รัตนินชูไทยฮับจักษุเอเชีย


ผู้จัดการรายวัน(24 มิถุนายน 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

โรงพยาบาลจักษุ รัตนินหวังดันไทยเป็นศูนย์กลางจักษุวิทยาแห่งภูมิภาคเอเชีย ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ปรับปรุงอาคารใหม่ รองรับการรักษาดวงตาแบบครบวงจรทั้ง 13 แผนก ตั้งเป้ายอดการเติบโตของคนไข้ที่มาใช้บริการเพิ่ม 10%

นายแพทย์สรรพัฒน์ รัตนิน กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลจักษุ รัตนินถือเป็นสถานรักษาดวงตาที่มีความสมบูรณ์แบบของวงการจักษุของประเทศไทย เพราะได้มีการรวบรวมเอาสาขาจักษุวิทยาทุกแขนง, เทคโนโลยีเครื่องมือสมัยใหม่และความชำนาญของทีมจักษุแพทย์ จึงเชื่อมั่นได้ว่าโรงพยาบาลจักษุฯจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของจักษุวิทยาแห่งภูมิภาคเอเชีย

"หัวใจสำคัญของโรงพยาบาลเรา คือ ทีมจักษุแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้เป็นพิเศษ โดยตอนนี้เรามีแพทย์กว่า 30 ท่าน ซึ่งเราจะเน้นในเรื่องความรู้, ความเชี่ยวชาญและจริยธรรมของแพทย์เป็นสำคัญ ซึ่งตอนนี้จักษุไทยของเรามีฝีมือดีไม่แพ้จักษุจากเมืองนอก รวมถึงราคาของโรงพยาบาลเอกชนไทยยังถูกกว่าโรงพยาบาลรัฐบาลของสิงคโปร์ ถึง 2 เท่าและถูกกว่าโรงพยาบาลอเมริกาถึง 3-4 เท่า"

นางศิริธร รัตนิน กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน กล่าวว่า โรงพยาบาลลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการปรับปรุงรูปแบบอาคารใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 8 ชั้น มีแผนกรักษาดวงตาแบบครบวงจร 13 แผนก ซึ่งอาคารใหม่นี้สามารถรองรับผู้ป่วยได้มากกว่า 400 คนต่อวัน คาดว่าจะทำให้จำนวนคนไข้ เติบโตขึ้น 10%

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2546 ที่ผ่านมานั้น โรงพยาบาลกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างอาคารใหม่อยู่ จึงทำให้ยอดจำนวนคนไข้ไม่เพิ่มหรือลดลงแต่อย่างใด โดยมีจำนวนคงที่ แต่คนไข้ชาวต่างชาติกลับมีจำนวน 10% ของจำนวนคนไข้ทั้งหมด และจำนวนคนต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการผ่าตัดเพิ่มขึ้น 27%

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปี 2547 ยอดจำนวนคนไข้ที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่คนไข้ใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 25% จากปีก่อนที่มีประมาณ 100,000 ราย ส่วนคนไข้ผ่าตัดในปีนี้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ด้านยอดรายได้ในปีนี้โรงพยาบาลตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 40% จากปี2546 และคาดว่าภายใน 3 ปี จำนวนคนไข้ชาวต่างชาติจะเพิ่มเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันที่มีประมาณ 10% ของคนไข้ทั้งหมด

ด้านนางอรนุช วิวัฒน์เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์เลสิกและรักษาสายตา รัตนินกิมเบล กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการด้านเลสิกได้นำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมีแห่งแรกในประเทศไทย คือ Platinum Zyoptix 100 ที่นำระบบสแกนลายม่านตาและระบบ ติดตามความเคลื่อนไหวตา 3 มิติมาใช้ ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและแม่นยำ

"หลังจากที่นำเทคโนโลยีตัวใหม่นี้มาใช้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ยอดลูกค้าที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้น 25% ตั้งเป้าภายใน 2 ปี จะสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 90% โดยเรามุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มวัยทำงานอายุ 25-45 ปี แต่ปัจจุบันฐานลูกค้าเพิ่มเป็นอายุ 20-55 ปี และเรายังเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพมากกว่าจำนวนปริมาณ โดยตอนนี้เราจะจำกัดจำนวนลูกค้าวันละไม่เกิน 10 คน เฉลี่ยเดือนละ 300 คน แต่ในอนาคตตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 20 คนต่อวัน"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.