"อีสเทอร์น สตาร์" ประกาศลุยตลาดอสังหาฯ ในกทม. ทุ่มงบ 4,000 ล้าน ผุด
4 โครงการภายใต้โลโก้ใหม่ "เดอะ สตาร์ เอสเตท" และเปิดโครงการใหม่ที่ระยองอีก
1 โครงการ ล่าสุดดึง บริษัท บวิค ไทย จำกัด, บริษัท ฤทธา จำกัด และบริษัท สตาร์บล็อค
กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบงานการก่อสร้าง พร้อมดึงดีทีแซด และลีโอ เบอร์เนทท์
ช่วยงานขายและโฆษณา ตั้งเป้าปิดการขายโปรเจกต์ทั้งหมดได้ในปีหน้า
นายวิลเลี่ยม เช็ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
ในช่วงที่ผ่านมา ปีนี้บริษัทฯ ได้ขยายการดำเนินงานเข้ามาสู่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
อย่างเต็มตัว โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท ลงทุนก่อสร้างโครงการใหม่ 5
โครงการ แบ่งเป็นโครงการในเขต กรุงเทพมหานคร 4 โครงการ ภายใต้ชื่อและโลโก้ใหม่
"เดอะ สตาร์ เอสเตท" และที่จังหวัดระยอง 1 โครงการ ภายใต้ชื่อ "วินเทจ"
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ลงนามในหนังสือแต่งตั้ง บริษัท บวิค ไทย จำกัด, บริษัท
ฤทธา จำกัด และบริษัท สตาร์บล็อค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบงานการก่อสร้าง
รวมถึงบริษัท ดีทีแซด เดเบนทัม ไต เหลียง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบเป็นผู้บริหารการขายโครงการใน
กรุงเทพฯ 4 โครงการ และลีโอ เบอร์เนทท์ เป็นบริษัทผู้ทำโฆษณา และประชาสัมพันธ์
"สำหรับการตัดสินใจทำตลาดในเขต กทม. และปริมณฑลของบริษัทฯในครั้งนี้ เนื่องจาก
เล็งเห็นว่ากำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าในเขตกรุงเทพ มหานครและปริมณฑลมีมากกว่าในต่างจังหวัด
อีกทั้งตลาดยังมีช่องว่างและสามารถทำตลาดได้อีกมาก โดยนโยบายการลงทุนแต่ละโครงการจะเน้น
ทำเลที่ดี พร้อมกำหนดราคาขายบ้านในแต่ละโครงการในราคาที่เหมาะสมกับทำเลที่ตั้ง
ซึ่งจุดเด่นของแต่ละโครงการจะแตกต่างกันไป" นายวิลเลี่ยมกล่าว
นายวิลเลี่ยม เช็ง ยังได้กล่าวถึงการทำตลาดของโครงการใหม่ว่า ทุกโครงการที่ดำเนินการในเขต
กทม. และปริมณฑล จะใช้แบรนด์เนมว่า "เดอะ สตาร์ เอสเตท" ประกอบด้วย โครงการที่
1 โครงการ The Star Estate @ Rama 3 ตั้นอยู่บนถนนพระราม 3 เขตยานนาวา ตรงข้ามกับจตุจักร
2 ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ลักษณะโครงการเป็นอาคารคอนโดมิเนียมสูง 19 ชั้น จำนวน
277 ยูนิต ราคาขายต่อยูนิต 1.4-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 970 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายสำหรับโครงการนี้คือนักบริหารรุ่นใหม่ที่ต้องการอาศัยในย่านสีลม-สาทร
แวดล้อมด้วยร้านค้าและสถานบันเทิง ซึ่งจะเริ่มเปิด การขายในวันที่ 26 มิ.ย.นี้
โครงการที่ 2 โครงการ The Star Estate @ Narathiwat บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์
เขตยานนาวา ใกล้กับสีลมและสาทร จะพัฒนาเป็น 3 เฟส มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท
ในเฟส 1 จะพัฒนาเป็นอาคารคอนโดมิเนียมสูง 20 ชั้น จำนวน 209 ยูนิต มูลค่าโครงการ
1,500 ล้านบาท มีขนาดห้องหลายแบบให้เลือก เช่น 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน
นอกจากนี้ยังใกล้กับเซ็นทรัล พระราม 3 แหล่งชอปปิ้ง ธนาคาร โรงพยาบาล และโรงเรียน
โครงการที่ 3 โครงการ The Star Estate @ Phattanakan อยู่ในซอยพัฒนาการ 69 บนถนนพัฒนาการ
เขตประเวศ สำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว ด้วยบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดิน เพียง 57
ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 80-120 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,050
ล้านบาท ปลอดภัยด้วย ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย จาก "เดอะเซ็นทิเนล" ประเทศสิงคโปร์
ข้างโครงการออกแบบให้แวดล้อมด้วยสวนและสายน้ำ พร้อมด้วยคลับเฮาส์ โครงการนี้ยังอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
ถนนมอเตอร์เวย์ และทางด่วนพระราม 4 ซีคอน สแควร์ และเสรีเซ็นเตอร์
โครงการที่ 4 ในกรุงเทพ คือ โครงการ The Star Estate @ Onnut อยู่บนถนนอ่อนนุช
เขตประเวศ ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินจำนวน
82 ยูนิตในสวน มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท จัดสวนให้ สบายแบบสปา มีคลับเฮาส์สำหรับพักผ่อนด้วยฟิตเนสเซ็นเตอร์
ซาวน่า จากุชชี่ และสระว่ายน้ำขนาด 25 เมตร และอยู่ใกล้โรงเรียน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า
ซีคอนแสควร์ เสรีเซ็นเตอร์ จัสโก้ และไม่ไกลจากมอเตอร์เวย์ และทางด่วนพระราม 4
สำหรับโครงการที่ 5 คือโครงการ Vintage Home ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
ภายในโครงการอีสเทอร์น สตาร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จำนวนบ้าน 64 หลัง ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
อาทิ สนามกอล์ฟ 18 หลุม คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำที่มีหาดทราย (Beach Pool) สนามเทนนิส
สนามไดรฟ์กอล์ฟ โดยกำหนด ราคาขายต่อหลัง 4-4.6 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 150-200
ล้านบาท
นายวิลเลี่ยม เช็ง กล่าวว่า การบริหารงานทั้ง 5 โครงการของบริษัทฯในครั้งนี้
บริษัทจะใช้กลยุทธ์ เน้นสร้างความมั่นใจและพึงพอใจให้กับลูกค้าเป็นหลัก รวมถึงบริการหลังการขาย
การเอาใจใส่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยกับบ้านทุกหลัง
คาดว่าหลังจากเปิดดำเนินการแล้วจะสามารถคุ้มทุนได้ภายใน 2 ปี ซึ่งแผนงานต่อไปบริษัทฯจะเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
โดยจะซื้อซากอาคารร้างที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณรอบพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้
จะเน้นทำเล ที่ตั้งเป็นหลัก และในขณะนี้ได้พิจารณาไว้ประมาณ 3-4 โครงการ
"ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดหมุนเวียนอยู่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเพียงพอต่อการพัฒนา
4 โครงการในกรุงเทพมหานครฯ หากมีการบริหารจัดการที่ดี โดยจะใช้วงเงินกู้เพียงเล็กน้อยบวก
กับรายได้จากการขายโครงการมาเป็นเงินทุน" นายวิลเลี่ยมกล่าว
นายกวี ศิริภัทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีทีแซด เดเบนทัม ไต เหลียง (ประเทศไทย)
จำกัด จำกัด หรือ DTZ ซึ่งรับผิดชอบการบริหารการขายโครงการในกรุงเทพมหานคร ทั้ง
4 โครงการ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ผนึกประสบการณ์กับ อีสเทอร์น สตาร์ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ทางการขาย
ประกอบกับบริษัทมีฐานลูกค้าที่ใหญ่และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีทีมงาน
ที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญทางด้านงานขายและการตลาดเป็นอย่างดี ทำให้ตอบสนองความต้องการของ
กลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เจ้าของบ้านได้รับประโยชน์สูงสุด