ลุฟท์ฮันซ่าปรับแผนรับมือโลว์คอสต์ ชูจุดขายเรื่องบริการ พร้อมเร่งขยายตลาดขายตั๋วออนไลน์ด้วยการให้ส่วนลดเฉลี่ยที่
15% ทุกเส้นทางบิน ส่วนสมาชิกมอบสิทธิพิเศษลดราคาเที่ยวบินไป-กลับในประเทศใกล้เคียง
เช่น มาเลเซีย
นายวูล์ฟกัง อี ชมิดท์ ผู้จัดการทั่วไป สายการบินลุฟท์ฮันซ่า ประจำประเทศไทย
กัมพูชา ลาว และพม่า เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยได้เปิดสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์)
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทบ้างเช่นกันแต่ยังไม่มากนัก เพราะโลว์คอสต์แอร์ไลน์จะมีเส้นทางบินเฉพาะในประเทศใกล้เคียงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งในที่นี้จะมีเส้นทางทับกับของลุฟท์ฮันซ่าเพียงประเทศเดียวคือ มาเลเซีย
ดังนั้น กลยุทธ์ที่บริษัทจะนำมาใช้คือ นำเสนอเรื่องการบริการแก่ผู้โดยสารให้มากและพิเศษขึ้น
พร้อมทั้งมีการลดราคาตั๋วให้แก่สมาชิกในบางเส้นทาง เช่น เที่ยวบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-มาเลเซีย
จากราคา 7,500 บาท ลดเหลือ 6,500 บาท
นอกจากนั้น ยังเน้นให้บริการขายตั๋วออนไลน์ (E-Ticket) โดยให้ส่วนลดเฉลี่ยที่
15% สำหรับลูกค้าที่จองซื้อตั๋วผ่านช่องทางนี้ ในทุกเส้น ทางบินที่เรามีให้บริการ
ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อตั๋วแบบออนไลน์เป็น 30%ในปีหน้า
จากปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 20% และที่เหลือส่วนใหญ่ เป็นการขายผ่านตัวแทนที่มีอยู่กว่า
300 รายในประเทศไทย
"ในส่วนของโครงการสะสมแต้มการเดินทาง หรือไมล์แอนด์มอร์ ยังถือเป็นบริการที่ลูกค้าให้ความสนใจ และจุดพิเศษคือลุฟท์ฮันซ่าเป็นสายการบินระหว่างประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่มสตาร์
อัลไลแอนซ์ ที่สามารถใช้ไมล์สะสมร่วมกันได้ในทุกสายการบินที่เป็นสมาชิกรวมถึงการบินไทยด้วย"
อย่างไรก็ตาม ในต้นปีที่ผ่านมาบริษัทแม่ที่ประเทศเยอรมนี ได้ออกบริการพิเศษบนเครื่องภายใต้โปรแกรม
"คอนนิสเซอร์ส ออน บอร์ด" (Connoisseurs On Board) มีความหมายว่าผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านอาหารและไวน์
ซึ่งบริการดังกล่าว จะเสิร์ฟอาหารจากเชฟชั้นนำที่บริษัทได้คัดเลือกจากทั่วโลก และให้ตำแหน่งเป็น
"สตาร์ เชฟ" ซึ่งยังไม่มีสายการบินในโลกเคยทำมาก่อน ทั้งนี้เพื่อต้องการตอกย้ำความเป็นเลิศในเรื่องของบริการ
โดยจะเสิร์ฟเฉพาะผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจสำหรับเที่ยวบินที่ออกจากแฟรงก์เฟิร์ตไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
โดยเชฟที่ปรุงอาหารจะสลับสับเปลี่ยนทุก 2 เดือน ส่วนเมนูอาหารก็แล้วแต่เชฟจะเป็นผู้เลือก
ซึ่งสตาร์เชฟคนล่าสุดมาจากโรงแรม โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ชื่อนายนอร์เบิร์ต คอสต์เนอร์
ได้เลือกเมนูอาหารไทย เช่น ยำส้มโอ ต้มยำกุ้ง และอื่นๆ รวม 8 เมนู ขึ้นเสิร์ฟบนเที่ยวบินในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของอาหารไทยที่ปรุงโดยฝีมือเชฟได้ เสิร์ฟในสายการบินต่างชาติ
"เรามั่นใจว่าเมนูสตาร์เชฟ ที่ได้เลือกสรรมาอย่างดี จะช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของอาหารไทย
ให้กว้างขวางไปทั่วโลก อีกทั้งยังมองว่าประเภทของอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องบิน จะต้องเป็นอาหาร
เบาๆที่ย่อยง่าย เพราะโดยปกติการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานๆ ผู้โดยสารไม่ค่อยมีกิจกรรมมาก
มาย ประกอบกับชาวต่างชาติก็ชื่นชอบอาหารไทย ในหลายๆเมนูด้วย"