"สมคิด" มอบหมายให้ "สมใจนึก-ชัยวัฒน์" หาข้อสรุปแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอและผู้ถือหุ้นรายใหม่ภายในสัปดาห์หน้า ระบุต้องการให้ "ปตท." ถือหุ้นใหญ่และบริหาร พร้อมเปิดทางกองทุนวายุภักษ์เข้าร่วม
ด้าน "ประชัย" ค้าน ไม่จำเป็นทำเองได้ ยืนยันคลังไม่มีอำนาจอนุมัติแผน ต้องผ่าน
ครม.ก่อน ปฏิเสธซื้อคืนหุ้นละ 20 บาท เว้นแต่ยอมทำตามแผนฟื้นฟูกิจการฯฉบับลูกหนี้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ซึ่งนำโดย พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์
ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ เข้าพบว่า ได้มอบหมายให้นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง
และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปร่วมหารือเพื่อหาข้อสรุปเรื่องแผนฟื้นฟูกิจการ
และให้กลับมารายงานใหม่ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกัน ยังพบว่ามีบางประเด็นที่จะต้องดูในรายละเอียดเพิ่มเติม
โดยเฉพาะเรื่องของโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหม่ ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวแล้วต้องการให้บริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่และบริหารทีพีไอต่อไป โดยยังไม่ได้รับคำตอบจาก
ปตท. ซึ่งกำลังทำการตรวจสอบสถานะกิจการ (ดิวดิลิเจนต์) ของทีพีไออยู่
"ส่วนประเด็นที่จะให้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เข้ามาถือหุ้นนั้น ขณะนี้ผมยังไม่ได้คิด
แต่เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปผู้ถือหุ้นรายใหม่ของทีพีไอภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งการหาข้อสรุปร่วมกันจะต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งเจ้าหนี้
ลูกหนี้ และผู้ถือหุ้น โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้คอยให้การช่วยเหลือ"
สำหรับกรณีที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหารทีพีไอจะมีตำแหน่งในทีพีไออีกหรือไม่
นายสมคิด กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นรายใหม่เป็นผู้พิจารณา
ด้านพล.อ.มงคล กล่าวเพิ่มเติมว่า การหารือร่วมกันวานนี้ (15 มิ.ย.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังไม่ได้อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ
แต่เห็นชอบด้วยในเบื้องต้น โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาหาข้อสรุปเรื่องผู้ถือหุ้นรายใหม่
ซึ่งจะเข้ามาถือหุ้นในทีพีไอ ร้อยละ 90 และจะต้องเป็นนิติบุคคลไทย ซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหม่อาจประกอบไปด้วยหลายรายก็ได้
โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ และหลังจากได้ผู้ถือหุ้นรายใหม่แล้วจะเสนอให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์
(จพท.) เรียกประชุมเจ้าหนี้ทั้งหมดเพื่อขอมติอนุมัติต่อไป
"คณะผู้บริหารแผนอยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็วที่สุด โดยในสัปดาห์หน้าจะมาเข้าพบ
รมว.คลัง อีกครั้ง ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับผิดชอบ ในการหาผู้ลงทุนรายใหม่
โดยมีนายสมใจนึก เป็นผู้ดูแล" พล.อ.มงคล กล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากปตท.เข้ามาถือหุ้นในทีพีไอแล้ว
อาจพิจารณานิติบุคคลอื่นเข้ามาร่วมถือหุ้นทีพีไอ หรืออาจจะเป็นกองทุนวายุภักษ์
เพราะตามกฎหมายเปิดทางให้กองทุนวายุภักษ์เข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นได้
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งในส่วนของลูกหนี้ เจ้าหนี้ รวมถึงพนักงานทีพีไอด้วย
ประชัยโบ้ยรับแผนฟื้นฟูฯต้องผ่านครม.
