ดัน 2 บ.ลูก SPORT เข้าตลท.เร็ว ๆ นี้


ผู้จัดการรายวัน(7 มิถุนายน 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

SPORT เผยแผนเล็งดัน 2 บริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนขยายกิจการเอง ระบุสยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย เตรียมยื่นไฟลิ่ง ก.ค. นี้ก่อนขายหุ้นเดือน ส.ค.-ก.ย. ส่วน อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ คาดเข้าได้ปลายปีนี้-ต้นปีหน้า

นายพงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (SPORT) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะดันบริษัทในเครือ 2 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนนำมาขยายธุรกิจ ได้แก่ บริษัทสยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย จำกัด และ บริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

ทั้งนี้ในส่วนของ บริษัทสยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย จำกัด (เดิมชื่อบริษัทสยามอินเตอร์คอมิคส์) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นและพ็อกเกตบุ๊ก คาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ภายในเดือน ก.ค. นี้ และจะขายหุ้นในเดือน ส.ค.-ก.ย. ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด มี บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดย SPORT มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวประมาณ 15% หรือประมาณ 2 ล้านหุ้น และมีต้นทุนหุ้นละประมาณ 18 บาท ซึ่งหลังจากที่สยามอินเตอร์ มัลติมีเดียเข้าตลาดแล้ว บริษัทมีแผนที่จะขายทำ กำไรออกมา ซึ่งเป็นการขายหุ้นในส่วนที่ถือแล้ว ทำให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ออกไป "SPORT จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการขายเงินลงทุนดังกล่าว"

ส่วนบริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือที่ SPORT ถือหุ้นอยู่ 90% โดยคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ประกอบธุรกิจด้านบันเทิง ทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ โดยปัจจุบันมีนิตยสารเช่น FHM ซึ่งเป็นนิตยสารสำหรับผู้ชาย คาวาอิ นิตยสารแนวญี่ปุ่นสำหรับวัยรุ่น และหนังสือพิมพ์สยามบันเทิง และคาดว่าในปีนี้จะเปิดตัวนิตยสารเพิ่มเติมอีก 3 ฉบับ ส่วนรายการ ทีวีปัจจุบันมี 1 รายการคือ แฟนซ่ากีฬามัน เป็น รายการบันเทิงกีฬา และมีแผนที่จะผลิตละครและภาพยนตร์ต่อไป นอกจากนั้นยังมีจัดการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ซึ่งมีบริษัทโมเดลลิ่งเป็นของตัวเองด้วย

ปัจจุบัน บริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดย SPORT ถือหุ้นในสัดส่วน 90% หรือ 4.2 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 42 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นที่เหลือได้แก่ นายวิลักษณ์ โหลทอง ถือหุ้น 8% และบุคคลอื่นๆถือหุ้นอีก 2% ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะเพิ่มทุนเป็น 200 ล้านบาท เพื่อเข้าตลาดใหญ่ (SET)

"ในส่วนของสยามอินเตอร์มัลติมีเดียเราถือหุ้นอยู่ไม่มากประมาณ 15% ซึ่งหลังจากเข้าตลาดแล้วก็คิดว่าจะขายทำกำไรออกมา เพราะลงทุนมานานแล้ว ส่วนอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ เราเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และคิดว่าอนาคต จะต้องเติบโตอีกมาก คงใช้เงินทุนจากบริษัทแม่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องออกไประดมทุนเอง ส่วนไอ-สปอร์ต ที่เราร่วมลงทุนกับสามารถ ไอโมบาย ตอนนี้ถือว่ายังใช้เงินทุนจากบริษัทแม่ได้อยู่ แต่ถ้าในอนาคตต้องใช้เงินมากก็น่าจะต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนเหมือนกัน"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.