SPORT เผยแผนเล็งดัน 2 บริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนขยายกิจการเอง
ระบุสยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย เตรียมยื่นไฟลิ่ง ก.ค. นี้ก่อนขายหุ้นเดือน ส.ค.-ก.ย.
ส่วน อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ คาดเข้าได้ปลายปีนี้-ต้นปีหน้า
นายพงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)
(SPORT) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะดันบริษัทในเครือ 2 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เพื่อระดมทุนนำมาขยายธุรกิจ ได้แก่ บริษัทสยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย จำกัด และ บริษัทอินสไพร์
เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ทั้งนี้ในส่วนของ บริษัทสยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย จำกัด (เดิมชื่อบริษัทสยามอินเตอร์คอมิคส์)
ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นและพ็อกเกตบุ๊ก คาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล
(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ภายในเดือน ก.ค. นี้ และจะขายหุ้นในเดือน ส.ค.-ก.ย.
ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด มี บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดย SPORT
มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวประมาณ 15% หรือประมาณ 2 ล้านหุ้น และมีต้นทุนหุ้นละประมาณ
18 บาท ซึ่งหลังจากที่สยามอินเตอร์ มัลติมีเดียเข้าตลาดแล้ว บริษัทมีแผนที่จะขายทำ
กำไรออกมา ซึ่งเป็นการขายหุ้นในส่วนที่ถือแล้ว ทำให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ออกไป
"SPORT จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการขายเงินลงทุนดังกล่าว"
ส่วนบริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือที่ SPORT ถือหุ้นอยู่
90% โดยคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
ทั้งนี้ บริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ประกอบธุรกิจด้านบันเทิง ทั้งสื่อหนังสือพิมพ์
วิทยุ และโทรทัศน์ โดยปัจจุบันมีนิตยสารเช่น FHM ซึ่งเป็นนิตยสารสำหรับผู้ชาย คาวาอิ
นิตยสารแนวญี่ปุ่นสำหรับวัยรุ่น และหนังสือพิมพ์สยามบันเทิง และคาดว่าในปีนี้จะเปิดตัวนิตยสารเพิ่มเติมอีก
3 ฉบับ ส่วนรายการ ทีวีปัจจุบันมี 1 รายการคือ แฟนซ่ากีฬามัน เป็น รายการบันเทิงกีฬา
และมีแผนที่จะผลิตละครและภาพยนตร์ต่อไป นอกจากนั้นยังมีจัดการประกวดมิสทีนไทยแลนด์
ซึ่งมีบริษัทโมเดลลิ่งเป็นของตัวเองด้วย
ปัจจุบัน บริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นจำนวน
5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดย SPORT ถือหุ้นในสัดส่วน 90% หรือ
4.2 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 42 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นที่เหลือได้แก่
นายวิลักษณ์ โหลทอง ถือหุ้น 8% และบุคคลอื่นๆถือหุ้นอีก 2% ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะเพิ่มทุนเป็น
200 ล้านบาท เพื่อเข้าตลาดใหญ่ (SET)
"ในส่วนของสยามอินเตอร์มัลติมีเดียเราถือหุ้นอยู่ไม่มากประมาณ 15% ซึ่งหลังจากเข้าตลาดแล้วก็คิดว่าจะขายทำกำไรออกมา
เพราะลงทุนมานานแล้ว ส่วนอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ เราเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และคิดว่าอนาคต
จะต้องเติบโตอีกมาก คงใช้เงินทุนจากบริษัทแม่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องออกไประดมทุนเอง
ส่วนไอ-สปอร์ต ที่เราร่วมลงทุนกับสามารถ ไอโมบาย ตอนนี้ถือว่ายังใช้เงินทุนจากบริษัทแม่ได้อยู่ แต่ถ้าในอนาคตต้องใช้เงินมากก็น่าจะต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนเหมือนกัน"