือสามารถรับตำแหน่งที่อาวุโสขึ้น
แต่หากคุณมีบุคลิกหรือการแต่งตัว เหมือนๆ กับเพื่อนร่วมงานทั่วๆ ไป แน่นอนว่า
เจ้านายก็อาจจะมองว่าคุณยังคงอ่อนอาวุโสเกินกว่าที่จะรับการโปรโมต