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย
จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง กรณีที่รัฐมนตรีคลังเห็นชอบเบื้องต้นแผนฟื้นฟูกิจการฉบับปรับปรุงแก้ไขของคณะผู้บริหารแผนฯ
ทีพีไอนั้น คงเป็นความเห็นส่วนตัว และเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคงไม่เห็นด้วย
และแม้ว่ากระทรวงการคลังจะเห็นชอบกับแผน แต่ก็ต้องเสนอให้ ครม.อนุมัติก่อน หากคลังเห็นชอบแผนฯจะต้องยื่นเรื่องดังกล่าวให้ครม.เห็นชอบด้วย
"เรื่องนี้ต้องเข้าครม. ถ้าไม่เข้า เราจะใช้ที่พึ่งผ่านกระบวนการทางศาล ดังนั้น
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสิ้นสุดภายในเดือนนี้"
ส่วนประเด็นที่ รมว.คลัง ให้ความเห็นว่าอยากให้ปตท.เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทีพีไอนั้น
นายประชัย กล่าวว่า ทีพีไอไม่มีความจำเป็นต้องมีพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่ ก็สามารถดำเนินกิจการไปได้
โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษีถึงปีละ 1.7 หมื่นล้านบาท และหากรัฐยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการฉบับลูกหนี้
ก็จะเป็นผลดีต่อเจ้าหนี้ ที่จะได้รับชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย ผู้ถือหุ้น รายย่อย
และลูกหนี้ที่จะได้บริษัทคืน โดยทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันหมด
"ปตท.เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากจะปล้นบริษัทหนึ่งเพื่อให้อีกบริษัทหนึ่ง
ผมเห็นว่าไม่สมควร โดยไม่ต้องพูดว่าปตท.มีประสิทธิภาพและความสามารถ แต่ควรพูดถึงความชอบธรรมในการเข้ามาครอบงำกิจการ
ที่ผ่านมา ผมยังไม่ได้เข้าไปพบนายสมคิด เพราะคลังยังไม่ได้เชิญ"
ผู้บริหารแผนฯมั่ว "ประชัย" ซื้อหุ้นคืน
ส่วนกรณีที่ผู้บริหารแผนฯแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตนจะยอมซื้อหุ้น TPI จำนวน
11.67 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 20 บาทตามแผนฟื้นฟูฯ ฉบับแก้ไข ซึ่งคณะผู้บริหารแผนฯได้มีหนังสือและให้ยืนยันความประสงค์ที่จะซื้อหุ้นคืนภายใน
30 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือดังกล่าวนั้น ขอยืนยันข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง
โดยตนจะยินดีซื้อหุ้น TPI คืนในราคาหุ้นละ 20 บาท บวกดอกเบี้ย หากทำตามแผนฟื้นฟูกิจการของผู้บริหารลูกหนี้เสนอ
เท่านั้น ไม่ใช่ทำตามแผนฟื้นฟูฯฉบับแก้ไขของคณะผู้บริหารแผน
"เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนในราคาหุ้นละ 3 บาท แต่ให้ผมซื้อคืนจำนวน 11.67 ล้านหุ้น
ราคาหุ้นละ 20 บาท เขาเห็นว่าผมเป็นควายหรือไง ดังนั้น เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ซึ่งผมอาจจะแจ้งความว่ากล่าวเท็จ ทั้งๆ ที่ผมได้เตือนไปแล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริง
ก่อนที่ผู้บริหารแผนฯจะส่งหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ผ่านมา เรายอมเจ็บมา โดยตลอด
โดยยอมขายหุ้นคาโปรแลกตัมให้ญี่ปุ่น ลดการถือหุ้นในไทยไนเตรทลง 50% และขายหุ้นเพิ่มทุนในทีพีไอโพลีน
จนสัดส่วนการถือหุ้นเดิม ไดลูทลง 20-30%" นายประชัย กล่าว
นับตั้งแต่ 5 ตัวแทนกระทรวงการคลังเป็นคณะผู้บริหารแผนฯทีพีไอ 10 เดือน มีค่าใช้จ่าย
ในการบริหารแผนฯทีพีไอรวมทั้งสิ้น 900 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในในการจ้างที่ปรึกษาต่างๆ
500 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกเดือนละ 40 ล้านบาท
ราคาหุ้นทีพีไอดีดขึ้น5.06%
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TPI วานนี้ ราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในภาคบ่าย
หลังจากรมว.คลัง เห็นชอบในหลักการแผนฟื้นฟูฯฉบับผู้บริหารแผนฯ รวมทั้งต้องการให้ปตท.เข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมทุน
ซึ่งขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างเข้ามาตรวจสอบฐานะกิจการ และคาดว่าจะสรุปเรื่องนี้ได้ในสัปดาห์หน้า
โดยราคาหุ้นTPI เปิดตลาดที่ 8.85 บาท ดีดตัวขึ้นสูงสุดของวันที่ระดับ 9.40 บาท
ก่อนจะมีแรงเทขาย ทำกำไรออกมา จนปิดตลาดที่ 9.35 บาท เพิ่มขึ้น 45 สตางค์ เปลี่ยนแปลง
5.06% มูลค่าการซื้อขาย 767.27 ล้านบาท สวนทางราคาหุ้นบมจ.ปตท. (PTT) ธนาคารกรุงเทพ
(BBL) ที่ปรับตัวอ่อนลง โดย PTT ปิดตลาดที่ 150 บาท ลดลง 1 บาท เปลี่ยนแปลง 0.66%
มูลค่าการซื้อขายรวม 391.84 ล้านบาท ด้าน BBL ปิดตลาดที่ 88.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
เปลี่ยนแปลง 1.67% มูลค่าการซื้อขายรวม 167.60 ล้านบาท