ผู้บริหารตระกูล "ไทเก้น" ทิ้งหุ้น TTA รวดเดียวกว่า 14 ล้านหุ้น ที่ราคา 30-31
บาท ฟันกำไรเละ เหตุเคยเข้ามาเก็บที่ 14 บาท อย่างไรก็ตามยังถือหุ้นรวมกันอยู่เกือบ
20% วงการชี้ผู้บริหารทิ้งหุ้นอาจเป็นเพราะราคาเกินพื้นฐาน ในขณะที่โบรกเกอร์ยังเชียร์ซื้อ
ระบุแนวโน้มขาขึ้นของค่าระวางยังไม่สิ้นสุด
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2547 นาย โอเล่ย์ ไทเก้น ผู้บริหารบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์
จำกัด (มหาชน) (TTA) รายงานการขายหุ้นสามัญของบริษัทฯจำนวน 9,450,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ
31.34 บาท ต่อมาวันที่ 3 มิ.ย. 2547 ได้ขายหุ้น TTA ออกมาอีกจำนวน 1,072,400 หุ้น
ที่ราคา 30.30 บาท นอกจากนั้นในวันเดียวกัน นาย โฟรเด้ ไทเก้น ผู้บริหาร TTA อีกราย
ได้รายงานการขายหุ้นออกมาเช่นกัน จำนวน 4,080,600 หุ้น ที่ราคา 30.89 บาท ซึ่งรวมหุ้นที่ผู้บริหารขายออกมาคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น
14,603,000 หุ้น
ทั้งนี้ การขายหุ้นของทั้ง 2 คนในวันที่ 3 มิ.ย. ถือว่าได้ก้าวข้าม 5% ของหุ้นทั้งหมด
ทำให้ต้องรายงานการจำหน่ายต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยรายงานข่าวแจ้งว่า นาย โอเล่ย์
ไทเก้นและ นาย โฟรเด้ ไทเก้น ได้ขายหุ้น TTA คิดเป็น 0.81% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
ส่งผลให้เหลือหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 19.95% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
รายงานข่าวยังแจ้งว่า นาย โอเล่ย์ ไทเก้นและ นาย โฟรเด้ ไทเก้น มีพฤติกรรมการเก็งกำไรหุ้น
TTA มาโดยตลอด โดยจากข้อมูลการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารย้อนหลังไป 1 ปี พบว่า ในช่วงเดือนเดือน
ก.ย. 2546 นาย โฟรเด้ ไทเก้น ได้เข้ามาเก็บหุ้น TTA ที่ระดับราคาประมาณ 14 บาทกว่า
จากนั้นทยอยขายหุ้นออกมาที่ระดับราคาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนนาย โอเล่ย์ ไทเก้น
มีการเข้ามาเก็บหุ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และมีการทยอยขายทำกำไรออกมาเช่นเดียวกัน
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ให้ความเห็นว่า การที่ผู้บริหารขายหุ้นของบริษัทตัวเองออกมาอาจมีเหตุผลต่างๆกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้ววัตถุประสงค์หลักก็เพื่อทำกำไร เมื่อเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
ด้าน บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (AYS) ยังคงออกบทวิเคราะห์แนะนำให้ซื้อหุ้น บมจ.โทรีเซนไทย
เอเยนต์ซีส์ (TTA) โดยประเมินว่า ผลประกอบการ 3Q47 ( สิ้นสุด มิ.ย.) คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่มีกำไรที่ดีสุดสำหรับปีนี้
เนื่องจาก TC Rate เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 14,500 เหรียญฯ ต่อเรือต่อวัน
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณ การกำไรปี 46/47F เพิ่มขึ้นเป็น 3,860 ล้านบาท
กำไรต่อหุ้น 5.98 บาท เนื่องจาก TC Rate เฉลี่ยทั้งปีสูงกว่าคาด P/E 4.9 เท่า P/BV
3.3 เท่าและ Dividend yield 8.3% ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่าแนวโน้มขาขึ้นของ อัตราค่าระวางยังไม่สิ้นสุด
เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในส่วนประเทศอื่นมีแนวโน้มฟื้นตัวทดแทนการชะลอลงของเศรษฐกิจจีน
ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายที่ 45 บาท
นอกจากนี้ ได้ปรับประมาณการจำนวนเรือสิ้นปีเป็น 43 ลำ จากเดิมคาดไว้ 46 ลำ เนื่องจากปัจจุบันหยุดสั่งซื้อเรือใหม่แล้ว
โดยเรือลำล่าสุดที่ซื้อเป็นลำที่ 45 ทั้งนี้เพื่อรอดูภาวะอุตสาหกรรมและแนวโน้มอัตราค่าระวางที่แน่ชัด
และจะมีการขายเรือออกไปจำนวน 2 ลำในปีนี้ โดยเป็นเรือเก่าซึ่งจะขายเป็นเศษเหล็ก
คาดว่าจะมีกำไรจากการจำหน่ายประมาณ 80 ล้านบาท (ก่อนหักภาษี)
ด้าน TC Rate สูงสุดใน 3Q47 ที่ 14,500 เหรียญฯ เพิ่มขึ้นจาก 12,500 เหรียญฯ
ต่อเรือต่อวันใน 2Q47 และคาดว่าจะลดลงเหลือ 12,500 เหรียญฯต่อเรือต่อวันในไตรมาสสุดท้าย
โดยเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 12,500 เหรียญฯต่อเรือต่อวัน สูงกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย
ฝ่ายวิจัยจึง ปรับประมาณการกำไรปี 46/47F เป็น 3,860 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากการ
จำหน่ายเรือ) ทั้งนี้คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 1,339 ล้านบาทใน 3Q47 เพิ่มขึ้น 20%QoQ
และ 300%YoY
ส่วนฐานะการเงิน ได้คาดการณ์กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 4,519 ล้านบาท ใช้เงินลงทุนใน
การซื้อเรือประมาณ 6,200 ล้านบาท มาจากการกู้ยืมประมาณ 75% ทำให้มีความสามารถในการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้น
บริษัทคาดว่าจะปรับ Dividend Payout Ratio เป็น 40% จากเดิม 25% ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณ
การเงินปันผลจ่ายปีนี้เป็น 2.43 บาท ให้อัตราปันผลตอบแทน 8.3%
ด้านต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 4% บริษัทมีแผนป้องกันความเสี่ยงเนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าหากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 100 basis point จะทำให้
EPS ลดลงจากประมาณการเดิม 1.2%
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TTA ล่าสุดปิดตลาดที่ 27.50 บาท ลดลง 1.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย
363.93 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับที่ 9