TNL ซื้อหุ้น บริษัท เอส. แอพพาเรล จำกัด จำนวน 33,596 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ
183.73 บาท ส่งผลให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 80% มั่นใจเป็นบริษัทที่มีอนาคต เพราะเป็นบริษัทผลิตเสื้อผ้าส่งออกทั้งหมด
และเน้นเสื้อผ้าคุณภาพสูง จะเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตให้กับบริษัท
นางสาวดุษฎี สุนทรธำรง กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) (TNL)
เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2547 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2547
และที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ ครั้งที่ 6/2547 เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 ได้มีมติให้ซื้อหุ้นสามัญ
บริษัท เอส. แอพพาเรล จำกัด ผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป จากบริษัท รามศรทวีการ จำกัด
จำนวน 33,596 หุ้น ราคาซื้อต่อหุ้นประมาณหุ้นละ 183.73 บาท (มูลค่าตามบัญชี ณ 31
พฤษภาคม 2547 หุ้นละ 183.73 บาท)
ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นก่อนการได้มา 74% ของทุนชำระแล้ว เป็นสัดส่วนการถือหุ้นหลังการได้มา
80% ของทุนชำระแล้ว มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนประมาณ 6.17 ล้านบาท
สำหรับวัตถุประสงค์ของการซื้อ เนื่องจากบริษัทเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีอนาคต เนื่องจาก
บริษัท เอส.แอพพาเรล จำกัด เป็นบริษัท Garment ที่ทำสินค้าส่งออก 100% โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าคุณภาพสูง
การที่บริษัทได้ลงทุนเพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนศักยภาพด้านการผลิตของบริษัท ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ใช้
เป็นเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงานของบริษัท
นอกจากนี้ ตามที่ TNL ได้มีมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2547 เมื่อวันที่
12 พฤษภาคม 2547 ได้มีมติจัดสรรตำแหน่งหน้าที่กรรมการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13
พฤษภาคม 2547 เป็นต้นไป โดยตำแหน่งสำคัญ มีดังนี้ นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการ
นายมนู ลีลานุวัฒน์ รองประธานกรรมการ รวมทั้งรายชื่อคณะกรรมการบริหาร ตำแหน่งสำคัญ
คือ นางวารินทร์ ลีลานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ นางสาวดุษฎี สุนทรธำรง กรรมการรองผู้จัดการ
และนายสุพจน์ ภควรวุฒิ กรรมการรองผู้จัดการส่วนรายชื่อคณะกรรมการตรวจสอบ ได้แก่
นายผดุง เตชะศรินทร์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ และ กรรมการประกอบด้วย นายบุญฤทธิ์
มหามนตรี และนายพรเทพ องค์สรณะคม สำหรับการดำเนินงานนั้น ล่าสุด TNL เปิดตัวผ้าไหมคอตต้าซิลค์ถือเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมปลายน้ำในเชิงพาณิชย์
โดยบริษัทได้พัฒนาผ้าไหมไทยสายพันธุ์ใหม่ "คอตต้า ซิลค์" ซึ่ง เป็นผ้าที่มีส่วนผสมของเส้นใยไหมและเส้นใยฝ้าย
ที่มีคุณสมบัติมันวาวหรูหราแบบผ้าไหม แต่ใส่สบาย ดูแลง่ายเหมือนผ้าฝ้าย ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
โดยคาดว่าจะทำให้ตลาดผ้าไหมของประเทศไทยมีการขยายตัวมากขึ้น และในระยะแรกของการทำตลาด
บริษัทจะใช้ผ้าคอตต้า ซิลค์ ผลิตเสื้อ แบรนด์ บีเอสซี แอร์โรว์ กีลาโรช เด็กซ์
ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การผลิตของบริษัทในเครือสหพัฒน์ ก่อนที่ขยายไปยังแบรนด์ อื่นที่สนใจ
โดยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 47 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 65.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
56.43 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มจาก 47 สตางค์ต่อหุ้นเป็น 55 สตางค์ต่อหุ้น